คราวนี้ขอเล่าเรื่อง ต เต่า หลังตุงบ้าง (อักษร ต นี้มีใช้ทั่วไปในภาษาเขียนของอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว พม่า มอญ เขมร) และนับว่าสำคัญมากในภาษาบาลีสันสกฤต อันที่จริงภาษาอื่นๆในตระกูล อย่างภาษาละติน กรีก (t) ก็สำคัญเช่นกัน
อักษร ต ตัวเดียวนี้สำคัญอย่างไร?
ในภาษาสันสกฤตนั้น รากศัพท์กริยา (ศัพท์เทคนิคเรียกว่า ธาตุ, ภาษาอังกฤษว่า root ต่อไปนี้จะป้ายสีแดงเพื่อให้เห็นชัด) นั้น เป็นต้นกำเนิดของกริยา หมายความว่า ตัวธาตุเองนี้ นำไปใช้อะไรไม่ได้ (ผมว่า น่าจะเป็น seed มากกว่าจะเป็น root) เหมือนมีพลังงานศักย์ในตัว แต่เมื่อมีการเติมข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง ก็เริ่มมีพลังงานจลน์ สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้เยอะเชียว...
ใช้สร้างกริยาพิเศษ
ลองนึกถึงคำที่มีกลิ่นอายแขก และมี ต อยู่ท้ายคำดูสิครับ ส่วนมากจะมาจากการสร้างกริยาแบบนี้ การเติม ต นั้น แปลว่า ทำแล้ว
ภูต ภู (บังเกิด) + ต = เกิดขึ้นแล้ว, สิ่งมีชีวิตทั้งปวง พืช ผัก เทวดา ผี
ตถาคต ตถา (เช่นนั้น) + คมฺ (ไป) + ต = (มาและ)ไปเช่นนั้น, หมายถึง พระพุทธเจ้า
มฤต มฺฤ (ตาย) + ต = ตายแล้ว, อมฤต = ไม่ตาย
วาต วา (พัด, ไป) +ต = พัดแล้ว, ลม
สุคต สุ + คมฺ (ไป) +ต = ผู้ไปดีแล้ว, หมายถึง พระพุทธเจ้า
กริยา คมฺ (อ่านว่า คัม) เมื่อนำมาประกอบเป็นคำใหม่ จะเหลือแค่ ค ตัวเดียว ง่ายไหมเอ่ย
สูต สู (คลอด) + ต = คลอดแล้ว
โดยทฤษฎีแล้ว กริยาทุกคนในภาษาสันสกฤตสามารถนำมาเติม ต ได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กๆ น้อยๆ เช่น แทรกเสียง อิ ก่อนเติม ต เช่น
คณิต คณฺ (คิด) แทรก อิ + ต = คิดแล้ว
จริต จร (ไป, ปฏิบัติ) แทรก อิ) + ต = ไปแล้ว, ความประพฤติ, การเดินทาง
ชีวิต ชีว (มีชีวิต) (แทรก อิ) + ต = มีชีวิต(ขึ้นมา)แล้ว, ผู้มีชีวิต
บูชิต ปูช (บูชา) (แทรก อิ) + ต = บูชาแล้ว, ผู้เป็นที่เคารพ บูชา
พิชิต วิช (เอาชนะ) (แทรก อิ) + ต = เอาชนะแล้ว, ว ในสันสกฤต กลายเป็น พ ในภาษาไทย ได้
มานิต มานฺ (เคารพ) (แทรก อิ) + ต = เป็นที่น่าเคารพ
สถิต สฺถา (ยืน) แปลง อา เป็น อะ , แทรก อิ + ต = ยืนแล้ว
ยังมีตัวอย่างอีกมากทีเดียว ลองดูคำไทยที่ลงท้ายด้วย ต หรือ ด ดูนะครับ อาจจะมาจากธาตุในภาษาสันสกฤตก็ได้...
ไม่มีความเห็น