หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๒๓๓.มายาคติ กับทิ...
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
พระครูโสภณปริยัติสุธี, รศ.ดร. ถิรธมฺโม
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
๒๓๓.มายาคติ กับทิฐิของชาวพุทธ
จะอย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็คือมนุษย์ สิ่งที่ต้องการแสวงหาที่พึ่งทางใจ แม้ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่กับการกระทำ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนแล้วแสดงถึงปรัชญาในการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ยังมีความทุกข์อยู่ในใจ
"มายา"
คือสิ่งที่ไม่จริงแท้ หรือสิ่งที่ลวงตา เพื่อทำให้เหมือนจริง เช่น มายากล เป็นต้น ส่วนคำว่า
"คติ"
คือทางไป อันหมายถึงทางไปแห่งความคิดความเชื่อที่ตนเองเข้าใจว่าถูกต้องดีงาม
สรุปแล้ว คำว่า
"มายาคติ"
จึงหมายความว่าความคิด ความเชื่อในสิ่งที่ไม่จริงแท้
สิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มีทั้งดี-ปานกลาง-เลว
ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการที่แสดงออก การมีผลกระทบต่อสังคมในด้านใดบ้าง ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับความเข้มของการให้น้ำหนักของ
"มุม หรือ จุด ที่คนๆ นั้นมองออกไป"
ตามทัศนะของผู้เขียนแล้ว "มายา" บางอย่าง บางกรณี นั้นดี
เช่น กรณีวันที่ ๘ มกราคม ๕๕ ที่ผ่านมา ชาวล้านนา ได้มีการทานข้าวใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับชีวิต นอกจากนั้นแล้วยังได้มีการ จัดหาฟืนเพื่อจุดบูชาพระเจ้าตนหลวง หรือพระพุทธเจ้า
มายาคติ ก็คือ การที่ชาวบ้านเข้าใจว่า พระเจ้าตนหลวงมีความรู้สึกหนาว จึงต้องการสุมไฟเพื่อให้เกิดความอบอุ่นขึ้นในช่วงเทศกาลนี้ จึงสมมติขึ้นมาว่ามีการถวายฟืนให้กับองค์พระ
แต่ความเป็นจริง องค์พระอยู่ในพระวิหารหลวง ย่อมตอบสนองต่อมายาคติของประชาชนไม่ได้ แต่ประชาชนก็สมมติและเข้าใจเอาเองว่า ไม่เป็นไร ไปจุดที่ลานหน้าวัดก็ได้
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์มักจะดึงเอาความเชื่อ ความศรัทธา มาตอบโจทย์ในมายาคติของตนเอง หรือเรียกอีกนัยะหนึ่งก็คือการนำเอาศาสนามาสนองความต้องการเบื้องต้นของตนเอง
อันที่จริงแล้ว มายาคติเหล่านี้ เกิดขึ้น แทรกอยู่กับชาวพุทธเราอยู่ตลอดเวลา เช่น
กรณีการแห่ผ้าห่มพระเจ้าตนหลวง
ก็เพราะกลัวว่าองค์พระจะหนาว จึงมีการรื้อฟื้นประเพณีขึ้นมาใหม่
หรืออีกกรณีหนึ่ง เป็นระเบียบพิธีในระดับประเทศ ก็คือ
การเปลี่ยนเครื่องทรงให้กับพระแก้วมรกรต
ที่ทางราชวังก็จัดให้มีการเปลี่ยนเครื่องทรงในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ฤดูหนาวก็ถวายเครื่องทรงอีกอย่าง ฤดูฝนก็ถวายเครื่องทรงอีกอย่าง ฤดูร้อนก็ถวายเครื่องทรงอีกอย่าง ฯลฯ
หรือกรณี
การถวายข้าวพระพุทธรูป
ก็มีมุมมอง หรือวิธีคิดที่คล้าย ๆ กัน คือการนำเอาความรู้สึกของเรา ของคน ไปผูกเข้ากับความเชื่อ จึงสะท้อนออกมาเป็นประเพณี ดังที่กล่าวมานี้
ดังนั้น แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นมายาคติในกลุ่มชาวพุทธก็จริง
แต่สิ่งที่ทำกันมา จากรุ่นสู่รุ่นก็กลายมาเป็นวัฒนธรรมประเพณี หากมุมที่เรามองอยู่บนฐานแห่งเมตตาจิต เราก็จะได้แนวคิดอีกแนวคิดหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์แห่งความรู้และความเข้าใจในที่สุด
จะอย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็คือมนุษย์ สิ่งที่ต้องการแสวงหาที่พึ่งทางใจ แม้ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่กับการกระทำ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนแล้วแสดงถึงปรัชญาในการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ยังมีความทุกข์อยู่ในใจ
ผู้เขียน จึงมองมายาคติเหล่านี้
เป็นกุศโลบาย
ในการเชื่อมโยงชุมชน รวมคนมีศรัทธา จนเกิดเป็นความสามัคคี เกื้อกูลกันในสังคมและชุมชนนั้น ๆ หรือผู้อ่านมีทัศนะเป็นอย่างอื่น ?
เขียนใน
GotoKnow
โดย
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
ใน
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเมืองพะเยา : พุทธศาสนาเชิงรุก
คำสำคัญ (Tags):
#ข้อคิดเรื่องสั้น
#ประสบการณ์ชีวิต
#ปรัชญาชีวิต
#ปรัชญานอกห้องเรียน
#ปรัชญาไร้รูปแบบ
#ปัญญาเพื่อสังคม
#พระครูโสภณปริยัติสุธี
#มหาจุฬาฯ
#มหาศรีบรรดร
#ไชยะวุฑฒิกุล
หมายเลขบันทึก: 474256
เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2012 15:25 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 14:39 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๒๓๓.มายาคติ กับทิ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท