เช้าวันศุกร์ข้าพเจ้ามีนัดที่จะไปรับแม่ที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี แต่กิจวัตรประจำวันที่ทำไม่ได้ขาด บนเส้นทางแห่งการฝึกฝนความเพียรให้เกิดเป็นนิสัย ... ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมนั้นก็คือ การทำกับข้าวไปวัด
นิสัยนี้สั่งสมมา ๗-๘ ปีเห็นจะได้...
มีโอกาสก็ทำอย่างสม่ำเสมอ อะไรก็ตามที่เราทำเป็นประจำแล้วก็จะสามารถเกิดเป็นนิสัยใหม่เกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งใดที่จะนำไปสู่การเกิดอารมณ์ทางธรรม ข้าพเจ้าจะไม่รีรอเลย จะรีบลงมือฝึกฝนปฏิบัติตนเอง
เช้าวันนี้เองข้าพเจ้าได้ทดลองทำนึ่งไก่ใส่วุ้นเส้น ใส่เห็ดหอม ใส่ดอกไม้จีน เป็นการทำครั้งแรกในชีวิตโดยมีแม่เป็นผู้กำกับวิธีการทำผ่านทางโทรศัพท์มาจากเชียงใหม่
ผลปรากฏว่า...หน้าตาใช้ได้ดีทีเดียว ส่วนรสชาติก็เป็นรสชาติสำหรับพระภิกษุ คือ ไม่เข้มจัดเกินไป
นำอาหารไปไว้ที่โรงครัวกลาง เสร็จ...ก็รีบบึ่งรถออกจากวัด
เมื่อขับผ่านหมู่บ้าน...ไม่ได้สังเกตปรากฏว่า มีไก่ตัวหนึ่งบินถลาออกมาจากบ้านที่อยู่ข้างทาง วิ่งมาชนด้านข้างรถ มองผ่านกระจกเห็นสั่นกระตุกสองสามทีก็สิ้นใจ
ด้วยความอารามรีบ...คล้ายชนแล้วหนี
เพราะดูเวลาแล้วว่า จะไปรับคุณแม่ไม่ทันแน่ จึงตัดสินใจขับรถไปก่อน แต่ในใจนั้นแผ่เมตตาให้กับไก่ผู้น่าสงสารไปสู่สุขคติภูมิ
รู้สึกว่า นี่คือ การสังเวยชีวิต...(อุปทานคิดไปเอง^^)
จนเมื่อบ่ายวันเสาร์...ข้าพเจ้าตั้งใจขับรถมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านนั้น เพื่อไปถามไถ่เรื่องไก่ที่บินมาชน และขอขมา พร้อมยินดีรับผิดชอบ
ปรากฏว่า ชาวบ้านบอกว่า "บ่เป็นหยังดอก มันเป็นอุบัติเหตุ"...แล้วป้าแกก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
สิ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้คือ จิตใจที่งดงาม ที่เกื้อหนุนและเอื้ออาทร
สิ่งที่ค้างคาต่อไก่และผู้เลี้ยงไก่ก็ได้รับการสะสาง คลายลงไป...
ป้าจำรถข้าพเจ้าได้เพราะผ่านเข้าออกอยู่บ่อยๆ ...และให้กำลังใจแก่ข้าพเจ้าว่าอย่าได้กังวลไปเลย ไก่เขาถึงที่ตายของเขาแล้ว
โห...นี่แหละคือ ความงามที่ข้าพเจ้าแสวงหา จิตใจที่ยังเรียบง่ายและบริสุทธิ์ มิตรไมตรีจิตที่ยังมีอยู่มากในหมู่บ้านในชนบท
นับวัน...
เราจะพบสภาวะแห่งความเรียบง่ายทางจิตใจน้อยลงไปทุกที แต่แถวละแวกนี้ ข้าพเจ้ายังพบได้อยู่มาก นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ชีวิตข้าพเจ้าแสวงหา คือ ความเรียบง่ายและความงดงามทางจิตใจ
...
๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕
เหมือนกันเลยค่ะ เส้นทางเดียวกัน
ชนไก่เหมือนกัน
เรียน อาจารย์ครับ
ผมก็เคยครับ...เพราะไก่ชอบเข้ามาล้อรถเราครับ
ลองสังเกตดี ๆ นะครับ
ตอนรถเราอยู่ไกล ๆ ก็ยังเฉย ๆ
แต่พอมาใกล้ เบรคไม่อยู่
บินกระโจนหลายหลาเข้าล้อรถเฉยเลยครับ
โดยเฉพาะทางเข้าอนามัยครับ
รู้สึกว่า เหยียบเขาเข้าแล้ว
และทำแบบเดียวอาจารย์ แต่ชาวบ้านก็ไม่เก็บตังค์เพราะทราบเจตนา
(ผมขับรถเหยียบเต่าด้วยนะครับ ตอนลงเวรตอนดึก...รู้สึกทุกข์และบาปมากครับ)
สัพเพ สัพตา แล้วยังไม่ลด
ทำบุญให้แล้วยังรู้สึกค้างคา
แม่เยียวยาผมได้บ้าง บอกว่า
อายุขัย เขาคงแค่นี้
เขาตายแล้ว อาจได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์
เพื่อจะได้ศึกษาธรรมะ
และเป็นนางฟ้า เทวดาต่อไป
อ่านบันทึกของอาจารย์ก็รู้สึกดีมากเลยครับ
ชอบความมีน้ำใจงามของชาวบ้านค่ะ
ขอบพระคุณค่ะคุณอดิเรกที่แบ่งปัน เรากับสัตว์คงมีบุพกรรมร่วมกัน^^