มุมมองของคนกับคุณค่าของงาน


คุณค่า และมุมมอง

      หลายคน คงกำลังท้อแท้กับการทำงานที่ตนเองกำลังรับผิดชอบอยู่  ด้วยปัญหาที่แตกต่างกัน บางคนมองว่างานที่ตนเองต้องรับผิดชอบนั้นมีแต่ปัญหา ที่ต้องแก้ไขไม่เว้น แม้แต่ละวัน แต่คุณเคยได้มีโอกาส เคยถามตัวเองกลับไปหรือไม่ว่า ทำไมเจ้าของกิจการจึงต้องจ้างเรามาทำงานด้วย ถ้างานทุกอย่างไม่มีปัญหา เพราะ เขาต้องการจ้างให้เรามาช่วยแก้ไขปัญหาที่คนอื่นแก้ไขไม่ได้ยังไงล่ะ เขาเห็นความสำคัญและไว้ใจในตัวของคุณ เคยคิดไหมว่า “ ปัญหา “ นี่แหล่ะ ทำให้เรายืนในจุดที่เหมาะสมบนโลกใบนี้

      ผมเคยมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ผู้เขียน กล่าวไว้ว่า ถ้าคุณขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ เกี่ยวกับเรื่องความมีน้ำอดน้ำทน ท่านจะประทาน อะไรให้กับคุณ ระหว่าง “ ความอดทน “ หรือ “ เหตุการณ์ ที่จะช่วยฝึกฝนความอดทนให้กับเรา “ ถ้ายังไม่ได้คำตอบ ขอให้คุณคิดไตร่ตรองให้แตกฉานก่อน และไม่ต้องตอบผมแต่ให้ตอบกับตัวเอง ว่า คำตอบไหนเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

      นอกจากปัญหาดังกล่าวข้างต้น ยังมีปัญหาอีกหลายประเภทที่เป็นอุปสรรคที่คอยบั่นทอนกำลังใจของผู้ทำงานในแต่ละคนอีก ปัญหาที่ผมคิดว่าน่าจะมีหลายคนได้มีโอกาสประสบพบเจออีกก็น่าจะเป็น งานที่ตนเองได้รับผิดชอบมีมากเกินไป หรืองานหนักเกินไปนั่นเอง หลายคน พยายามเปรียบเทียบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ กับคนที่ทำงานในคนละตำแหน่ง และส่วนใหญ่ตำแหน่งที่มักนำมาเปรียบเทียบ จะเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าตนเองเสมอ  และหัวข้อที่ชอบนำมาเปรียบ คงไม่พ้น เรื่องปริมาณงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบมีปริมาณมาก เมื่อเทียบกับอีกตำแหน่งหนึ่ง ที่มีปริมาณงานน้อยกว่า เข้าใจว่าเรื่องของปริมาณนั้นไม่เท่ากันก็จริง

      แต่ผมมั่นใจว่าหน้าที่ในแต่ละตำแหน่งงานถูกออกแบบมาให้เหมาะสม คนใดคนหนึ่ง ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอย่างแน่นอน และผมยังเชื่ออีกว่าคนเราทุกคน ทุกอาชีพ ย่อมมีประโยชน์ กับสังคมหรือองค์กร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน ที่ต้องกล่าวแบบนี้ เพราะบางครั้งหลายๆคนมีความรู้สึกว่า หน้าที่ๆตนเองทำนั้นมีความสำคัญน้อยหรือแทบไม่มีมูลค่าเพิ่มใดๆเลยในองค์กร และอีกหลายๆคนก็มองว่าหน้าที่ของใครหลายๆคนที่กล่าวข้างต้น ซึ่งอาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับงานของตนเองนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย แต่ผมกลับคิดว่าความคิดเห็นดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงเลย เพราะ ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์แบบ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในวันใดวันหนึ่ง แต่ละคนจะมีความสามารถพิเศษ ที่แตกต่างกันไปเพื่อ รองรับหน้าที่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหลายๆคนคงนึกถึงคำว่า “ พรสวรรค์ “ และอีกหลายๆคนพยายามฝึกฝนทุกอย่างเพื่อให้ได้ความสามารถนั้นๆ ที่ไม่เคยมีให้เกิดขึ้นกับตนเอง ซึ่งเรียกอีกอย่างคือ “ พรแสวง “ ผมขออนุญาตยกตัวอย่างอาชีพ ที่ผมนับถือใจเข้า อาชีพหนึ่งครับ คือ อาชีพพนักงานทำความสะอาด หลายคนคงมองว่าเป็นอาชีพ ที่ไม่มีเกียรติ ไม่มีความสำคัญอะไรกับตัวเราเลย แต่ในความเป็นจริงผมกลับมองต่าง ผมว่า อาชีพดังกล่าว เป็นอาชีพ ที่น่านับถือ มากๆ อาชีพหนึ่ง คุณลองคิดดูกันสิครับ ว่าถ้าวันหนึ่งวันใด โลกเราไม่มีอาชีพดังกล่าว ตามถนนหนทาง , อาคารสำนักงาน หรือ ตามห้างร้านคงจะดูไม่จืดเลยทีเดียว

     ตามที่ผมเคยได้กล่าวในครั้งต้นครับ ทุกงานมีความสำคัญเหมือนกันหมดครับ มากบ้างน้อยบ้าง แต่ไม่มีอาชีพไหนที่ไม่มีความสำคัญหรอกครับ มิเช่นนั้นคงจะไม่มีอาชีพดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนแรก ประเด็นปัญหาสำคัญจริงๆ ในเรื่องนี้น่าเกี่ยวกับเรื่องของ "มุมมอง" มากกว่า เนื่องจากมุมมองที่ต่างกัน ทำให้เราแต่ละคนมีความเห็นที่แตกต่างกัน มีทั้งการดูถูกตนเอง และการดูถูกคนอื่น ผมคิดว่าเพียงมุมมองที่เปลี่ยนไป ก็น่าจะทำให้ “ ความสุข “ เกิดขึ้นกับอีกหลายๆคน “ การลดอคติ “ และ “ให้เกียรติ” ในอาชีพของตนเองและผู้อื่น “ความขัดแย้งก็จะน้อยลง “ อย่างแน่นอน

     เชื่อเถอะครับ ว่า คุณจะได้เจอ สิ่งที่คุณทำ แล้วดีที่สุด อย่างน้อยที่สุดก็หนึ่งอย่างบนโลกใบนี้เข้าสักวันหนึ่ง เพียงแค่คุณเปิดใจยอมรับมัน ในมุมมองที่ดี สักวันคุณจะรู้ว่า คุณน่ะ “เกิดมาเพื่อสิ่งนั้นจริงๆ” และ ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้กับการทำงานให้สู้ต่อไปครับ ผมเชื่อว่าสักวัน คุณเอง ก็จะได้เจอทางของคุณอย่างแน่นอน

เขียนใน GotoKnow โดย 
 ใน NANA
หมายเลขบันทึก: 486263เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2012 11:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม 2014 20:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท