กรมบัญชีกลางชี้การจ่ายเงิน ช.ค.บ. ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ เกินสิทธิ ต้องชดใช้เงินคืนหลวง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง
ชี้แจงกรณีการจ่ายเงิน ช.ค.บ. ให้ผู้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ ว่า
ตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521
ซึ่งกำหนดให้จ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้รับ
เบี้ยหวัดบำนาญซึ่งมีรายได้น้อยโดยมีการปรับเพิ่มมาตลอดเวลาตามภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น
และกำหนดเป็นเงื่อนไขว่า
ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญไม่มีสิทธิรับเงิน
ช.ค.บ. ถ้าเข้ารับราชการหรือกลับเข้ารับราชการ หรือ
เข้าทำงาน หรือกลับเข้าทำงาน สังกัดราชการส่วนกลาง
ราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนท้องถิ่น
ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของการกำหนดให้มีเงิน ช.ค.บ. ว่า
เป็นไปเพื่อช่วยค่าครองชีพให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ
เป็นสำคัญ
เพราะหากเข้ารับราชการในสังกัดราชการซึ่งได้รับเงินเดือนค่าจ้างซึ่งกำหนดตามภาวะค่าครองชีพแล้ว
หากยังได้รับเงิน ช.ค.บ.
อีกย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย
และในขั้นนตอนการขอรับเงิน ช.ค.บ.
ได้มีการระบุคำรับรองว่าไม่เป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิรับเงิน ช.ค.บ.
ในกรณีดังกล่าวไว้
เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับการเบิกจ่ายของหน่วยงาน
นายรังสรรค์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า
สำหรับกรณีที่ต้องมีการเรียกเงิน ช.ค.บ. คืนนั้น เนื่องจากตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2550 กรมบัญชีกลางได้พัฒนาการเบิกจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
และนำข้อมูลผู้รับบำนาญพิเศษและบำนาญตกทอด
ในฐานทายาทเข้าระบบจ่ายตรง ทำให้สามารถตรวจสอบสิทธิในฐานข้อมูลได้
ซึ่งขณะนั้นพบว่า มีจำนวน 960 ราย ที่ได้รับเงิน ช.ค.บ. โดยไม่มีสิทธิ
หรือได้รับเกินสิทธิ เป็นจำนวนเงิน 28 ล้านบาทเศษ
ก็ได้มีหนังสือแจ้งส่วนราชการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงิน ช.ค.บ.
และดำเนินการเรียกคืนตามขั้นตอนของกฎหมาย
ซึ่งกรณีการจ่ายเงินไม่ถูกต้องนั้นอาจเกิดขึ้นได้ เช่น
ผู้รับบำนาญได้รับบำนาญพิเศษในฐานะทายาทของข้าราชการที่เสียชีวิตเพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่จากหน่วยงานหนึ่ง
และเมื่อทายาทผู้นั้นเข้าทำงานในหน่วยงานราชการอีกแห่งหนึ่ง
แล้วไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานที่จ่ายเงินบำนาญทราบ จึงทำให้มีการจ่ายเงิน
ช.ค.บ. ต่อไป
จนมีการตรวจสอบพบและเรียกเงินคืนหรือดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
“สำหรับการตรวจสอบเมื่อมีการปรับเงิน ช.ค.บ. ตั้งแต่วันที่ 1
เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ก็ยังพบว่ามีการ
เบิกจ่ายเงิน ช.ค.บ. เกินสิทธิ จำนวน 1,007 ราย เป็นจำนวนเงิน
151.05 ล้านบาท และได้มีการสั่งระงับการจ่ายเงิน ช.ค.บ. ตั้งแต่เดือน
พฤษภาคม 2554
และดำเนินการแจ้งหน่วยงานและผู้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญดำเนินการคืนเงินต่อไป
อย่างไรก็ดี เห็นว่า
เรื่องดังกล่าวทำให้ผู้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญได้รับความเดือดร้อน
และยังมีอีกหลายราย
ไม่ทราบหลักกฎหมายดังกล่าว
ก็จะได้มีการซักซ้อมความเข้าใจให้ส่วนราชการทราบและให้ตรวจสอบข้อมูลและแจ้งให้
ผู้รับบำนาญของหน่วยงานได้รับทราบ เพื่อดำเนินให้ถูกต้องต่อไป”
นายรังสรรค์ กล่าว
ไม่มีความเห็น