๒๔๘.ปรองดอง : เมื่อพิธีกรโยนระเบิดลงกลางวงสนทนา


ปัจจุบันเหตุเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ คนพะเยาหรือคนบนโลกนี้สามารถรับรู้ได้ทันที ไม่เกิน ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง ยิ่งใครมีข่าวทาง SMS เข้ามาแล้วยิ่งไว ใจยิ่งร้อน โดยเฉพาะการไม่ยอมรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน แดงกำลังอ้าปาก-เหลืองสวนทันที, หรือเหลืองกำลังพูด-แดงก็ไม่รับฟัง ฯลฯ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงและน่ากลัว

   (ต่อ)  ประเด็นที่ ๒ พิธีกรมักจะถามเพื่อให้เกิดประเด็นร้อน ๆ ไปที่เหลือง-แดง เช่น ในกรณี ม.๑๑๒ เป็นต้น

     ประเด็นนี้ ผู้เขียนมองใน ๒ ลักษณะคือ

     ๑.คำถามนี้เหมือน "โยนระเบิดเข้ามากลางวงสนทนา" ซึ่งมักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองใน ๔ แบบ คือ แบบที่หนึ่ง บางคนยอมรับทันที คือเชื่อ รับเอา และสนับสนุนทันที่เพราะเข้าลักษณะ หรือเป็นไปในแนวทางที่ตนเองคิดอยู่แล้ว คือมีคำตอบอยู่ก่อนแล้ว เมื่อโจทย์หรือคำถามมาถึงก็ยอมรับทันที

             แบบที่สอง บางคนปฏิเสธทันควัน คือต่อต้าน ไม่ฟังเหตุผล และคัดค้านชนิดหัวชนฝา อย่างไรเสียก็ไม่ยอมรับ เนื่องจากมีอคติเอาไว้ในใจอยู่แล้วว่า ใครๆ แตะเรื่องนี้ไม่ได้ นั่นหมายความว่ามีธงอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน

             แบบที่สาม บางคนไม่รับรู้ไม่สนใจ เพราะสิ่งเหล่านี้มันไกลตัว และเป็นหลักการมากกว่า สรุปง่าย ๆ ว่ายังไม่เห็นทั้งต้นและปลายของเหตุที่เกิดขึ้น หรือกำลังจะเกิด

              แบบที่สี่ บางคนก็กำลังใคร่ครวญดูว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ มันสะท้อนอะไร? ในสังคมไทย บางคนก็บอกว่าเหมือนกับฝีที่มันกำลังจะแตก บางคนก็บอกว่าอยู่ดี ๆ ก็เอาเข็มไปจิ้มเหงือก ฯลฯ

     อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนชอบใจในแนวคิดของใครสักคน(ซึ่งผู้เขียนขออธิบายขยายความต่อยอดไป)ที่ว่า ทุกวันนี้ข่าวสารมันไวมากและคนก็ไม่ทันได้คิดก็ลงความเห็นไปแล้ว ก่อนนี้เรื่องที่มันเกิดที่กรุงเทพฯ กว่าจะมาถึงพะเยา ต้องใช้เวลาเดินทาง ๑๕ วัน ซึ่งหมายความว่าคงจะนอนกลางทางอย่างน้อย ๑๓ คืน กว่าจะมาถึงพะเยาคงต้องผ่านภูเขา แม่น้ำ สัตว์ป่า ผู้คน ได้ทั้งผ่อนคลาย ได้ทั้งเวลาไตร่ตรอง ได้ทั้ง.......จึงทำให้คนได้สติ

     ประเด็นนี้คนโบราณจึงสอนนักสอนหนาว่า เมื่อเรื่องเกิดขึ้นกรุณาฟัง แล้วให้นับ ๑-๑๐ หรือ ๑๐๐ ยิ่งถ้าให้ดีต้อง ๑๐๐๐ ฯลฯ หมายความว่า ในขณะนับนั้น มันมีเวลาไคร่ครวญ เวลาไตร่ตรอง เวลาของการยั้งคิด...ใช่หรือไม่?

     ปัจจุบันเหตุเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ คนพะเยาหรือคนบนโลกนี้สามารถรับรู้ได้ทันที ไม่เกิน ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง ยิ่งใครมีข่าวทาง SMS เข้ามาแล้วยิ่งไว ใจยิ่งร้อน โดยเฉพาะการไม่ยอมรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน แดงกำลังอ้าปาก-เหลืองสวนทันที, หรือเหลืองกำลังพูด-แดงก็ไม่รับฟัง ฯลฯ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงและน่ากลัว

     ประเด็นที่ ๒-๓ ที่ว่าอะไรคือปัญหาที่เร่งรีบก่อน หรือประเด็นเรื่องโครงสร้างทางอำนาจ-อันนี้จะขอพูดทีหลัง หรือในโอกาสต่อไป

     ส่วนประเด็นเรื่องเหลือง-แดงในพะเยา ไม่ค่อยมีเรื่องรุนแรงอะไรมากนักนั้น ผู้เขียนได้เสริมไปว่า เนื่องจากพะเยาน่าจะมีหลัก ๓ ประการในการยึดโยงคนเหล่านี้เอาไว้คือ

     ๑.ศาสนา คือความเชื่อ ในที่นี้น่าจะหมายถึงความศรัทธาต่อพระอุบาลีคุณูปมาจารย์(ปวง ธมฺมปญฺโญ) จึงเป็นที่มาของสถาบันปวงผญาพยาว ซึ่งอีกนัยะหนึ่งก็คงหมายถึงปวงชนคนพะเยาด้วยประการหนึ่ง(ดังคุณชัยวัฒน์ได้อธิบาย) มีผู้เข้าร่วมเสวนาหลายท่านตั้งข้อสังเกตว่าหลาย ๆ จังหวัด ก็ไม่สามารถยอมรับกันได้แม้จะมีศาสนาอันเนื่องมาจากตัวศาสนทายาทลงมาเล่นการเมืองกับเหลือง-แดงเสียเอง โดยขาดความเป็นกลาง และเกิดการไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

     ประเด็นดังกล่าวนี้ ผู้เขียนเห็นว่า ปล่อยไปสักระยะหนึ่ง เดี๋ยวก็จะมีผู้นำโดยธรรมชาติเกิดขึ้นเอง ซึ่งในระยะแรก ๆ อาจจะไม่มีใครยอมใครในชุมชน แต่ในที่สุดแล้วคน มักมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่มีใครทนเห็นหายนะนี้ได้นาน ๆ เหมือนกับคำที่ว่า "สถานการณ์ย่อมสร้างวีระบุรุษ" แต่คงไม่ถึงกลับยอมรับคนประเภทที่ว่า "คนอยากเป็นวีระบุรุษ ย่อมสร้างสถานการณ์" หรือนะ ซึ่ง ๆ คน ๆ นั้นต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายด้วย ไม่ใช่ยอมรับเพียงเพราะมีอาวุธอยู่ในมือ

     ๒.ครอบครัว หมายถึงความรัก-ความผูกพัน ที่แบ่งเป็นฝ่าย นั่งใกล้กันระหว่างเหลือง-แดง นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพี่น้องและเครือญาติกันทั้งนั้น มันหนีกันไปไม่พ้น จะเป็นจะตาย ก็ยังคงต้องเป็นห่วงและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

     ประเด็นนี้ผู้เขียนได้พูดหลายครั้ง และเขียนเอาไว้หลายที่ว่า ยกตัวอย่างไทยกับเขมร แม้จะเกลียดกันมากแค่ไหนมันก็ยกประเทศหนีไปตั้งขัวโลกเหนือ หรือทำลายอีกประเทศหนึ่งออกไปจากแผนที่ไม่ได้ ทำอย่างไรเราจึงจะมายอมรับความจริง และยอมรับสภาพที่จะเปลี่ยนไป ด้วยใจที่เป็นธรรม

     ในพระพุทธศาสนาสอนในเรื่องประโยชน์ ๓ คือในเมื่อเราจะเอาประโยชน์ตนฝ่ายเดียวเขาก็คงไม่ยอม และเราจะยกประโยชน์ท่านให้เขาทั้งหมดก็คงไม่ได้ ดังนั้น ต้องมีประโยชน์ร่วมทั้ง ๒ ฝ่าย คือต่างฝ่ายต่างได้ประโชน์นี้คือหลักการในพระพุทธศาสนาที่ทำให้คนอยู่ในสังคมร่วมกันได้

     ทุกวันนี้ เราถูกเส้นแบ่งอะไรสักอย่างหนึ่งมาคลอบ ให้เราเป็นอย่างที่คนอื่นคิด เช่น คนไตลื้อ-สิบสองปันนา ประเทศจีน, คนไตเขิน-เชียงตุง ประเทศพม่า, คนลาว หลวงพระบาง ประเทศลาว, คนล้านนา ประเทศไทย คนกลุ่มนี้ เขาข้ามไปข้ามา คือไปมาหาสู่ ทำมาค้าขาย มีการแลกเปลี่ยนทางเครือญาติต่อกันมาเป็นหลายชั่วอายุคนแล้ว ทุกวันนี้อยู่คนละประเทศ ก็เพราะเราเอาเส้นแบ่งเขตแดนไปวางทับไว้

     กรณีเดียวกัน คนเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ที่มีปัญหากันนั้น เกิดจากการนำเอาแนวคิดทางการเมืองมาวางทับคนไทยไว้ จึงเกิดอุดมการณ์ที่ต่างกันระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายห้วก้าวหน้า ซึ่งผู้เขียนคงไม่ลงลึกไปว่าฝ่ายไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีดีและข้อบกพร่องที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายประการและสลับซับซ้อนกว่าที่เห็น แต่ที่นำมาเขียนเนื่องจากต้องการชี้ให้เห็นประเด็นความขัดแย้งเท่านั้น (ที่จริงคำว่าอุดมการณ์ดีนะ เพราะมาจากคำว่า อุตม= อุดม สมบูรณ์ สูงค่า +การณ์=การกระทำ แปลแบบเหมารวมว่าการกระทำที่สูงค่า)

     ๓.วัฒนธรรม หมายถึงภูมิปัญญา คนล้านนามักจะเรียกส่วนหนึ่งของบ้านว่า "เติน" ซึ่งเป็นพื้นที่วางสำหรับให้คนในบ้านมานั่งคุยกัน หากเทียบกับปัจจุบันก็คือ "ห้องรับแขก" ที่ว่าเมื่อมีปัญหาหรือเรื่องที่จะหารือกันก็จะมารวมตัวกัน ในเมืองพะเยาเรามี "เตินผญา" หรือพื้นที่ทางปัญญาให้มาคุยกัน จึงเป็นทางออกของสังคมแห่งความขัดแย้งนี้หรือไม่

     สรุป ประเด็นไว้ตรงนี้ก็คือ คนไทยจะตายเพราะข่าว(ลือ) เนื่องจากเป็นไปตามกระแสมากเกินไป ยิ่งข่าวด่วน ข่าวลับ คนไทยมักตกเป็นเหยื่อเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกรณีกระตายตื่นตูม, ข่าวมือถือระเบิด, ข่าวโลกแตก ฯลฯ

     ผู้เขียนหวังว่าคนไทยเราต้องมี "สติ" สักนิด ค่อย ๆ นับ ๑-๑๐๐ เมื่อรับข่าวสารมาแล้ว ต้องใคร่ครวญพิจารณาให้ดีเสียก่อน  อย่าใช้คำว่า "เขาว่ามา" แทนหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้าเลย

 

หมายเลขบันทึก: 480655เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2012 21:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สาธุ..คนไทยเราต้องการฟังธรรมแบบนี้มากๆ จากพระ พระต้องกลับมาเป็นเสาหลักให้สังคมได้อีกเหมือนอดีต

แต่วันนี้เรามีพราะจีวรสีต่างๆ ที่ไม่วางตัวเป็น ธรรม เป็นความถูกต้องอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีสี

ที่จริงคำว่าอุดมการณ์ดีนะ

เพราะมาจากคำว่า อุตม= อุดม สมบูรณ์ สูงค่า +การณ์=การกระทำ แปลแบบเหมารวมว่าการกระทำที่สูงค่า

...

นมัสการค่ะ

แสดงว่าต่างฝ่ายต่างก็พยายาม นำเสนอสิ่งที่ "ตนคิดว่า" ทำให้สังคมมีความพัฒนา สงบสุข

หากเติม ความช่างสงสัย-curiosity อยากรับฟังด้วยใจจริง ทำไม "เขาคิดว่า" ก่อนที่จะด่วนสรุป เขาคิดว่า..เพราะเขาเป็นคน...

เจริญพรคุณโยมคนถางทาง

อันที่จริงอาตมาเป็นคนมีสีเช่นกัน....

แต่สีของอาตมาคือ ศรีบรรดร ซึ่งติดตัวอาตมา มาตั้งแต่เกิด

เจริญพร คุณโยมหมอ

ใช่แล้ว...ต้องตั้งสติก่อน เพื่อรับฟัง ว่าทำไม? เขาต้องคิดและเชื่อเช่นนั้น?

ความเชื่อและความคิด เมื่อฝังแน่นแล้ว

การจะให้เขาเปลี่ยนความคิด อย่างน้อยต้องเปลี่ยนที่เราก่อนว่า...ทำไมเขาจึงคิดและเชื่ออย่างที่เขาเป็น?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท