"หนูขอโทษค่ะ" ... (เรื่องเล่าจากข้อสอบปลายภาค)


หากใครได้อ่านอนุทินผมในวันนี้จะทราบว่า ผมคุมสอบรายวิชาที่ตัวเองสอน (ปกติควรจะเป็นอาจารย์ที่ไม่ใช่เจ้าของวิชา)

๓ หมู่เรียน ใน ๑ ห้องสอบ

 

เมื่อกี้เพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัย (ออกมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว) ก็ทานข้าวเย็นยามดึก นั่งพักดูโทรทัศน์ไป แล้วก็มานั่งอ่านข้อสอบที่เด็กทำผ่านมาเมื่อเย็นนี้

คำตอบของเด็กคนหนึ่ง อยู่หมู่เรียนที่ ๐๒ ทำให้รู้สึกว่า อยากนำมาลงเอาไว้ในบันทึก สำหรับผมอาจจะดูธรรมดา เพราะเท่าที่ใช้ระบบการสอนแบบนี้มา ถือว่า ผลค่อนข้างสม่ำเสมอ

 

ผมถามในข้อสอบเกี่ยวกับ วิธีคิด หรือ ทัศนคติของนักศึกษาที่มีต่อ "อาจารย์ผู้สอนประจำวิชา" ที่เปลี่ยนไปจากเดิม

ที่ถามแบบนี้ เพราะรู้อยู่แล้วว่า เมื่อเข้ามาเรียนกับผมครั้งแรกจะต้องเจอบทโหดจากระเบียบและแนวการสอน เด็กที่มีอัตตาสูง รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ และคิดว่าตัวเองโตแล้ว ทำดีแล้ว จะไ่ม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยเงื่อนไขบางอย่าง เขาต้องเรียนให้ผ่าน

ลองอ่านคำตอบนะครับ

 



หนูจะพูดตรง ๆ อาจารย์อย่าว่าหนูนะคะ ชั่วโมงแรกหนูยอมรับว่า หนูไม่ชอบอาจารย์เลย ยอมรับแบบแมน ๆ เลยค่ะว่า หนูแอบนินทาอาจารย์ด้วยซ้ำ (หนูขอโทษค่ะ) คิดว่า ทำไมอาจารย์โหดแบบนี้ เจ้าระเบียบมาก และการกระทำดูแรง ๆ ค่ะ หนูไม่ชอบเลย

แต่ทัศนคติของหนูเริ่มเปลี่ยนไปตอนที่อาจารย์ให้ดูวีดิทัศน์เรื่องที่คุณหมอคุยเรื่องพ่อแม่ หนูคิดว่า อาจารย์ทำให้หนูร้องไห้ได้ เลยทำให้หนูคิดว่า จะมีครูสักกี่คนที่ให้นักศึกษาดูอะไรอย่างนี้ จะมีครูสักกี่คนที่จะสอนให้ศิษย์เป็นคนดี ใช่เพียงสอนให้ศิษย์มีความรู้ หนูไม่ได้ยออาจารย์นะค่ะ แต่หนูรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

หนูเคยได้ยินเขาพูดกันว่า อย่าเรียก "ครู" ว่าเป็น "อาจารย์" เพราะครูกับอาจารย์ช่างต่างกันมาก "ครู" ก็คือ ครูที่น้อยคนนักจะเป็นได้ แต่อาจารย์นั้นใคร ๆ เขาก็เป็นได้ แม้แต่หมอผี เขายังเรียกอาจารย์

หนูยกให้ครูเป็นครูของหนู ครูที่เป็นครูจริง ๆ ที่ไม่ใช่ในแบบอาจารย์ หนูอยากเป็นแบบอาจารย์ แต่การเป็นตัวของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด

หนูสัญญา หนูจะยึดแนวทางการสอนของอาจารย์ไปใช้ที่จะสอนศิษย์ของหนูอนาคตค่ะ และหนูต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้สอนอะไรหลาย ๆ อย่างให้หนู

และหนูต้องกราบขอโทษอาจารย์อีกครั้งที่หนูแอบนินทาอาจารย์

 

"หนูขอโทษค่ะ"

 

 

อย่างที่เล่ามาหลายบันทึกนะครับว่า เข้ามาแรก ๆ ต้องมีการตกลงกติกาสังคมระหว่างครูกับลูกศิษย์กันก่อน ซึ่งหากรับได้ ก็เรียนได้ หากรับไม่ได้ ก็ถอนออกไป ไม่มีใครว่า ถือเป็นการทดสอบกำลังใจ จำเป็นต้องรับบทผู้ร้ายที่เด็กไม่ชอบ

ดังนั้น จุดเริ่มต้นในความรู้สึกของเด็กที่คิดว่าตัวเองโตแล้ว ไม่ชอบให้ใครบังคับนั้น คือ ไ่ม่ชอบผมสักคน

แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมเพียงแค่ต้องการทดสอบกำลังใจและความอดทนเท่านั้น เพราะอนาคต เวลาเขาทำงาน เขาจะเจอหนักกว่านี้ หากผ่านแรงเสียดทานแบบนี้ไม่ได้ ก็คงไม่ต้องไปทำอะไรกินกันแล้ว

แต่เมื่อกระบวนการสอนเดินผ่านมา ... ทัศนคติของเด็กก็เปลี่ยนไปเสมอ (ยกเว้นคนชอบความรุนแรง 555)

 

ผมไม่เคยโกรธลูกศิษย์ของตัวเองครับ ผมรู้ว่า การที่เขาคิดแบบนี้ มันคือ การทดสอบ

 

กระบวนการแบบนี้เหมาะสำหรับครูที่เป็นครู ครูที่ใส่ใจเด็ก ครูที่ไม่กลัวเด็กเกลียด ครูที่สอนให้เด็กเป็นคนดีมากกว่าสอนในตำรา กางหนังสือ เพราะจะหนักทุกรูปแบบ เรียกว่า นวดไปเรื่อย ๆ จนเด็กเข้าใจในสิ่งที่ครูได้สอน ถือว่า บรรลุผล ครับ

 

ดังนั้น เมื่อผมสอนอะไรเขาไป แปลว่า ผมต้องทำได้เช่นกัน มิฉะนั้น ผมจะไม่สอน

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน เสมอครับ

 

... "การเขียน" หลาย ๆ ครั้งทำให้เรารู้จักตัวตนของเด็กมากขึ้น รู้จักสภาพปัญหาครอบครัวที่หล่อหลอมตัวเขาออกมาให้มองโลกในแง่ดี หรือ แง่ร้าย

... "การเขียน" ยิ่งเด็กเปิดใจเขียนเท่าใด เราจะยิ่งสามารถกล่อมเกลาจิตใจของเขาได้มากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้การทำให้เปิดใจได้นั้น เป็นศิลปะที่ต้องฝึกฝนหลายปี กว่าจะเข้าถึงจิตใจ กว่าจะเลือกกระบวนการเรียนที่เหมาะสมมาใช้

... ซึ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า "เนื้อหาวิชา" เป็นปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่ำทำให้เกิดชิ้นงาน และชิ้นงานตัวนั้นแหละครับที่เราสามารถใช้ิศิลปะเข้าไปแหวกใจของเด็กได้

เชื่อหรือไม่ครับ ;)...

 

ผมใช้เวลาถึง ๔ เดือนที่จะสร้างความตระหนักรู้ให้เด็กที่เกเรเปลี่ยนวิธีคิดที่ดีขึ้น และมีการปรับปรุงตัวด้วยตนเอง

ผมไม่เชื่อมั่นหลักสูตรระยะสั้น ๑ วัน ๑ สัปดาห์ ที่บอกว่า จะเปลี่ยนอะไรบางอย่างในใจได้ เพราะหลักสูตรระยะสั้น แค่ผ่านมา และผ่านไป หากไม่ทำต่อเนื่อง หรือติดตามต่อ ก็ยากที่สำเร็จจริงครับ เหมือนมาขายฝัน แล้วเมื่อตื่น ฝันนั้นก็หายไป

ดังนั้น ผมคิดว่า "ครู" เป็นอาชีพที่่สำคัญมากทั้งการเรียนรู้ในเรื่องของวิชาความรู้หรือการใช้ชีวิตจริงในสังคม

 

เหนื่อย แต่ก็ภูิมิใจครับ ที่เราสามารถสร้าง "ลูกที่ดี" "คนที่ดี" และ "ครูที่ดี" ออกไปสู่สังคมและประเทศชาติได้

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...

หมายเลขบันทึก: 480272เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2012 03:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 12:49 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

เยี่ยมเลยค่ะ เปลี่ยนจากอาจารย์โหดเป็น"ครูของหนู"

ดีใจด้วยค่ะอ.was. ที่จะมีต้นกล้าดวามดีสืบต่อไป

เป็นความโชคดีของพ่อแม่และสังคมค่ะ

แต่เอ..คนหน้าตาดีทำไมชอบรับบทเป็นผู้ร้าย???

สวัสดีค่ะอาจารย์

ผลผลิตที่งดงาม ผ่านการเพาะบ่มที่ดี มีครูเป็นต้นแบบ ชื่นชมค่ะ

ชอบน้องคนนี้มากเลยค่ะที่กล้าเปิดใจกับอาจารย์

และหนูคิดว่ายังมีอีกเยอะนะค่ะที่ไม่กล้าเปิดใจ

แต่หนูเชื่อว่าสิ่งที่อาจารย์ทำ..คือการสร้างคนจริง ๆ ค่ะ

พี่นก NU 11 ... ผู้ร้ายมักจะหน้าตาีดีไงครับพี่ อิ อิ

ขอบคุณครับ

ดอกหญ้าน้ำ ก็มีอยู่บ้างนะครับ แต่อย่างน้อยก็ได้ "แ้ง้มใจ" ออกมาสัมผัสสิ่งที่ดีต่อตัวเขาเอง ก็ถือว่า ดีแล้วครับ

แต่แบบ "ปิดใจ" ไปเลยนี่ก็มีนะครับ พวกนี้อนาคตจะลำบากมาก

ทุกข์และเครียดจากตัวเองเป็นหลัก

นมัสการพระคุณเจ้า Phra Anuwat ครับ

แมน ๆ แบบนี้มีหลายคนอยู่ครับ

เยี่ยม ! ขอให้ยืนระยะการเป็น "ครู" ด้วยวิญญานไปให้นานที่สุดของชีวิตผู้บ่มเพาะ

"ครู" ดีดีจำนวนมากไม่สามารถยืนระยะได้นานมากนัก มีสิ่งยั่วยวนโดยเฉพาะตำแหน่งต่างๆ มายั่วจนกระโจนไปเป็นจากความเป็นครู

... เดี๋ยวนี้ "ครู" คุณภาพในโรงเรียนบ่มเพาะแม่พิมพ์ของชาติหลายแห่งด้อยคุณภาพไปมากแล้วครับ.....

.... ขอให้กำลังใจในการความตั้งใจบ่มเพาะแม่พิมพ์ของชาติต่อไป และ คาดว่าจะได้ครูคุณภาพของชาติอีกส่วนหนึ่งออกมาสู่สังคมแน่นอน ... ในความมืดของการผลิตครู ก็ยังมีต้นไฟให้ความหวังมีอยู่ต่อไป

.... ขอให้พบแต่ความรุ่งความเจริญในกุศลจิต.... ครับผม

มิมีตำแหน่งจักมายวนใจผมให้เปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอนครับ คุณ ลุงมันอ้น ;)...

และจะยืนยันในการสอนเช่นนี้ไปตราบจนลมหายใจสุดท้าย

ขอบคุณมากครับ ;)...

ยินดีด้วยกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่คะ

การเปลี่ยนคนได้

โดยให้เขาเปลี่ยนจากภายใน

...

เป็นคนหนึ่งที่สารภาพว่า เคยนินทาอาจารย์ท่านหนึ่ง

ซึ่งไม่เขียนเอกสารคำสอนไปอ่าน แล้วสอบแบบท่านอื่นๆ

วิธีการของท่านคือ ให้ไปอ่านจับประเด็นจาก textbook ฝรั่งเล่มหนาขนาดตกใส่ศรีษะแตกได้เอาเอง

แต่เวลาผ่านมา ก็ยังนึกขอบคุณท่าน

ที่สอนปฐมบท การรู้จักฝึกทักษะ แห่งโลกความจริง

สวัสดีครับ

              ครูคือครูรู้พลังสั่งสอนศิษย์

              พลิกวิกฤตปัญญาอุทาหรณ์

              จะร้ายหรือช่วยเหลือเอื้ออาทร

               ผลสะท้อนบอกได้ปลายเวลา

              

ผมคนหนึ่งที่ใช้วิธีการเช่นนี้ และในตอนท้ายเด็กส่วนมากจะเข้าใจ

ขอบคุณมากครับ ข้อแลกเปลี่ยนของคุณหมอบางเวลา ป. กุ้งเผา ที่สนับสนุนสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของเด็ก ;)...

การศึกษาี เป็นการออกดอกของกล้วยไม้จริง ๆ เลยนะครับ

ขอบคุณคำว่า "ปลายเวลา" ครับอาจารย์ ธนา นนทพุทธ ;)...

กว่าจะเห็นผลจริง ๆ

จากประสบการณ์ นานมาแล้ว กลุ่มระยะสั้นที่จัด แล้วได้ผล เชิงการเปลี่ยนแปลงในเชิงกรอบแนวคิด แก่นักศึกษา เคยจัดสามวันสองคืน เย็นวันศุกร์เปิดกลุ่ม ยุติกลุ่มบ่ายวันอาทิตย์ เป็นกลุ่มที่ใช้เทคนิคทางจิตวิทยา เช่น การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มมาราธอน Marathon growth group นอนหลับฝันดีครับ..

๕ ๕ ๕ ชื่นชมน้องคนนี้นะคะ เปิดเผยและซื่อสัตย์ดี ส่งกำลังใจเจ้า

ถ้าเนี๊ยบและตงฉิน อย่างอ. เสือ ไม่โดนแอบนินทา ก็คงจะแปลกเกินไปแล้ว

ว่าแต่ก็ยังสงสัยในข้อเมนท์แรกของพี่นก อยู่ดีเจ้า ๕ ๕ ๕ หน้าตาดี :)

เด็กคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมาพอดี ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบครับ

เป็นเด็กที่มีปัญหาทางบ้านนิดนึง คือ คุณพ่อติดเหล้า ... แต่เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น คุณพ่อเขาเลิกเหล้าได้ในขณะที่เด็กเขาเรียนกับผมพอดี ;)...

ต้นเทอมยังมีปัญหานี้อยู่ ... ปลายเทอมทุกอย่างดีขึ้น

อืมม ... น่าจะจริงนะครับ นินทากาเล ;)...

ส่วน "หน้าตาดี" นี่ พี่นกเขาแซวเล่นครับ อิ อิ

สวัสดีค่ะ

"....ใช้เวลาถึง ๔ เดือนที่จะสร้างความตระหนักรู้ให้เด็กที่เกเรเปลี่ยนวิธีคิดที่ดีขึ้น และมีการปรับปรุงตัวด้วยตนเอง..."

แม้จะใช้เวลานานเท่าใดแต่ผลที่ได้คือเด็กดีขึ้น

ก็เป็นสุดยอดความสำเร็จนะคะ ชื่นชมค่ะ

"กระบวนการแบบนี้เหมาะสำหรับครูที่เป็นครู ครูที่ใส่ใจเด็ก ครูที่ไม่กลัวเด็กเกลียด ครูที่สอนให้เด็กเป็นคนดีมากกว่าสอนในตำรา กางหนังสือ เพราะจะหนักทุกรูปแบบ เรียกว่า นวดไปเรื่อย ๆ จนเด็กเข้าใจในสิ่งที่ครูได้สอน ถือว่า บรรลุผล ครับ

ดังนั้น เมื่อผมสอนอะไรเขาไป แปลว่า ผมต้องทำได้เช่นกัน มิฉะนั้น ผมจะไม่สอน

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน เสมอครับ"

ถูกใจมากๆ ค่ะ ขอยืมไปแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านหน่อยนะคะ

ยินดีและขอบคุณมากครับ คุณ mommam ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท