คำตอบของลูกสาวตาธรรมยังความสงสัยในเหตุและผลของประจักษ์พยานในท้องพระโรง จนเกิดเสียงพูดคุยกันเบา ๆ พระราชาจึงตรัสขึ้นว่า
“ดูท่าทางจะมีคนสงสัยในเหตุผลของเจ้า เหตุใดจึงยกพ่อและแม่ให้เป็นเทวะเล่า”
“เพคะ ที่หม่อมฉันเอ่ยว่าเทวะนี้คือพ่อและแม่ เพราะว่าพ่อและแม่เป็นเทวะอันประเสริฐ์สูงสุดของลูก พ่อแม่เลี้ยงดู สั่งสอนให้ลูกเติบโตเป็นคนดี มีวิชา มีอาชีพ เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ถูกฟูมฟักเลี้ยงดูให้เจริญเติบโต เป็นครูผู้ประเสริฐ์คนแรกที่สั่งสอนลูกให้รู้จักคลาน นั่ง ยืน พ่อและแม่จะอยู่ใกล้ลูกตลอด ทั้งยามทุกข์ ยามสุข ดังนั้นคนกตัญญูเท่านั้นจึงจะมองเห็นเทวะองค์นี้ แต่ถ้าผู้ใดไม่มีความกตัญญู ไม่สนใจเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ก็จะไม่รู้จักเทวะองค์นี้เลย พ่อและแม่คือเทวะที่ไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทนจากลูกเพคะ”
สิ้นคำอธิบายของลูกสาวตาธรรม ทุกคนในที่ประชุมต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตอบของนาง สิ้นความสงสัย พระราชาจึงเริ่มคำถามข้อใหม่
“คำถามข้อที่สี่ ยิ่งวิ่งหนีก็วิ่งไล่มาประชิด ผู้คนไม่เคยคิดจะเรียกขาน
ไม่มีหู ไม่มีตา แต่ชอบตาม วิ่งไล่ถามตามติดประชิดตัว”
คำถามของพระราชาคงไม่ง่ายดังที่คิด ทั้งสามนางนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ ดอกไม้ลูกสาวคนแรกของตาเที่ยงก็เอ่ยตอบคำถามเป็นคนแรก
“หม่อมฉันดอกไม้ขอตอบคำถามเพคะ หม่อมฉันคิดว่าน่าจะเป็นเงาเพคะ ไม่ว่าคนเราจะเดิน จะวิ่ง จะนอน จะทำใด ๆ เงาก็จะตามติดตัวเราไปตลอด แม้เราไม่เคยเรียกขานนามมัน มันก็จะตามติดเราไปตลอดเวลา
เพคะ”
คำตอบของดอกไม้เป็นที่สนใจของบรรดาประจักษ์พยานอีกครั้ง ส่วน ดอกรักน้องสาวที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ตอบสำทับเห็นด้วยกับคำตอบของพี่สาว เหลือเพียงลูกสาวตาธรรมที่ยังนิ่งคิดอีกครู่ ทำเอาคนที่รอคำตอบและคอยเป็นกำลังใจให้ใจหายใจคว่ำตามๆ กัน
“หม่อมฉันลูกสาวตาธรรมขอตอบคำถามเพคะ สิ่งนั้นคือบาปและบุญเพคะ คนทำบุญให้ทานไม่ต้องถามว่าจะได้คืนอย่างไร บุญจะตามติดเราไปทุกที เช่นเดียวกับการทำบาป แม้ว่าเราจะพยามลืมว่าเราเคยทำบาปกรรมไว้อย่างไร บาปกรรมนั้นก็ยังติดอยู่กับตัวเรา แม้ว่าเราจะพยายามลบล้างอย่างไรก็ไม่สามารถตัดมันออกไปได้เพคะ”
คำตอบของลูกสาวตาธรรมเป็นที่สนใจแก่ประจักษ์พยานอีกครั้ง เสียงพูดคุยพออกพอใจในคำตอบดังแว่วมาเป็นระยะ ทั้งตาธรรมและเมียต่างยิ้มหน้าบาน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าลูกสาวตอบถูกตามที่พระราชาต้องการหรือไม่ แต่ก็พอใจในสิ่งที่ลูกสาวตอบคำถามได้อย่างชาญฉลาด
ไม่มีความเห็น