ผมไปถึงรพ.เกือบหกโมงเช้าครึ่ง สิ่งแรกที่ทำคือต้องรีบหยิบบัตรคิวเพื่อแลกคูปองก่อน ได้คิวที่ ๒๖๕ ซึ่งก็น้อยกว่าคราวที่แล้วร่วมร้อยเลยทีเดียว
ผมพลิกกระดาษที่จดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่เพื่อนแนะนำให้โทรหา เขาบอกว่าจะหยิบบัตรคิวให้ ซึ่งผมลังเลว่าจะโทรดีหรือไม่ ถ้าไม่โทรก็เหมือนปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน ถ้าโทรนั่นก็หมายถึงผมอาจจะแซงคิวผู้ป่วยคนอื่นๆ
ผมตัดสินใจโทรฯและได้บัตรคิวที่๓๐ และเธอคนที่หยิบบัตรไว้ให้ก็ช่วยเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อบอกให้เจ้าหน้าที่ออกคูปองให้ ผมรู้สึกเขินๆอย่างไรบอกไม่ถูก แต่ก็บอกขอบคุณพวกเขาทุกคน
หลังจากนั้นผมก็มานั่งรอพบหมอซึ่งเวลานัดเก้าโมงครึ่ง เวลายังเหลืออีกเกือบสองชั่วโมง ระหว่างนั้นผมนึกถึงเรื่องบัตรคิวขึ้นมาอีก ถึงแม้จะได้คูปองเร็วแต่ก็ต้องมานั่งรอพบแพทย์ตามเวลานัดอยู่ดี ผมคิดว่าไม่ควรเลยที่จะรีบรับคูปองมาโดยวิธีนี้
ผมได้นำบัตรคิว๒๖๕ ลงไปให้คนที่นั่งรออยู่ข้างล่าง แต่จะให้ใครดีล่ะ ผมเดินแอบมองดูบัตรคนที่นั่งอยู่ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะให้ใครดี จนถึงชายคนหนึ่งผมจึงถามว่าเขาได้คิวที่เท่าไหร่ เขายื่นบัตรให้ดู เขาได้คิวที่ ๓๔๔ ผมบอกเอาบัตรผมมั๊ย เขาถามงงๆว่าแล้วผมไม่ใช้เหรอ ผมบอกไม่ใช้แล้วครับ แล้วรีบเดินจากมา ท่ามกลางสายตาของคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้น
การกระทำของผมตอนนั้นยังไม่สามารถลบล้างความรู้สึกที่ไม่ดีของผมได้ มันยังตามมาทำให้ผมรู้สึกถึงการเอาเปรียบคนอื่นๆอยู่อีก แต่ใจหนึ่งผมก็เชื่อว่าคนที่มานั่งรอก่อนผมอยู่ขณะนี้ คงไม่น้อยที่ใช้วิธีเดียวกับผมนี้
..........
ผมได้เข้าพบหมอเกือบสิบเอ็ดโมง เป็นแพทย์หญิงที่อายุไม่น่าถึงสามสิบ หมอบอกผลอัลต้าซาวด์ปกติดี มีไขมันนิดหน่อย ค่าของเลือดลดลงจากคราวก่อน แต่ก็ยังอักเสบมากอยู่ต้องรีบรักษา
หมอบอกก่อนใช้ยาอินเตอร์เฟอรอนต้องดูเรื่องวิตามินดีก่อน เธอถามว่าเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนมั๊ย ผมบอกเพิ่งรู้จัก เธอบอกเป็นเรื่องใหม่และให้ผมไปพบเจ้าหน้าที่ชื่อปูที่ชั้นสาม ณ บัดนาว เธอใช้คำวัยรุ่น
ผมนำแฟ้มมาให้โต๊ะพยาบาลพร้อมบอกเธอว่าหมอให้พบคุณปูที่ชั้นสาม แต่เธอกลับเขียนโน๊ตติดหน้าแฟ้มบอกให้ไปพบที่อีกตึกหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้ผมหลงทางแม้จะถามเจ้าหน้าที่เวรเปลแล้วก็ตาม
ผมเดินตามซอกทางเดินเล็กๆตามบอกแต่ก็วนกลับมาที่เดิมอีกจึงตัดสินใจถามน้องผู้หญิงนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ว่ารู้จักตึกนี้มั๊ย เธอไม่แน่ใจ เธอถามว่าใช่ตึกที่เป็นโรคทางเดินอาหารใช่มั๊ย ผมตอบ ใช่ เธอเดินนำหน้าทันที่ผมบอกเกรงใจที่เธอจะเสียเวลาเดินนำทางไป เธอบอกไม่เป็นไรแต่ถ้าพาไปผิดอย่าว่ากันนะ
เธอถามว่าเป็นญาติคนป่วยเหรอ ผมบอกเธอไปว่าผมเป็นคนป่วยเอง ทำให้เธอชลอการเดินที่เร็วจนผมแทบวิ่งตามเธอไป พอถึงตึกนั้นเธอช่วยเป็นธุระให้อีกโดยบอกผมต้องการเจอเจ้าที่ชื่อปู
ผมบอกขอบคุณเธอหลังจากเธอบอกลาไปพร้อมให้ผมรักษาสุขภาพด้วย เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งโผล่หน้ามาบอกผมว่าคุณปูอยู่ตึกที่ผมเพิ่งมา แต่ไม่เป็นไรบอกให้รอสักครู่เดี่ยวเธอจะพากลับไป
ผมรอสักครู่ใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นก็เดินนำหน้ากลับไปที่ตึกเดิมอีก เธอเดินเร็วมาก ระหว่างทางเธอพยายามอธิบายถึงเหตุที่ใช้ยาวิตามินดีก่อนในการวางแผนรักษา ซึ่งการจะรักษาให้หายขาดได้นั้นจำเป็นต้องรู้ว่าในตัวเรามีวิตามินดีพอหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีพอก็ต้องทานวิตามินตามแผนที่บอก
ผมโดนเจาะเลือดอีกครั้งเพื่อดูว่าในตัวผมมีวิตามินดีพอหรือไม่ พร้อมได้ยาวิตามินดีกลับมาสามสิบห้าเม็ด เจ้าหน้าที่จะโทรแจ้งผลเลือดให้รู้ว่าจะต้องกินวิตามินดีหรือไม่ ถ้าไม่ต้องกินก็ให้นำมาคืนในวันนัดต่อไป
.........
เอาใจช่วยค่ะ
เหตุการณ์แบบนี้.. เกิดขึ้นบ่อยค่ะ รอ รอ รอ แล้วก็รอ..
ต้องยกให้เค้าไปเลยค่ะ หนึ่งวันเต็มๆกับการมารับบริการในโรงพยาบาล
เป็นกำลังใจให้นะคะ
"ไวรัสตับอักเสบซี" ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอกค่ะ สู้โว๊ย!
ก้าวหน้าไปอีก 1 ขั้นแล้วนะคะ หวังว่าคุณพิชัย จะมีระดับวิตะมิน ดีสูงพอจะได้เริ่มรักษาซะทีนะคะ ไม่งั้นก็ต้องรออีกช่วงนึงอีก แต่ฟังจากที่คุณหมอบอกแล้วแสดงว่าร่างกายคุณพิชัยยังแข็งแรงดีอยู่ไม่น่าเป็นห่วงว่าจะได้ยาช้าไปนะคะ
ขอบคุณกำลังใจทั้งสามท่านครับ |
|
|
ตันติราพันธ์ |