ระวัง..สิ่งอัปมงคลจะเข้าสู่บ้าน


  อัปมงคล คืออะไร

  ผมจำเป็นต้องถามผู้รู้ที่รู้มากกว่าผมอย่างที่ผมเล็กยิ่งกว่าเม็ดฝุ่น นั้นคือ คณาจารย์ผู้บัญญัติศัพท์ฺในพจนานุกรม (ฮา..ไม่มีเหตุผล) ผมถามพจนานุกรมว่า คำว่า อัปมงคล หมายถึง อะไร

  พจนานุกรมตอบว่า " อัปมงคลก็หมายถึงความไม่เจริญ ความไม่มีมงคลนะสิ (โง่จริงๆเชียวนะนายน่ะ (ผู้เขียน)" 

  ผมได้ข้อคิดว่า นั่นก็แสดงว่า สิ่งใดก็ตามที่ไม่นำมาซึ่งความเจริญงอกงาม สิ่งนั้นคืออัปมงคล

  อะไรคือสิ่งอัปมงคล

  ผมจะหยุดคำถามนี้ไว้ก่อน แต่มาพิจารณาถึงบ้านที่เราอาศัย หลายคนอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ทางการเปิดให้ แต่หลายคนซื้อบ้านและสร้างบ้าน โดยเฉพาะคนซื้อบ้าน เรามักจะเลือกบ้านที่เราถูกใจที่สุดทั้งทำเล แบบ สาธารณูปโภค เป็นต้น พร้อมกับวาดฝันว่า หากได้อยู่บ้านนี้ เราจะสร้างสวยตรงนี้ สร้างสระตรงนั้น ทำนั้นตรงโน้น ฯลฯ จึงดูเหมือนบ้านในฝันเป็นบ้านแห่งความสุข หากเรามีครอบครัวและลูกน้อยในอ้อมกอด นั้นหมายถึงความฝันแห่งความสุขในการสร้างครอบครัวมากขึ้น (เราจะไม่พูดถึงคนที่ลำบาก เพราะคนที่ลำบาก การสร้างครอบครัวอาจหมายถึงภาระ ยิ่งครอบครัวที่ได้มาเพราะไม่ได้อยากมีครอบครัวด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ หลายคนจึงทิ้งครอบครัวไป) ในที่สุดเราจึงได้บ้านในฝัน ซึ่งหมายถึงบ้านแห่งความสุขที่ฝันหา

  เวลาผ่านมา บ้านนี้อาจร้อนขึ้น หลายคนอยากออกจากบ้าน และหลายคนไม่อยากกลับบ้าน เหตุใดบ้านที่ฝันหาจึงเป็นบ้านที่ไม่อยากอาศัยไปเสียได้ นอกจากนั้น เราอาจมองว่า บ้านก็คงเป็นบ้านที่ฝันหาเช่นเดิม แต่มันมีบางอย่างที่คืบคลานเข้ามาในบ้านอย่างช้าๆ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านเปลี่ยนแปลงไปจากความสงบเย็นเป็นความเร่าร้อน อันว่า ความเร่าร้อนคือคุณสมบัติแห่งไฟ ดังนั้น ไฟอาจเป็นสิ่งไม่เป็นมงคลสำหรับบ้านและคนภายในบ้าน

  เปิดคัมภีร์มีเรื่องเล่า เรื่องราวอันหนึ่งคือกรณี เสี่ยธนัญชัยซึ่งเป็นป๋าของนางสาววิสาขาได้อบรมลูกสาวของตนในคืนหนึ่งก่อนส่งนางสาววิสาขาเข้าหอ ข้อความอันหนึ่งคือ "ไฟในห้ามนำออก ไฟนอกห้ามนำเข้า"

  เมื่อวาน ผมเข้าอบรมการพัฒนาการเรียนการสอนที่ มรภ.จัดขึ้น วิทยากรท่านหนึ่งบอกให้ทราบว่า ที่สถาบันของท่านได้เปิดวิชาศึกษาทั่วไปให้นักศึกษาเลือกเรียนจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือวิชา "การให้" วิชา "ศีล ๕" ทำให้ผมและหลายๆคนอุทานว่า อะไรเนี่ย ซึ่งมีความหมายให้คิดสองอย่าง อย่างแรกคือ เป็นวิชาได้ด้วยหรือ ประหลาดคน อย่างที่สองเฮ้ยเข้าท่าแฮะ เมื่อฟังวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการท่ายทอดของวิทยากร ดูเหมือนวิทยากรมีความสุขมากๆกับการได้รับผิดชอบวิชานั้น วิชาการให้ เกิดจากแนวคิดและการเขียนคำอธิบายรายวิชาของนายกสภามหาวิทยาลัย (ทำให้คิดว่า เรื่องแบบนี้หากหัวงูไม่เอาด้วยก็เปล่าประโยชน์...แม่งูเอ๋ย กินน้ำบ่อไหน กินน้ำบ่อโศก โยกไปก็โยกมา...) ตอนหนึ่งได้พูดถึงสาราณียธรรมมีอยู่ ๖ ประการ ขอรวบรัดตัดความเลยว่า พึงเข้าไปตั้งเมตตากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ในเพื่อนร่วมชะตาทั้งผอง (เพื่อนพรหมจรรย์) ได้สิ่งใดมาที่ประกอบชอบด้วยธรรม (ไม่ใช่เขียนกฎหมายรองรับเพื่อให้ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาแล้วบอกว่าชอบธรรม) ก็แบ่งปันอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง (ไม่ใช่เฉพาะพวกพ้องของตน) มีการประพฤติที่เสมอเหมือนกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง และอะไรอีกสักอย่าง 

  สิ่งที่ผมคิดว่า จะทำให้ความเย็นภายในบ้านเพิ่มขึ้น และอาจลดความร้อนช่วงหน้าร้อนได้ดีทีเดียวนั้นคือ ข้อความที่ว่า พึงเข้าไปตั้งเมตตากายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ทั้งต่อหน้าและลับหลังกับคนรอบข้าง และสิ่งนี้จะเย็นไม่ใช่เฉพาะในบ้านเท่านั้น อยู่นอกบ้าน คนรอบข้างก็พลอยเย็นใจไปด้วย ยิ่งในหน่วยงานที่เร่าร้อนด้วยแรงริษยาด้วยแล้ว ยิ่งจะมีคุณมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม นี้อาจจะเป็นน้ำชนิดหนึ่งที่ใช้ดับไฟในบ้านและหน่วยงาน

  ผมขอย้อนไปสู่คำถามที่ว่า "อะไรคือสิ่งอัปมงคล" คำว่า ไฟที่เสี่ยธนัญชัยสอนนางสาววิสาขา น่าจะคือสิ่งอัปมงคลที่ไม่ควรนำพาเข้ามาในบ้าน เพราะไฟตัวนี้จะเผาผลาญใจคนรอบข้างเอาได้ ไฟที่เป็นวัตถุอาจเผาบ้านให้มอดไหม้ ไฟที่ไม่ใช่วัตถุอาจเผาลนใจคนรอบข้างให้หมองไหม้เช่นกัน กล่าวคือ เรื่องดีๆ ภายนอกบ้านมีเยอะแยะ เรื่องดีเหล่านั้นแหละควรนำเข้ามาภายในบ้าน ชีวิตที่ครอบครัวที่รับรู้แต่เรื่องดีจะเป็นชีวิตที่สดชื่น เหมือนต้นไม้ได้ปุ๋ยดี แตกต่างจากที่เรานำเอาสารพิษราดรดต้นไม้ ต้นไม้มีแต่จะอับเผาและเหี่ยวแห้งไป แม้แต่ถุงที่ใส่สารพิษก็พลอยถูกกัดกร่อนไปด้วย ข้อนี้หมายความว่า ในหน่วยงานของเรา บนท้องถนน ระหว่างเดินทาง มีหลายอย่างที่เป็นไฟ ประโยชน์อะไรกับการนำไฟเหล่านั้นเข้ามาเผาบ้าน บ้านนี้เป็นบ้านแห่งความสุขนะไม่ใช่บ้านรองรับไฟและขยะชีวิต

   อย่างไรก็ตาม คำว่า ความไม่เจริญงอกงาม ก็คือ ความเสื่อม ครอบครัวที่เห็นว่า เนื้อหาของศาสนาพุทธบางอย่างเป็นเนื้อหาที่ดีอยู่นะ ก็ลองไปพิจารณาทางแห่งความเสื่อมดู อันนี้น่าจะคือไฟอีกชนิดหนึ่งนอกเหนือจากที่เสี่ยธนัญชัยสอนนางสาววิสาขา ลองอ่านดูใน http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=7218&Z=7291

   ผมคิดว่า คำตอบของคำถามที่ว่า อะไรคือสิ่งอัปมงคล อาจไม่ใช่คำตอบแบบตรงไปตรงมา ก็ขอสรุปสั้นๆแล้วกันว่า อะไรที่มันไม่ดี อย่าเอาเข้ามาในบ้านในเรือนให้บ้านเรือนต้องหม่นหมองก็พอ สิ่งไม่ดีในหน่วยงานก็ให้อยู่ในหน่วยงาน สิ่งไม่ดีในบ้านก็ให้อยู่ในบ้าน สิ่งไม่ดีในตัวบุคคลก็ให้อยู่ในตัวบุคคล ยิ่งเรากล่าวถึงสิ่งไม่ดีมากๆ สิ่งไม่ดียิ่งฟุ้งกระจายกลายเป็น ไม่ดีแลนด์ ไปได้ เพราะว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แม้แต่อย่างเดียว นอกจากจากพระผู้เป็นเจ้า

   ดังนั้น จงช่วยกันปิดกั้นสิ่งไม่ดีอย่าให้เข้าไปในบ้าน เพราะบ้านนี้คือบ้านในฝันของทุกคนที่มีบ้านและที่อยากจะมีบ้าน

หมายเลขบันทึก: 486129เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2012 08:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชอบประโยคนี้ค่ะ เห็นด้วย "อะไรที่มันไม่ดี อย่าเอาเข้ามาในบ้านในเรือนให้บ้านเรือนต้องหม่นหมอง สิ่งไม่ดีในหน่วยงานก็ให้อยู่ในหน่วยงาน"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท