วันนี้คุณครูได้นำนักเรียนมาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมเพื่อนักเรียนจะได้ฝึกรักษาศีล
ได้ฝึกทำสมาธิ ได้ฝึกเจริญปัญญา
ศีลได้แก่อะไร
ศีลได้แก่ข้อวัตรปฏิบัติที่ทำคน ๆ หนึ่งให้เป็นคนดี
สมาธิได้แก่จิตใจตั้งมั่น ตั้งไว้นาน ๆ
เราจะทำอะไรก็ให้จิตใจตั้งไว้ในสิ่งนั้น ๆ ถ้าสิ่งใด เป็นสิ่งที่ดี ๆ
ต้องตั้งไว้ตลอดไปตลอดกาลเลย
ปัญญาได้แก่ความรู้ตามเป็นจริง เช่น
รู้ว่าถ้าเราเป็นคนไม่ขยัน เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน
ในอนาคตเราต้องเป็นคนยากจนคนยากคนลำบาก
คนเรามันต้องเป็นคนขยันเป็นคนที่เสียสละ มันถึงจะเจริญ
จะร่ำจะรวยมีคุณธรรม
ศีลคือภาคประพฤติปฏิบัติ ทั้งทางกายของนักเรียน
ทั้งทางคำพูดของนักเรียน ทั้งทางความคิดของนักเรียน
ศีลคือความประพฤติที่จะนำไปสู่คุณธรรมคุณงามความดี
ศีลนี้เปรียบเสมือนแผ่นดินทั้งหมดนี่
ในโลกนี้ไม่ว่าคนไม่ว่าสัตว์ไม่ว่าต้นไม้ที่จะตั้งอยู่ได้ก็เพราะมีแผ่นดิน
ถ้าไม่มีแผ่นดินแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะตั้งอยู่ไม่ได้
ความดีทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่านักเรียนเป็นผู้ที่มีศีลนะ
ผู้ที่รักษาศีลคือผู้ที่นำตัวเองเข้าหาความสุข เข้าหาความดับทุกข์
ปราศจากอันตราย เป็นผู้ที่ไม่มีบาปไม่มีกรรมไม่มีภัยไม่มีอันตราย
ผู้ที่มีศีลก็คือผู้ที่มีความดีเป็นทางเดิน เป็นทางปฏิบัติ
ศีลถึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต ถ้าเราไม่มีศีล
ชีวิตของเราก็ไม่มีหลัก ไม่มีเกณฑ์ ไม่มีทางเดินไปสู่ความสุข
ความดับทุกข์
สังคมส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ถือว่าพากันรักษาศีลกันน้อยมาก
ไม่เห็นความสำคัญ ในการรักษาศีล สังคมนั้นถึงมีปัญหา
จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ออกกฎหมายบังคับ ให้ประชาชนนั้นทำตาม
ก็เนื่องมาจากคนไม่รักษาศีล ไม่มีศีล
ศีลคือความดี นักเรียนทุกคนต้องตั้งมั่นในความดี เราจะเดินทางไปโคราช เราต้องมี ถนนหนทาง แล้วก็มียานพาหนะคือรถยนต์ขับเคลื่อนนำไป ตัวคนขับเราก็คือตัวเราเอง ถ้าเราไม่ตั้งใจขับดี ๆ อุบัติเหตุย่อมเกิดแก่เราได้ การเดินทางที่ไปโคราชก็ชื่อว่าไม่ถึงจุดหมายปลายเพราะเราตั้งอยู่ในความประมาท ขาดสติ ไม่มีสมาธิ ศีลสมาธิจึงเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ
สมาธิได้แก่ความตั้งมั่นความตั้งใจ
หนักแน่นไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน
หรือเปรียบเสมือนเขาจะสร้างบ้านสร้างอาคารตึกใหญ่ ๆ
สูงตั้งเป็นหลายร้อยชั้นนี้
เขาต้องตอกเสาเข็มลงในพื้นดินตั้งหลายเมตรจนถึงหินแข็ง
มันตอกลงไม่ได้ถึงหยุด ถ้าไม่อย่างนั้นมันรับน้ำหนักไม่ได้
รับการสั่นสะเทือน รับแผ่นดินไหวไม่ได้
นักเรียนต้องมีสมาธิ ฝึกสมาธิ ต้องตั้งมั่นในความดี
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
“สิ่งไหนไม่ใช่ความดีไม่ทำดีกว่า”
คนเรามันสมาธิสั้นนะ ทำอะไรนิด
ๆ หน่อย ๆ ไม่กี่อึดใจมันก็จะหยุด
ความดีนี้ต้องตั้งไว้นาน ๆ มันอยากหยุดเราก็ไม่หยุด ต้องฝืนต้องทน
เพื่อให้ใจของเรา มีสมาธินาน ๆ ตั้งไว้ในสมาธินาน ๆ
อย่างเราอ่านหนังสืออย่างนี้แหละ ให้อ่านนาน ๆ ให้มีความสุขในการอ่าน
เวลาอ่านก็ให้ใจของเราอยู่กับเนื้อกับตัว มีเรื่องอะไรก็พักไว้ก่อน
ไม่ต้องไปคิดอะไร ให้ใจของเราอยู่กับการอ่านหนังสือ ให้นักเรียนทุก ๆ
คนถือว่าเป็นหน้าที่ เป็นการงานของเรา
จะพอใจหรือไม่พอใจก็ต้องทำต้องประพฤติต้องปฏิบัติ
สมาธิแปลว่าความตั้งมั่นอยู่เหนือทั้งความชอบอยู่เหนือทั้งความไม่ชอบ
ถ้าเรา ไปทำตามอารมณ์ ใจของเรามันก็ไม่มีสมาธิ
อย่างเขาเล่นกีฬากันก็ต้องอาศัยสมาธิ
ถ้าใครสมาธิดีคนผู้นั้นก็เป็นผู้ที่ชนะ เพราะใจมันนิ่ง ใจมันมีพลัง
ใจมันมีศักยภาพ
เราเป็นนักเรียนตั้งแต่เรียนอนุบาลไปถึงเรียนมัธยม
มีความเหมาะสมที่จะฝึกตัวเองปฏิบัติตัวเองให้เป็นคนตั้งใจเป็นคนมีสมาธิ
ช่วงระยะนี้ก็ถือว่าเป็นระยะที่ต้องฝึกตนเอง
ถ้าปล่อยใหญ่กว่านี้มันฝึกยาก อาจจะฝึกไม่ได้
ความสุข ความสะดวกความสบาย มันเป็นสิ่งเสพติดเหมือนยาเสพติด
ทำให้นักเรียน ทุกคนติด มันไม่อยากทำงาน ไม่อยากเรียนหนังสือ
ไม่อยากอ่านหนังสือ ไม่อยากท่องหนังสือ ไม่อยากช่วยงานพ่อแม่
นักเรียนทุก ๆ คนจำเป็นต้องบังคับตัวเองทำความดี ช่วยเหลืองานพ่อแม่ ในชีวิตประจำวัน ตั้งใจอ่านหนังสือท่องหนังสือทำการบ้าน นักเรียนทุก ๆ คนต้องตั้งใจฝึก อย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ในอนาคตเราเป็นคนยากจนแน่นอน เขาฝึกช้าง ฝึกม้า ฝึกวัว ฝึกควาย ฝึกสัตว์ต่าง ๆ ที่เขาพากันฝึก เขาก็ยังฝึกกันได้ตามความต้องการ “เราเป็นคนเป็นมนุษย์ทำไมถึงจะฝึกไม่ได้...”
เราเป็นเด็กเป็นนักเรียนต้องตั้งใจฝึกนะ มันจะไม่ได้ผิดพลาดในชีวิต
เพราะว่าชีวิตเรานี้จะจนหรือจะรวย จะมีคุณธรรมมันอยู่ที่ตัวของเราเอง
เราจะไปโทษใครไม่ได้ เราจะไปโทษ พ่อแม่เรา
ว่าพ่อแม่เราจนพ่อแม่เราไม่รวย เราเลยจนเหมือนพ่อเหมือนแม่
เราจะไปคิดอย่างนั้นไม่ได้
เมื่อเรามีลมหายใจอยู่ก็ถือว่าดีแล้วประเสริฐแล้ว
เราเป็นนักเรียนเราต้องประพฤติปฏิบัติตัวเองให้เป็นผู้มากู้สถานการณ์
จากครอบครัวที่ยากจนให้เป็นครอบครัวที่มีอยู่มีกิน มีฐานะมีการมีงาน
มีเกียรติมียศมีตำแหน่ง มาช่วยเหลือพ่อแม่
มาช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเมืองและสังคม
นักเรียนทุกคนเป็นคนสำคัญนะที่จะมาแก้สถานการณ์ได้
ไม่ใช่เป็นคนไม่สำคัญ เราลองคิดดูดี ๆ เราเป็นคนบ้านนอก
บ้านอยู่ห่างไกลจากความเจริญ พ่อแม่เราเป็นกรรมกร เป็นเกษตรกรนะ
ถ้ามีการค้าขายก็ค้าขายบ้างเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ในหมู่บ้านหนึ่ง ๆ
เท่านั้น ถ้าเราไม่ตั้งใจเป็นคนดี เหินห่างจากความทุกข์
อะไรคือความทุกข์...?
ความขี้เกียจขี้คร้านนั่นแหละคือความทุกข์
นั่นแหละคืออบายมุขหรือว่าเป็นนรกหลุมเล็กหลุมใหญ่ที่มันจะดักเราอยู่ข้างหน้านะ
นักเรียนต้องเป็นผู้ขยันหมั่นเพียรถึงจะได้ชื่อว่านักเรียนนักศึกษาที่แท้จริง
มาเรียนหนังสือก็ให้ตั้งใจเรียน อย่าเอาแต่เล่นเอาแต่หลบหลีก
คิดว่าผ่านได้สอบไม่ตกก็เพียงพอแล้ว
นักเรียนอย่าไปคิดอย่างนั้นนะ คิดอย่างนั้นมันไม่ดีไม่ถูก
ต้องเอาชนะความขี้เกียจขี้คร้านของตนเองให้ได้
คนเราเกิดมามันขี้เกียจขี้คร้านนะ
ไอ้เจ้าตัวขี้เกียจขี้คร้านนี้แหละตัวสำคัญนะ ทุกคนต้องแก้ไข
ให้นักเรียนดูตัวอย่างและเอาตัวอย่างอย่างพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ที่ขยัน
ท่านขี้เกียจไม่เป็นท่านถึงได้เป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าท่านนี่ไม่มีขี้เกียจเลยนะ พระอรหันต์ก็ไม่มีความขี้เกียจ
ถ้ายังขี้เกียจอยู่ ก็ไม่ใช่พระอรหันต์
คนยากจนทั้งหลายนี่คือคนขี้เกียจนะ...
ความเคยชินของเรามันมาจากบิดามารดา ท่านยังเห็นเรายังเด็กอยู่
ท่านเลยปล่อยให้เราสบาย ๆ ไม่บังคับให้ทำการทำงาน
ท่านรักเราท่านสงสารเรา เลยเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เรา
เป็นคนติดสุขติดขี้เกียจ ความขี้เกียจขี้คร้านมันใหญ่โตขึ้นทุกวันนะ
ไม่รู้ว่าใหญ่ตอนไหน ตอนเช้าตอนกลางวันตอนกลางคืนก็ไม่รู้
แต่ความขี้เกียจมันใหญ่ขึ้นทุกวัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงของเรา
ท่านต้องการให้นักเรียนทุกคนเป็นคนขยัน เป็นคนตั้งมั่นในความดี
รู้จักคิดให้มันเป็น อย่าพากันหมกมุ่นอยู่กับความขี้เกียจขี้คร้าน
คิดอะไรก็ไม่เป็น
แค่คิดว่าถ้าเราขี้เกียจขี้คร้านไม่ตั้งใจทำงานไม่ตั้งใจเรียนหนังสืออ่านหนังสืออนาคตของเราจะเป็นคนยากคนจนเป็นคนลำบากแค่นี้ก็ยังคิดไม่เป็น...
ในหลวงของเราท่านก็ต้องการให้เราเป็นคนดีเป็นคนขยัน
เป็นผู้ที่มีความสุข ในการทำความดีนะ
ในอนาคตเมื่อเรายากจนใครก็ไม่อยากเรียกเราว่าเป็นญาติพี่น้องเป็นวงศ์เป็นตระกูล
เป็นเพื่อน
ใครก็ไม่อยากคบค้าสมาคมเค้ากลัวเรายืมเงินยืมสตางค์เค้า
ความขี้เกียจขี้คร้านแท้ ๆ ที่ทำให้เราสอบไม่ได้คะแนนดี ๆ
จะสอบแต่ละครั้งก็ปากสั่น มือสั่น
มือกำปากกาจนเปียกหมดเพราะความขี้เกียจแท้ ๆ
นักเรียนลองคิดดูดี ๆ สิ ปีหนึ่งก็มี ๓ เทอม เทอมหนึ่งประมาณ ๔ เดือน
ถ้าเราประมาทตั้งอยู่ในความขี้เกียจ เราเอาเวลาไปเล่นไปเที่ยว
ไปดูหนัง ฟังเพลง ไปเล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เนท ไปกดโทรศัพท์ เวลาเราดี
ๆ ก็เสียไป
ในหลวงของเราท่านให้เราใช้เวลาให้มันเป็น ใช้เวลาให้มันมีคุณค่า
ตอนที่เรายังเพลิดเพลิน เรายังเล่นยังเที่ยว เรามันยังไม่รู้ตัวหรอก
เวลาสอบผลกรรม ตามสนอง
ไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
ชื่อว่าเรามันคอรัปชั่นเวลานะ
ที่นักการเมืองเค้าพากันคอรัปชั่นกินบ้านกินเมือง
ที่ข้าราชการคอรัปชั่นกินบ้านกินเมือง นักเรียนนักศึกษา
ถ้าไม่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติก็จะเป็นคนคอรัปชั่นเวลาเหมือนกันนะ
“ให้จำไว้ดี ๆ นะ...”
ถึงเราจะเป็นคนด้อยโอกาส
ไม่มีบุญไม่มีวาสนาได้เรียนพิเศษเหมือนนักเรียนในกรุงเทพฯ
เราก็อย่าพากันน้อยใจนะ
ถ้าเราตั้งอกตั้งใจชื่อว่าเรามีโอกาสเราไม่ด้อยโอกาส
เพราะเวลามันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ มันก็ ๒๔ ชั่วโมงต่อวัน
ถ้าเราขยันเหมือนกับที่เขาไปเรียนพิเศษ
มันก็ย่อมมีความรู้มีความสามารถเหมือนกันนะ
ขอให้มีความตั้งใจตั้งมั่นเขาเรียกว่าเป็นคนมีสมาธิ
เป็นคนขยันหมั่นเพียร ทำงานอ่านหนังสือมันไม่ตายหรอก
อย่างมากก็เหนื่อย เหนื่อยแต่มันคุ้มค่านะ
เพราะเหนื่อยในทางที่ดีที่ถูก
นักเรียนทุกคนต้องตั้งใจใหม่
เรามาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมเรารู้หลักเกณฑ์ในชีวิต สิ่งไหน
มันจะนำเราไปสู่ความสุข สิ่งไหนมันจะนำเราไปสู่ความดับทุกข์
ถ้าเราไม่ตั้งใจใหม่
การเปลี่ยนแปลงของเราไปในทางที่ดีมันจะเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร
มันก็เป็นเหมือนเดิม เป็นคนเก่า
นักเรียนพากันคิดให้เป็นนะ
มองดูคนในหมู่บ้านของเราส่วนใหญ่เป็นคนยากคนจนมีหนี้ มีสิน
เป็นกรรมกรเป็นเกษตรกร อยู่ในครอบครัวอยู่ด้วยความยากลำบาก
ตกนรกทั้งเป็น เงินก็ไม่พอใช้ เป็นหนี้เป็นสินนะ จะอยู่จะกินจะนอนก็อด
ๆ อยาก ๆ
มีการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสามีภรรยาบุตรธิดาบ้านใกล้เรือนเคียง
ตอนเย็นก็พากันกินเหล้ากินเบียร์
พากันดื่มเหล้าขาว ทำกันอย่างนี้แทบทั้งนั้น มันเพราะอะไร
นักเรียนนักศึกษาลองวิเคราะห์ดู...
ถ้าเรามาวิเคราะห์ดูก็เพราะความขี้เกียจขี้คร้านตั้งอยู่ในความประมาท
เมื่อวัยเด็ก ไม่ตั้งใจเรียนตั้งใจศึกษา ไม่ตั้งใจทำการทำงาน
ปัญหามันถึงได้เป็นอย่างนี้ ถ้าเราเป็นอย่างนี้เหมือนเขา
เรามันจะมีความสุขเหรอ...?
มันไม่มีความสุข
มันมีแต่ความทุกข์ คนไม่ตายก็ตกนรกทั้งเป็นแล้ว
การที่เรามาพัฒนาเราเองก็คือการพัฒนาในการเรียนการศึกษา
พัฒนาให้เราเป็นคนขยัน เป็นคนหนักแน่นตั้งมั่นในความดี
เค้าเรียกว่าเป็นคนมีสมาธิเป็นคนมีปัญญา
ความเป็นอยู่ของคนชนบทส่วนใหญ่จะเป็นคนยากจน เป็นชนชั้นกรรมกรเกษตรกร
เป็นคนใช้แรงงาน เป็นคนขายแรงงาน เพราะด้อยในการเรียนการศึกษา
ไม่มีความรู้ไม่มีปัญญาในการทำมาหาเลี้ยงชีพ คิดไม่ค่อยจะเป็น
นักเรียนก็เป็นคน ๆ หนึ่งที่อยู่ในชนบท ต้องเป็นคนที่มีหัวจิตหัวใจนะ
รู้จักการพัฒนาตนเองด้วยการเป็นผู้ที่ตั้งเรียนตั้งใจศึกษา
แก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเอง แก้ไขถิ่นฐานบ้านเกิด เมืองนอนของตัวเอง
อย่าได้พอใจในการไปเป็นลูกน้องเขาไปขายแรงงานนะ
ถ้าเราไม่รู้จักคิดมันก็ไม่ต่างจากวัวควายสมัยก่อนที่เขาใช้ลากเกวียนไถนา
เรามันก็พอ ๆ กัน ตื่นขึ้นมา
ก็ให้เค้าไปใช้งานเหมือนกับวัวเหมือนกับควาย
มันสาเหตุมาจากอะไรล่ะ...?
ให้นักเรียนรู้นะ มันสาเหตุมาจากที่เราไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ
ไม่ตั้งใจเป็นคนขยันหมั่นเพียร
นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต้องแข่งขันกันนะ แข่งขันกันในการทำความดี
ให้ความรู้ความสามารถมันทัดเทียมกับคนอื่นเขา
ต่างคนก็ต่างตั้งอกตั้งใจเรียนให้เต็มที่
คนเราหัวดีอาจจะใกล้เคียงกัน
แต่ความขยันความอดทนความพากเพียรที่มันคงเส้น
คงวาเสมอต้นเสมอปลายนี่สำคัญ ยกตัวอย่างมีเด็กชายอยู่คนหนึ่ง
เป็นคนหัวดีพอปานกลาง เขาเห็นโทษในความยากจน
เขาอดทนขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือ พ่อแม่ไม่มีเงินไม่มีสตางค์
ส่งเสียเรียนพิเศษเขาก็ขวนขวายของเขาเอง
สุดท้ายเขาก็เอ็นทรานซ์ติดนักศึกษาแพทย์จนได้
ความยากจนนั้นไม่ได้กั้นคุณงามความดีของเขาเลย
เมื่อเขาเป็นคุณหมอเป็นนายแพทย์
เค้ามีครอบครัวมีภรรยาลูกเขาก็เกิดมาสามคน
หัวดีนี้ไม่สำคัญเท่ากับความขยันความอด ความทน ให้มันขยันมาก ๆ
ทนไว้มาก ๆ แล้วมันจะได้ดี สุดท้ายลูกเค้าทั้งสามคน
ก็ติดนักศึกษาแพทย์แล้วก็เป็นคุณหมอทั้งสามคน
ทั้งที่ลูกเขาก็ไม่ใช่หัวดีกว่าเพื่อน มันก็พอ ๆ
กันนั่นแหละแต่ว่ามันขยันต่างกัน
ปีนี้ทางรัฐบาลเค้ามองเห็นการเรียนการศึกษานี่เป็นสิ่งที่จะพัฒนาให้คนในชนบท
เพื่อให้มีฐานะอยู่ดีกินดีทัดเทียมใกล้เคียงกับคนในเมือง
เพราะคนชนบทยังด้อยการพัฒนาสติปัญญาอยู่มาก
รัฐบาลเลยลงทุนซื้อแท็บแบล็ตเพื่อที่จะให้เข้าถึงการเรียนการศึกษาที่ก้าวไกลทันคนในเมือง
ให้นักเรียนทุกคนรู้ไว้นะ แท็บแบล็ตนั้นมันมีทั้งคุณและโทษ
ถ้าเราเอาไปใช้ในการเรียนการศึกษาหาความรู้นั้นมันดี
เพราะเราไม่ต้องซื้อหนังสือไม่ต้องแบกกระเป๋าไปโรงเรียน
เราต้องการความรู้อะไร เราก็กดดูอยู่ในแท็บแบล็ตนั้น
มันเป็นสิ่งที่อำนวยความสบายให้แก่นักเรียนมากนะ
ถ้าเราเอาไปใช้ผิดประเภท เช่นเราเอาไปกดเล่นอินเตอร์เนท ดูหนังฟังเพลง
ติดต่อพูดคุยกับเพื่อน สิ่งเหล่านั้นมันก็เป็นโทษแก่เรา
เราเอาไปใช้ผิดประเภทนั่นแหละ คือนรกหลุมเล็กหลุมใหญ่ที่จะให้เราติด
ให้นักเรียนทุกคนให้รู้ดี ๆ นะ ต้องควบคุมตัวเองให้ได้
ต้องใช้เทคโนโลยีแท็บแบล็ตเพื่อการเรียนการศึกษาเท่านั้น
ต้องหักห้ามใจตัวเองไว้ให้ได้นะ
เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เป็นความจำเป็นนะเพราะบ้านเมืองเขาพากันพัฒนาไปไกล
เราก็ต้องพัฒนาให้ก้าวไกลทันเขา
แต่สิ่งที่สำคัญเราต้องเอาเทคโนโลยีหรือแท็บแบล็ตไปใช้
ให้มันถูกต้องถูกวิธี พ่อแม่เราบังคับบอกกล่าวให้สติเรา
ให้เรารู้จักฟังคุณพ่อคุณแม่ คุณครูบอกกล่าวเราให้เรารู้จักฟังคุณครู
ถ้าคุณพ่อคุณแม่บอกว่าไม่ดีเราต้องหยุด
ถ้าคุณครูบอกว่าไม่ดีเราต้องหยุดนะ
ถึงเราไม่อยากหยุดเราก็ต้องหยุด
พ่อแม่คือพรหมลิขิตของเรา
ท่านลิขิตให้เราเป็นคนดีเป็นคนขยันเป็นคนเสียสละ
คุณครูท่านเป็นพรหมลิขิตของเรา
ท่านลิขิตให้เราเป็นคนขยันเป็นคนตั้งใจเรียน เป็นคนเสียสละ
เป็นผู้ที่กระตือรือร้นในการเรียนการศึกษา
ไม่ขี้เกียจขี้คร้านมีความสุขมีความรับผิดชอบ ในการเรียน
ตัวนักเรียนเองก็ต้องเป็นพรหมลิขิตของตัวเองนะ
พรหมก็ได้แก่ พรหมวิหารทั้ง
๔ คือ มีความเมตตาต่อตนเอง เมื่อมีความเมตตาตนเอง
ก็ต้องทำความดี เขาเรียกว่าเป็นผู้มีเมตตา
มีความกรุณาสงสารตัวเองว่าถ้าไม่ตั้งใจเรียนหนังสือไม่เสียสละไม่ตั้งใจทำงานในอนาคตเราก็ต้องทุกข์แน่
ๆ มีความมุทิตา มีความยินดีในสิ่งที่เรากำลังทำ
เพราะเราได้ทำดีแล้วทำถูกต้องแล้ว เราต้องมีความสุขในการทำความดี
เพราะความดีเป็นความงดงามเป็นความประเสริฐที่ลิขิตเราไปสู่ความดับทุกข์
มีอุเบกขาวางเฉยต่ออารมณ์ มันขี้เกียจก็ต้องทำ มันขยันก็ต้องทำ
ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่เห็นแก่กินแก่นอนแก่เล่นแก่เที่ยว
ต้องบังคับจิตใจตัวเองให้ได้ ต้องวางเฉย ไม่ทำตามกิเลส
สรุปแล้วตัวเราเองนี้แหละ จะเป็นพรหมลิขิตของเราเอง ให้นักเรียนทุก ๆ
คนพากันเข้าใจนะ เพราะว่าปัญหาต่าง ๆ ทั้งหมดนี้มันไม่อยู่ที่คนอื่น
มันอยู่ที่ตัวของนักเรียนเอง ต้องแก้จากสิ่งที่มันไม่ดีให้มันดี
สิ่งที่มันดีแล้วก็ให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
นักเรียนมาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมครั้งนี้ก็ให้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี
ที่จะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่นะ สายพันธุ์ขยัน
พันธุ์ไม่ขี้เกียจขี้คร้าน เป็นสายพันธุ์ ประพฤติปฏิบัติตามในหลวง
เป็นสายพันธุ์ตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
เป็นสายพันธุ์ปฏิบัติเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า
พันธุ์ขี้เกียจขี้คร้านพันธุ์ที่จะนำเรา
ไปตกนรกทั้งเป็นเราถือว่าเราพากันมาละมาทิ้งกันให้หมด
คนเรามันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คนเราจะได้ดิบได้ดีก็ต้องแก้ไข
คนผู้มีสติมีปัญญา ก็ต้องพัฒนาตนเอง
คุณพ่อเราคุณแม่มีความมุ่งหวังในลูกทุก ๆ คน
เค้าคิดว่าลูกเค้าต้องเป็นคนดี มีความสามารถเป็นคนเก่งเป็นคนฉลาด
ถ้าโตขึ้นครอบครัวเค้าคงจะมีความสบายมากกว่านี้ นักเรียนทุก ๆ
คนอย่าให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ผิดหวังในตัวเรานะ
ธรรมะที่เราฟังในการบรรยายนี้ก็ให้น้อมเข้ามาใส่ใจ
อย่าได้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไปเหมือนกับไม่มีอะไรเลย
นี่เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ให้ทุกคนพากันไปประพฤติปฏิบัติ
นักเรียนทุก ๆ
คนก็จะเข้าถึงความสุขความสงบความดับทุกข์ที่แท้จริงด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...
พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันพุธที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๕
ไม่มีความเห็น