พาคนติเหล้าก้าวข้ามความกลัว


คนติดเหล้ามีความกลัวซ่อนลึกอยู่ภายใน. ความกลัวนี้เองทำให้เขาทำสิ่งเดิมซ้ำๆตามความคิดอัตโนมัติ. การเข้าไปสัมผัสโลกภายในของเชาต้องค่อยๆ ไต่ระดับจากสิ่งภายนอกเชนภาวะทางกาย จนเขาเห็นว่าเราเป็นมิตรแท้ของเขา แล้วจึงพาเข้ากลับเข้าสู่โลกภายใน

      คนที่ติดเหล้ามักให้เหตุผลของการดื่มอย่างต่อเนื่องว่าเพราะคนรอบข้างชวน.  สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศพาไป. จริงแล้วตนไม่ดื่มก็ได้. อยู่ได้.   แต่ทำไมต้องดื่มทุกที.  และหลายคนดื่มคนเดียวซะด้วย

      ฉันพบผู้ป่วยที่ดื่มจนเป็นปัญหาหลายคน ส่วนใหญ่เขาปิด ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่ก้าวเข้าสู่โลกภายในของเขา เมื่อเขารักษาอาการทางกายจนทุเลาแล้ว ออกจากโรงพยาบาลซักพักก็กลับไปดื่มอีก วนไปมาซ้ำๆเช่นนี้

  แล้ววันหนึ่งฉันก็สามารถทำให้ผู้ป่วยที่ฉันดูอยู่ยอมแง้มหน้าต่างของโลกภายในออกมา. เขามาโรงพยาบาลด้วยอาการทางจิตหลังประสบอุบัติเหตุรุนแรงเพราะดื่มหนัก. เหมือนคนอื่นๆที่เคยเจอ สองครั้งแรกที่เจอกันฉันเจาะใจเขาไม่ได้. เหมือนปูที่ชอบหนีลงรู เข้าใกล้ประเด็นที่เป็นปัญหาเมื่อไหร่ต้องเฉไฉทุกที

       ดังนั้นในสองครั้งแรกฉันจึงจับประเด็นไปที่อาการทางร่างกาย.     เป็นนักจิตวิทยาแต่ต้องสอนผู้ป่วยฝึกอาสนะโยคะอย่างง่ายบวกกับการหายใจแบบสมาธิบำบัด. ดีจังที่เขายอมทำตาม. ปล่อยให้เขาทำโดยไม่วิพากย์วิจารย์.  ฝึกพอให้รู้ว่าทำได้.  ก็หยุด.   คนนี้ขี้เบื่อ เอาแต่ใจตัวเอง แล้วให้ทำเป็นการบ้าน

     วันรุ่งขึ้นเอาใหม่ คุยเรื่องอารมณ์ความคิดความรู้สึกที่เขายอมพูดออกมาเป็นหลัก.   ให้เขาพูดเองหาข้อสรุปเอง. เรามีหน้าที่ตั้งประเด็นชวนคุย.  พอจะลงรายละเอียดเลี่ยงอีกแล้ว. ไม่เป็นไรฉันจะพาคุณฝึกโยคะและหายใจ. เพ่ิมเทคนิคย่อยๆ ให้. แล่วทำต่อเป็นการบ้าน.  

    สองครั้งแรกไม่มีการวิเคราะห์อะไรมากนักให้ทุกอย่างดำเนินไปสบายๆ.  แล้วฉันก็ตั้งใจเว้นวรรคไม่เข้าไปคุยในวันรุ่งขึ้น. ไปในวันถัดไป. เขาโวยว่ารอฉันอยู่ 

เอ๊ะ....เร่ิมไว้ใจเราบ้างแล้วสิ รึเขาตำหนิเราก็เป็นได้ ไม่ว่ากัน

วันที่สี่เร่ิมเข้าประเด็น โดยให้พูดถึงผลจากการฝึกทั้งหลายที่ผ่านมาก่อน. แล้วโยงไปเรื่องธรรมชาติของอารมณ์ ความคิด.      ทั่วไป. จากนั้นให้เขากลับไปมองตัวเองว่า ไอ้ที่ดื่มอยู่นี่มีปัจจัยอะไรเข้มาเกี่ยวข้องบ้าง

    คำตอบแรกที่ได้คือคนอื่นสิ่งแวดล้อมทำให้เขาเบื่อหงุดหงิดเลยต้องดื่มเพื่อแก้เบื่อแก้หงุดหงิด.  ฉันเลยถามต่อว่า"แล้วตัวเองมีส่วนยังไงบ้าง".  น่ิงอยู่นานกว่าจะได้คำตอบว่า. "ตัวเองเป็นคนชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ขี้หงุดหงิด". ตอนนี้เลยถามเขาว่ารู้สึกอย่างไรที่บอกอย่างนี้. เขาบอกว่ารู้สึกโล่ง.  เลยให้สำรวจต่อว่าก่อนจะตัดสินใจพูดออกมารู้สึกอย่างไร "กลัว".   คือคำตอบ.   กลัวแล้วไง.   (เหมือนกวนประสาทเลยเนาะแต่ท่าทีฉันสุภาพนะ).   เขาก็ว่า"เออ...นะก็ไม่เห็นมีอะไร"   ฉันเลยชมเขาซะหน่อยว่าเขากล้าหาญจริงๆ.ที่กล้ายอมรับตนเองและกล้าเผชิญหน้ากับความกลัว.  เขาได้ก้าวข้ามความกลัวได้แล้วหนึ่งขั้น.  จึงได้โอกาสชวนทบทวนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้เห็นว่าแท้จริงแล้วการเกิดจากความคิดอัตโนมัติของเขาเอง ที่ผลักกันให้เกิดพฤติกรรมอัตโนมัติ

         ความคิดอัตโนมัติ.      มันเป็นยังไงนะ เขาทำท่างง

เลยอธิบายให้ฟังง่ายๆ.  ว่าคือวิธีคิด วิธีมองโลก วิธีเผชิญปัญหาที่เราคุ้นชิน. ความคิดนี้แหละจะผลักดันให้เราทำสิ่งต่างๆ.  อย่างทันทีโดยไม่ทันรู้ตัวกว่าจะรู้ตัวก็คว้าเหล้าเข้าปากไปแล้ว


เขาทำท่าว่าเข้าใจ.   เอาละจากนี้ไปจัชวนเขาแก้ไขความคิดอัตโนมัติ.   ต้องรอตอนต่อไป

 

 

   

หมายเลขบันทึก: 486318เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2012 16:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท