(3) หัวข้อวิทยานิพนท์ที่สนใจเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลอย่างไร


แพทย์และพยาบาลก็เป็นบุลคลธรรมดานี่เอง

หัวข้อวิทยานิพนท์ที่สนใจกำลังจะทำ เป็นเรื่องการคุ้มครองหน่วยแพทย์และพยาบาลในภาวะขัดกันทางทหาร

            โดยในเนื้อหาหลักๆ จะประกอบไปด้วย แนวคิดและหลักการในการคุ้มครองหน่วยแพทย์และพยาบาลในภาวะขัดกันทางกำลังทหารโดย คำจำกัดความของ หน่วยแพทย์และพยาบาลที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองนั้นไม่ใช่แต่เพียง บุคคลที่เป็นแพทย์และพยาบาลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ สถานพยาบาล รถพยาบาลและยานพาหนะอื่นอีก เป็นต้น และยังมีกฏเกณฑ์เพื่อใช้พิจารณาแยกหน่วยแพทย์และพยาบาล ออกจากพลเรือน (civilians) และพลรบ (combatants) อีกด้วย เช่นการการถือบัตรประจำตัว และการใช้สัญลักษณ์กาชาด (emblem) เป็นต้น

           นอกจากนี้ยังรวมไปถึงมาตราการทางกฎหมายระหว่างประเทศในการคุ้มครองหน่วยแพทย์และพยาบาลในภาวะขัดกันทางกำลังทหาร ซึ่งมีทั้งกฎเกณฑ์การคุ้มครองตามอนุสัญญากรุงเจนีวา ค.ศ. 1949 ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 และ พิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญากรุงเจนีวา ฉบับที่ 1 ค.ศ. 1949 และ ฉบับที่ 2 ค.ศ. 1977 โดยกลไกในการคุ้มครองหน่วยแพทย์และพยาบาลในภาวะขัดกันทางกำลังทหารอาจจะมีทั้ง บทบาทของรัฐในการคุ้มครองให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ เช่นการออกกฎหมายอนุวัติการ หรือ การจัดตั้งหน่วยงานหรือองค์กรภายในประเทศ และบทบาทขององค์การระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศในการคุ้มครองให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ เป็นต้น

           ตามที่ได้กล่าวมานั้น"การคุ้มครองหน่วยแพทย์และพยาบาลในภาวะขัดกันทางทหาร" อ่านแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องแต่กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมืองเสียอย่างเดียว แต่เมื่อลองดูลึกลงไปแพทย์และพยาบาลก็เป็นบุลคลธรรมดานี่เองซึ่งย่อมเป็นเอกชนที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล

           เพราะลักษณะของ เอกชนที่จะอยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ก็คือ บุคคลหนึ่งตามกฎหมายภายในของรัฐ ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับรัฐไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปบุคคลอาจมีความสัมพันธ์กับรัฐโดยตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยแห่งรัฐใน 2 ลักษณะด้วยกัน คือ ภายใต้อำนาจอธิปไตยเหนือบุคคล และภายใต้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน

           ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้วบุคคลากรแพทย์และพยาบาลก็เป็นบุคคลคนหนึ่งเช่นกัน จึงเป็นเอกชนที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เช่นหากเป็นแพทย์และพยาบาลที่มาจากประเทศอื่นเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ ก็จะมีสถานะเป็นคนต่างด้าวเช่นกัน และการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ก็สามารถทำให้เกิดนิติสัมพันธ์ที่มีลักษณะระหว่างประเทศได้ อย่างเช่นการรักษาผู้เจ็บป่วยคนละสัญชาติ แม้การหาที่อยู่ทีพัก หรือการซื้อของก็เป็นนิติสัมพันธ์ที่มีลักษณะระหว่างประเทศได้เช่นกัน

           นอกจากนี้ ในการมีมาตรการเพื่อใช้พิจารณาแยกหน่วยแพทย์และพยาบาล ออกจากพลเรือน (civilians) และพลรบ (combatants) เช่นการการถือบัตรประจำตัว และการใช้สัญลักษณ์กาชาด (emblem) นั้น อาจถือได้ว่าเป็นการจัดสรรประชากรอย่างหนึ่งเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะสงครามซึ่งภาวะที่บ้านเมืองอยู่ในความใม่สงบจึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้รู้ว่าบุคคลใดมีสถานะ เช่นไร และมีสิทธิ และหน้าที่เช่นไรอีกด้วยโดยเฉพาะแพทย์และพยาบาลเป็นบุคคลพิเศษที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามในฐานะผู้บรรเทาทุกข์ และมีกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญากรุงเจนีวา ที่ให้สถานะและความคุ้มครองเป็นพิเศษอีกด้วย

            ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เอกชน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมักเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเสมอไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ และเมื่อมีเอกชนเข้าไปเกี่ยวกับสถานการณ์นั้น ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลได้เช่นเดียวกัน




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท