หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ทุกข์ และสุข เป็นผลสัมพัทธ์ของอะไร ผู้เฉลยมีหนึ่งเดียว คือ “เจ้าของ”


มีเรื่องราวให้เรียนรู้เกี่ยวกับเด็กแถมมาว่า เมื่อ ไรเจ้าตัวเล็กมีประสบการณ์ที่ไม่ชอบเอามากๆโดยบุคคลอันเป็นที่รัก อารมณ์จะฝังความจำไว้ในสมองแบบไม่รู้ตัว ความจำนี้มีอิทธิพลมากเมื่อแต่ละคนโตขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจำ อิทธิพล นี้ส่งผลเมื่อเจอ เรื่องคล้ายๆกันตอนโตเป็นผู้ใหญ่ เจอเมื่อไรจากคนที่เจ้าตัวให้ความสำคัญ มันจะดึงให้ตกร่องอารมณ์ลบโดยง่ายดาย แบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

กริ๊ง….กริ๊ง…กริ๊ง… หันมองนาฬิกา….ใครหว่าโทรมาป่านนี้ ยกหูรับ เสียงผู้หญิงแว่วมา รอสักครู่ค่ะ แล้วก็มีเสียงผู้ชายตามมา อ้อ เสียงเจ้านาย

“…..เรื่องของน้องหมอ พี่คุยกับทางโน้นแล้วนะ ยากเหมือนกัน แต่ก็เรียบร้อยดี ความเข้าใจไปได้กว่า 80%  ฝากบอกน้องว่า สบายใจได้ พี่ดูแลให้….”

แล้วก็มีเรื่องอื่นตามมา ลงท้ายด้วยคำถาม ”เรื่องของ......ถ้าให้ย้ายตัวออกมา คนในหน่วยงานนั้น จะแย่กันมั๊ย…เรื่องหัวหน้างานที่นั่นด้วย เห็นยังไง มาคุยกันหน่อย..พรุ่งนี้”  ทำเอาอึ้ง

ก่อนหน้า 2 วัน เพิ่งได้รู้บรรยากาศของหน่วยงานนี้ผ่านคำบอกเล่าของสมาชิกบางคนที่นั่น

เห็นจินตนาการของสมาชิกแต่ละคนที่มีต่อหน่วยงานของเขาและความอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เป็นบวกผ่านคำบอกเล่า

รับรู้ความโหยหาและความหวังที่พวกเขาตั้งไว้ รับรู้ว่ามีเรื่องเห็นต่างมุมที่ต้องการคนเชื่อม

แล้วก็แปลกใจเมื่อรู้ว่า คนที่พวกเขาหวังไว้ในใจให้เข้าไปเชื่อมความเห็นต่าง….เป็นตัวฉัน

ถามตัวเอง เอาไงดี จะผละห่างหรือพาตัวเข้าไปเกี่ยวดี

สิ่งที่รับรู้ทำให้ต้องใคร่ครวญ  สุดท้ายตอบเจ้านายไปว่า “ขอเวลาทำงานอีกหน่อย แล้วจะให้ความเห็นเกี่ยวกับหัวหน้าหน่วยงาน ที่รู้แล้วคือคนในหน่วยนั้นไม่มีงานที่ต้องพึ่งพาขาใหญ่ ไม่มีงานอะไรของขาใหญ่เกี่ยวอยู่ในที่นั้นในวันนี้ งานที่ขาใหญ่เคยช่วยก็มีคนอื่นหยิบไปทำต่อกว่า 3 เดือนแล้ว…..”

หลังจากสติเตือนให้รักษาระยะห่างจากคนสร้างแรงดูดสู่ร่องอารมณ์ลบ  ก็เิกิดปิ๊งแว๊บ “คนที่รู้ว่าแรงฉุดลงร่องอารมณ์แรงแค่ไหน มีแต่เจ้าตัว”

อืม ได้เรื่องแล้ว จะไม่ให้เธอเข้ามาพิง แล้วดูดพาตกร่องลบ มีแต่ต้องนำพาให้รู้ตัวว่าลงไปติดหล่มได้ยังไง

เที่ยงวันเมื่อวานเป็นโอกาส  มีเพื่อนเก่า 2 คนแวะมาเยี่ยม ทั้งคู่ทำงานเป็นกระบวนกร ได้การแล้ว ชวนไปคุยด้วยดีกว่า คิดแล้วก็ทำทันที  ได้ความเข้าใจในอารมณ์เธอมาระดับหนึ่งหลังการคุย

มีเรื่องราวให้เรียนรู้เกี่ยวกับเด็กแถมมาว่า เมื่อ ไรเจ้าตัวเล็กมีประสบการณ์ที่ไม่ชอบเอามากๆโดยบุคคลอันเป็นที่รัก อารมณ์จะฝังความจำไว้ในสมองแบบไม่รู้ตัว  ความจำนี้มีอิทธิพลมากเมื่อแต่ละคนโตขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจำ

อิทธิพลนี้ส่งผลเมื่อเจอ เรื่องคล้ายๆกันตอนโตเป็นผู้ใหญ่ เจอเมื่อไรจากคนที่เจ้าตัวให้ความสำคัญ มันจะดึงให้ตกร่องอารมณ์ลบโดยง่ายดาย แบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

เจ้าอารมณ์นี้แหละ ที่ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมตอบสนองตามเสียงเรียกร้อง แล้วก็กลายเป็นพฤติกรรมเสพติดแบบไม่รู้ตัว

บ้างเป็นพฤติกรรมหนีความรู้สึกลึกๆทำให้ไม่กล้าอยู่กับตัวเองตามลำพัง

บ้างเป็นพฤติกรรมไม่กล้าก้าวตรงเข้าไปเผชิญความรู้สึก ทำให้ต้องมีคนอื่นอยู่รอบข้างตลอดเวลา

บ้างเป็นพฤติกรรมเดินเข้าหาเพื่อแสดงพลังและทดสอบตัวเอง ใช้การท้าทายการตอบสนองจากคนอื่นเป็นบททดสอบ

พฤติกรรมเหล่านี้มีหลากหลายไปหมดในคนๆเดียว เมื่อเจ้าตัวเจออารมณ์นี้เข้าจังๆ เมื่อนั้นก็เกิดการปะทะของอารมณ์ขึ้นภายใน

เป็นการปะทะกันระหว่าง อารมณ์บวกและลบ  การปะทะนี้ดึงดูดให้พลังชีวิตแปรเปลี่ยน เมื่อใดฝ่ายลบแรงกว่า ความรู้สึกแย่กับตัวเองจะเกิดขึ้น  เมื่อใดฝ่ายบวกแรงกว่า ชีวิตจะมีพลัง วนเวียนเป็นวงจรในแต่ละวัน

ได้แต่ขอบคุณเธอที่ทำให้ได้เรียนรู้ “ความเป็นเช่นนั้นเอง”

เห็นความเข้าใจว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” เป็นทางสายกลางของปัจเจกจริงๆ  มิน่าละ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ธรรมะของพระองค์ เป็นปัจจัตตัง”

วันนี้ได้ข้อตัดสินใจใหม่ ว่าจะลองดูสักตั้งกับการเข้าไปช่วยองค์กรแห่งนี้ให้หายป่วย

พรหมวิหาร 4 คือเครื่องป้องกันตัวที่ต้องติดตัวไปด้วยทุกครั้ง…..เอาละ….เตรียมตัวลุย

1 เมษายน 2555

คำสำคัญ (Tags): #บันทึกประจำวัน
หมายเลขบันทึก: 485144เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2012 22:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 16:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท