นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่(พอล แอร์ดิช)...


"หนังสือคณิตศาสตร์ดีๆ ที่ผมอ่านแล้ว ประทับใจในเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มากครับ"
 
      หลังจากที่ผมอ่านหนังสือเรื่อง ผู้ชายที่หลงรักตัวเลข เขียนบทนำด้วยท่านอาจารย์ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน จบลงผมมีความประทับใจในเรื่องราวของนักคณิตศาสตร์คนนี้มากครับ เป็นบุคคลที่เป็นทั้งอัจฉริยะและนักคณิตศาสตร์อีกคนที่ผมยกย่องให้เป็น My Idol อีกด้วยครับ
     หนังสือเล่มนี้เป็นประวัติชีวิตของนักคณิตศาสตร์ชาวฮังการีชื่อ พอล แอร์ดิช เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก เทียบเท่านักคณิตศาสตร์หลายๆ ท่านในอดีต เช่น โสเครติส , อริโตรเติล , อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นอัจฉริยะหลายคนที่ผมทราบมา พวกเขาจะมีเรื่องที่ทำได้มหัศจรรย์เหนือคนธรรมดาทั่วๆ ไปอย่างเรา แต่อัจฉริยะบางคนก็มีวิถีการใช้ชีวิตด่อยกว่าคนทั่วไปอย่างพวกเราก็มีเช่น กัน
      อัลเบิร์ต ไอสไตน์เขาเรียนหนังสือไม่เก่งเลยสมัยเรียนระดับประถมศึกษาสอบตกวิชาภาษา ฝรั่งเศษ เคยมีเรื่องเล่ามาว่าไอน์สไตน์จำหมายเลขโทรศัพท์บ้านของตัวเองยังไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เขาเป็นอัจฉริยะทางด้านตัวเลข 
     พอล แอร์ดิช ก็เช่นกันครับเขาสอบตกเลยเรื่องการใช้วิถีชีวิตประจำวันเช่นกันครับ เขาขับรถไม่เป็น ซักผ้ารีดผ้าไม่เป็น ทำอาหารไม่เป็น ขนาดแค่ฝานผลไม้เขาก็ยังทำไม่เป็นเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อนของเขาไปพักที่บ้าน เห็นน้ำสีแดงไหลเป็นทางยาวจากตู้เย็น พอเปิดตู้เย็นออกมาจึงพบกล่องน้ำมะเขือเทศ มีรูเจาะอยู่ด้านข้างครับ เขาเปิดกล่องน้ำมะเขือเทศไม่เป็นครับ เขาตัดสินใจเลือกวิธีใช้มีดเฉาะลงไปกลางกล่องแทนการเปิดกล่องแบบคนทั่วไป(นี้แหล่ะคืออัจฉริยะของโลกครับ ต้องแตกต่างแปลกๆ..) แต่อย่าแปลกใจไปเลยครับ ก็เพราะเขาเป็นอัจฉริยะ พอล แอร์ดิช เขารู้จักเลขจำนวนติดลบเมื่อเขาอายุเพียงอายุ 4 ขวบ แต่เขากลับผูกเชือกรองเท้าเป็นตอน 11 ขวบ และเมื่อเขาอายุได้ 21 ปี เขาจึงรู้จักวิธีทาเนยบนแผ่นขนมปัง คนที่เก่งเกินมนุษย์ในด้านหนึ่ง มักจะไม่เก่งในอีกด้านหนึ่งในบางกรณีเสมอครับ
ความคลั่งไคล้ในตัวเลขของพอล แอร์ดิช นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อลือชา เขาใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดกับการคิดเรื่องคณิตศาสตร์ ในเวลา 1 วัน เขาใช้เวลาอ่าน คิดและเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคณิตศาสจร์วันละไม่น้อยกว่า 19 ชั่วโมงของทุกๆ วันเลยครับ บั้นปลายของชีวิตของพอล แอร์ดิช ตาข้างหนึ่งของเขาบอดจึงต้องมีการผ่าตัด ขณะที่จะผ่าตัดหมอได้หรี่ไฟทำให้เขาอ่านหนังสือไม่ได้ เขาขอร้องให้หมอโทรศัพท์ไปยังภาควิชาคณิตศาสตร์ขอให้จัดส่งศาสตราจารย์ด้าน คณิตศาสตร์มาพูดคุยกับเขาขณะรับการผ่าตัดตา เพื่อเขาจะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์(อ่านตรงนี้แล้ว ผมนับถือในความทุ่มเทของเขามากครับ)
      พอล แอร์ดิช เขาชอบใช้คำว่าจากไปแทนคำว่าตาย เพราะเขานิยามศัพท์คำว่า ตายไม่เหมือนคนอื่น เขาถือว่านักคณิตศาสตร์จะตายก็ต่อเมื่อหยุดค้นคว้าทาคณิตศาสตร์ พอล แอร์ดิช เขาจึงตายก่อนจากไปเพียงแค่ 1 ชั่วโมง เท่านั้นเองครับ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วผมชอบและประทับใจในความงดงามของการใช้ชีวิตด้วยการ ให้ของพอล แอร์ดิช เขาชอบตัวเลข แต่เขาไม่เคยบูชาตัวเงิน สำหรับเขาเงิน มีแค่ใช้ประทังชีวิต ผมเชื่อว่าเรื่องที่คนอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว หลายๆ ท่านต้องประทับใจเช่นเดียวกับผม ตอนที่พอล แอร์ดิช เขาได้รับเงินเดือนเดือนแรก มีขอทานคนหนึ่งเดินเข้ามาขอเงินกินน้ำชาสักถ้วยกับเขา เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยล้วงกระเป๋า เก็บเงินเล็กน้อยไว้ใช้ส่วนตัวและมอบเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่ขอทาน ผมชื่นชมในความงามนี้มาก และยังมีอีกช่วงขณะที่เขาได้รางวัลวูล์ฟ เขาได้เงินรางวัลจำนวน 50,000 เหรียญ เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวเพียง 750 เหรียญ ที่เหลือเขาตั้งเป็นกองทุนสนับสนุนการศึกษาแก่นักเรียนอิสราเอลครับ และอีกครั้งหนึ่งเมื่อเขารู้ว่ามีเด็กนักเรียนคนหนึ่งคือ เกลน วิทนีย์ (Glen Whitney) เขาอยากเรียนต่อด้านคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ไม่มีเงินเรียนพอล แอร์ดิช ก็นัดเจอเด็กคนนี้แล้วพูดคุยสัมภาษณ์และหลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าเด็กคนนี้ มีพรสวรรค์จริง เขาก็ให้เด็กยืมเงิน 1,000 เหรียญ และให้ใช้คืนเมื่อเขาไม่มีปัญหาเรื่องการเงินแล้ว10 ปีให้หลัง เด็กคนนี้ทำงานและมีเงินพอจะใช้คืนพอล แอร์ดิชแล้ว เมื่อโทรศัพท์มาพร้อมคำถามว่าจะให้เขาจ่ายดอกเบี้ยด้วยไหม? คำตอบที่พอลแอร์ดิช บอกกับเด็กคนนั้นก็คือ "ขอให้เธอทำกับเงิน 1,000 เหรียญนี้แบบเดียวกับที่ฉันทำกับเธอ"
      พอล แอร์ดิช รักตัวเลขแล้วมีความสุขกับการคิดและเขียนงานวิชาการด้านคณิตศาสตร์จนกระทั่ง เขาเสียชีวิตในวัย 83 ปี และมีคำจารึกบนหลุมฝังศพของเขาที่เขาเขียนไว้เองว่า
"ในที่สุดข้าพเจ้าก็ไม่อาจเขลาไปกว่านี้

     ผมเคยนำเรื่องชีวประวัติของพอล แอร์ดิช ไปเล่าให้นั่งเรียนชั้น ป.4 – ป.5 ฟังในเวลาว่างหรือบางชั้นเล่าให้ฟังก่อนสอนคณิตศาสตร์ แล้วลองให้นักเรียนฟังแล้วสรุปความเข้าใจในเรื่องของ พอล แอร์ดิช ดูความสนใจในการรับฟังและความเข้าใจ ผลงานตัวอย่างของพี่ตะวัน ป.5 ครับ...

 




หมายเลขบันทึก: 486268เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2012 12:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 12:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

มาชม

คนเรานั้นในความไม่เก่งก็ยังมีความเก่งอีกหลายอย่างให้ชมอยู่นะครับ...อย่าง...พอล แอร์ดิช...

ทุกคนต่างๆ ก็มีข้อดี ข้อด้อย อยู่อีกมากกมายครับ

บางครั้ง การอยู่ใต้แสงไฟที่ส่องสว่างตลอดเวลา
อาจจะทำให้เราไม่มีโอกาสได้เห็นดาวที่ทอแสงสวยงาม

บางครั้ง การที่เรานั่งอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่
อาจจะทำให้เราไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับไอแดดที่แสนอบอุ่น

บางครั้ง การที่เราเอาแต่นั่งอยู่หน้าเตาผิงตลอดเวลา
อาจจะทำให้เราไม่มีโอกาสพบเห็นความสวยงามของหิมะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท