โรคคอมพิวเตอร์ (CVS /Computer Vision Syndrome)
สังคมปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร ดังนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญในชีวิตประจำวัน เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายในด้านต่างๆ ทั้งด้านการทำงาน ความเพลิดเพลิน การศึกษา สืบข้อมูลและการติดต่อสื่อสารต่างๆ คนรุ่นใหม่จึงพากันพึ่งพาคอมพิวเตอร์กันไปทั่วโลก แต่รู้กันหรือไม่ว่าถ้าเราไปคลุกคลีอยู่กับมันหรือต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันวันละหลายๆชั่วโมง จึงทำให้เกิดความสิ้นเปลือง ทำลายคุณภาพชีวิต สุขภาพและร่างกายจะทรุดโทรม เพราะขาดการออกกำลังกาย และขาดโภชนาการที่ดี
แม้ว่าคอมพิวเตอร์จะก่อให้เกิดความสะดวกสบายกับผู้ใช้มากเพียงใด ในทางตรงกันข้ามคอมพิวเตอร์ย่อมส่งผลเสียกับผู้ใช้งานด้วย ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มองข้ามคือโรคภัยต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ อาจเป็นเพราะปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใน ทันทีทันใด แต่จะสะสมไปเรื่อย ๆ จนเกิดอันตรายต่อสุขภาพในที่สุด โรคที่มากับคอมพิวเตอร์ ในที่นี้ไม่ใช่ “ไวรัสคอมพิวเตอร์” หรือ “โปรแกรมตัวหนอน” ที่บ่อนทำลายข้อมูลในคอมพิวเตอร์ แต่หมายถึงความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกกันสั้นๆ ว่า “คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม Computer Vision Syndrome”
สาเหตุของโรค
1.ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ค่อยกระพริบตา
2.แสงจ้า และแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์
3.การออกแบบและการจัดภาพ
สาเหตุหลักๆ นอกจากการใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ แล้ว ยังเกิดจากการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดมากเกินไป รายงานการศึกษาวิจัยเมื่อปี 2004 พบว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดโรค CVS คือ มุมของระดับสายตา (angle of gaze) กับจอคอมพิวเตอร์ อาการต่างๆ จะหายไปเมื่อมุมดังกล่าวมากกว่า 14 องศา และมีปัจจัยอื่นๆ เช่น กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อม อาหาร ความเครียด การลดลงอย่างฉับพลันของฮอร์โมน ฯลฯ
อาการ คือ ปวดเมื่อยเบ้าตา, ต้นคอ, ศีรษะ, บ่า, ไหล่, หลัง มีอาการอ่อนล้าทางประสาทตา, มีภาวะตาแห้ง แสบตา ตาพร่ามัว รอยดำคล้ำบริเวณตา หรือมีรอยบวมเห็นเป็นถุงใต้ตาโปนออกมา นับเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับคนทุกเพศทุกวัยอย่างมาก
สรุปลักษณะอาการที่เกิดขึ้นกับอวัยวะต่าง ๆ
การป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์
1. ควรรู้จักที่จะพักผ่อนสายตาอย่างเหมาะสม และที่ลืมไม่ได้ควรหมั่นตรวจเช็คสายตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หากรู้สึกว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับสายตา หรือการมองเห็น
2. ตั้งจอคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากระดับสายตาราว 20-24 นิ้ว ( ราว 2 ฟุตครับ ) อาจใช้น้ำตาเทียมมาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของดวงตาหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรืออาจบังคับให้ตัวเองกระพริบตาบ่อย ๆ ในขณะใช้คอมพิวเตอร์
3. จัดท่านั่งที่ถูกต้องเวลาใช้คอมพิวเตอร์ พยายามอย่าให้ข้อมือเกิดการโก่งต้องโค้งผิดปกติ ควรเลือกใช้ตัวอักษรสีดำบนพื้นสีขาวเป็นหลัก อาจออกกำลังกายเพื่อคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ เช่น การกำมือและคลายมือ การนวดไหล่ ดัดคอ หรือยืดแขน
4. หมั่นทำความสะอาด ปัดฝุ่นให้คอมพิวเตอร์และบริเวณที่ทำงาน เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค การล้างมือหรือไม่รับประทานอาหารขณะทำงานก็เป็นสุขอนามัยที่ควรปฏิบัติเป็น นิจ
ส่วนใครที่ต้องการที่จะคลายความเมื่อยล้าให้กับดวงตา
ก็มีวิธีแนะนำง่ายๆ โดยการนั่งลงในท่าสบาย ๆ หายใจเข้าออกช้า ถูฝ่ามือทั้งสองให้พออุ่น นำฝ่ามือประคบบนดวงตา โดยหลับตาลง อย่าให้ฝ่ามือแนบชิดกับดวงตามากเกินไป นั่งนิ่ง ๆ ในท่าดังกล่าว ประมาณ 1 นาที ค่อย ๆ เอามือออกช้า ๆ จะช่วยให้รู้สึกสบายตาขึ้น
โรคคอมพิวเตอร์กับคุณภาพชีวิต
การจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นั้นทุกคนก็ควรที่จะคำนึกถึงตัวเองก่อนว่าข้อดีและข้อเสียของการเล่นคอมพิวเตอร์นั้นก่อนว่าเราควรจะมีมาตราการยังไงให้เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ โดยปราศจากโรคหรือลดอาการของโรค เพื่อที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
การดูแลตนเองเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติให้อยู่ในกฏเกณฑ์ ไม่ใช้จิตใจหรืออารมณ์ในการปฏิบัติ แต่เป็นการฝึกฝนตนเองให้รู้ถึงคุณค่า และผลของสิ่งที่ตนกระทำ การเอาเรื่องคอมพิวเตอร์มาพูดนี้ก็เพราะปัจจุบันทุกคนต่างก็ใช้คอมพิวเตอร์กันมากมายและคิดว่าอาจจะเป็นช่วยเป็นข้อคิดหรือแรงจูงใจให้ทุกคน สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ทั้งทางกายและทางใจ ในอนาคตต่อไป
[แต่งคลายเครียด
ชีวิตมีทั้งสุข มีทั้งทุกข์ มีทั้งเศร้า มีทั้งหัวเราะ
ผู้คนต่างพบเจอ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ปรับสิ่งดีๆให้กับชีวิต เพื่อความสุขในวันข้างหน้า และเพื่ออนาคตของเราต่อไป ]
เอกสารอ้างอิง
หนังสือพิมพ์มติชน.โรคคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซิมโดรม.วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก [email protected] : http://health.kapook.com/view253.html
หวังกระแทกคาง.โรคคอมพิวเตอร์ทำป่วย?????????. วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก Teenee.com : http://variety.teenee.com/foodforbrain/1388.html
สายพิณ เล็ก ป่าไม้ .โรคคอมพิวเตอร์(Computer Vision Syndrome).วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก Jingjong.net76.net : http://www.jingjong.net76.net/index.php?option=com_content&view=article&id=5&Itemid=6
นิตยสารคู่สร้างคู่สม.thap976.โรคคอมพิวเตอร์.).วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก expert2you.com : http://www.expert2you.com/view_article.php?art_id=375
ศูนย์การเรียนรู้สุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ(กรุงเทพ). "คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม" (computer vision syndrome) หรือ "โรคซีวีเอส".วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก: ศูนย์การเรียนรู้สุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพhttp://www.vachiraphuket.go.th/www/public-health/index.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=130
THNiCเรียนรู้เพื่อรับใช้สังคม .โรคภัยทางคอมพิวเตอร์.วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก rokcom.site90.net : http://rokcom.site90.net/index.php?option=com_content&view=category&id=34&Itemid=57
ผศ.นพ.กิตติ โตเต็มชัยการ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม คืออะไร .วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย/cicot.or.th : http://www.cicot.or.th/2011/main/content.php?page=sub&category=26&id=75
แพทย์หญิงพุธศิรินทร์ ชูจันทร์ แพทย์ด้านผิวหนัง.โรค “คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม” ภัยเฉพาะของคนรุ่นใหม่.วันที่ค้น29 ก.พ. 2555. จาก คุณภาพชีวิต : http://w3.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9490000119351
ไม่มีความเห็น