ก่อนเที่ยงวันนี้ ( วันอังคาร ที่ 29 สิงหาคม 2549 ) จากจากทำธุระเสร็จแวะไปที่ศูนย์อำนวยการฯ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จ.น่าน อยู่ตึก อบจ.น่าน
พบปลัดจังหวัดน่าน ( นายประเสริฐ เล็กสกุลดิลก ) รับโทรศัพท์ พูดไปบ่นไปดูสีหน้างง แล้วท่านให้เราได้พูดกับผู้โทรมาหา เท่าที่สนทนาเขาเป็นข้าราชการ ได้ฟังรายการวิทยุของหนุ่ม นันทิวัฒน์ เกิดข้อสงสัยและไม่สบายใจ
เรื่องที่ได้ฟังมีอยู่ว่า " น้ำท่วมบ้านได้ครอบครัวละ 2,000 บาท มีการจ่ายไม่เหมือนกัน บ้างครอบครัวได้ 500 / 1,000 / 1,500 และ 2,000 บาท ทำให้เกิดความสับสนและหลายคนโทรไปบอกสื่อ ต้องการคำตอบ "
เราบอกไปว่า เท่าที่มีโอกาสไปร่วมรับรู้การทำการช่วยเหลือ ของนายวินัย สิทธิมณฑล เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549 หลายหมู่บ้านในเขตอำเภอเมืองน่าน เห็นวิธีการดำเนินการโดยนายอำเภอจะพูดให้ที่ประชุมรับทราบหลักเกณฑ์ และแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ โดยชั้นแรกแจ้งจะได้ 500 บาท หากผ่านคณะกรรมการที่มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ใหญ่บ้าน กำนันในพื้นที่รับรองจะได้เพิ่มอีกตามหลักเกณฑ์
หลังพูดไปเสร็จก็ไม่มั่นใจว่า ผู้สนทนาจะเข้าใจดีหรือไม่เพียงใด หากเขาอาศัยเพียงฟังดีเจแล้วพูดต่อว่า ต้องได้ทุกราย 2,000 บาทแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีกรรมการ แต่หากกรรมการที่เป็นบุคคลน่าเชื่อถือ เห็นว่าทั้งหมู่บ้าน ตำบล หรือทั้งอำเภอเห็นสมควรว่าให้จ่าย 2,000 บาทก็ไม่มีปัญหา หากแต่กรรมการเหล่านั้นจะต้องรับผิดชอบ เมื่อภายหน้ามีการมาประเมินสุ่มตรวจจาก สตง. ปัญหาน่าจะเป็นจากการใช้เครื่องมือสื่อสารไม่เป็นกัน หากทำตามระเบียบแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร จึงได้แต่ตั้งข้อสังเกตว่าควรปรับปรุงเรื่องการสื่อสาร เพื่อให้สื่อหรือประชาชนผู้ประสบภัยมีความรู้และมีความเข้าใจ
หากเราไม่ได้ไปร่วมรับรู้เมื่อวานนี้ ก็คงเข้าใจว่าแจกเหมารวมครัวเรือนละ 2,000 บาท โดยไม่ต้องมีกรรมการอะไร แต่หากมีกรรมการแล้ว ก็ควรให้สิทธินั้นกับกรรมการฯ กรณีผู้ประสบภัยไม่พอใจจำนวนเงินการจ่าย ก็ควรจะทักท้วงขณะนั้น จะใช้ความรู้สึกแล้วพูด ๆ กันไปจะเสียหายกันไปหมด อย่างไรก็ดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้องเร่งชี้แจงให้ประชาชน และส่วนราชการที่ลงพืนที่ไปพบประชาชนให้เข้าใจหลักเกณฑ์ตรงกันด้วย การสื่อสารเพื่อความเข้าใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่ง.
สำเนามาเก็บเป็นข้อมูลไว้ที่นี่ เรื่องเงินทองช่่วงน้ำท่วมน่าน.......จาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ 14 ก.ย.2549.......ที่มีคนสำเนาไปแปะไว้ที่เว็ป นสพ.เสียงชาวน่าน เลยตามไปอ่านที่เว็ปต้นข่าว ตกลงมีข่าวนี้จริง จึงสำเนามา
ปริศนา "ข้าวสุก" ช่วยน้ำท่วม ทุกข์ซ้ำกรรมซัดของคนน่าน
อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของจังหวัดน่านที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 18 สิงหาคม และน้ำได้หลากท่วมไปแทบทุกตารางนิ้วอยู่เกือบสัปดาห์ ไม่เพียงทิ้งความเสียหายเกินกว่าจะประเมิน ทิ้งรอยด่างในชีวิตสงบเงียบของผู้คนในเมืองเล็กแห่งนี้
แต่ยังทิ้งโคลนตมเน่าเหม็นให้ต้องสะสางล้างไม่เหลือรอย และดูเหมือนว่าต้องใช้เหงื่อและน้ำตาของชาวน่านนั่นเองชะล้าง
เหตุเพราะหลังน้ำลดก็มีเรื่องแซดกันทั่วจังหวัดว่า ระหว่างเกิดอุทกภัย มีโทรสารจากหน้าห้องนักการเมืองคนหนึ่ง มาถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ระบุให้ยืนยันการขอรับบริจาคอาหารแห้งจำนวน 3 แสนชุด เป็นข้าวหุงสุกบรรจุกระป๋องพร้อมรับประทาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอาหารกระป๋องรายใหญ่ เพื่อนำมาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ทางจังหวัดน่านมีหนังสือตอบรับอย่างปรีดิ์เปรมว่า ความต้องการอาหารแห้งมีมาก จึงขอรับบริจาคข้าวหุงสุก จำนวน 5 แสนชุด และได้แจกจ่ายสินค้าดังกล่าวไปยังผู้ประสบภัยจนหมดแล้ว
ต่อมามีโทรสารจากหน้าห้องนักการเมืองคนเดิม เรียกให้ชำระค่าข้าวกระป๋องดังกล่าว วงเงิน 13.7 ล้านบาท ระบุว่าลดลงจากราคาเต็ม 17.5 ล้านบาท หรือกระป๋องละ 27 บาทจากราคาขายปลีก 32 บาท
"ทางจังหวัดคิดว่าเป็นการบริจาค แต่เมื่อมีใบเรียกเก็บเงินส่งมาจากนักการเมืองที่มีบทบาทสูงมากในขณะนี้ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ ต้องพยายามหาเงินมาชำระค่าสินค้าดังกล่าวด้วยวิธีที่หลายคนรับไม่ได้ และหลายหน่วยงานต้องเดือดร้อนด้วย เข้าใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเองก็อึดอัด แต่นี่เป็นใบสั่งของนักการเมืองใหญ่ ยากที่จะปฏิเสธ"
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องใช้ที่ได้รับบริจาคจากทั่วประเทศ ทราบดีว่าของบริจาคเหล่านี้ถูกแปลงให้เป็นทางออกของกรณีนี้ โดยมีเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน และองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน เป็นองค์กรรองรับ
ทั้งวิธีการแปลงของบริจาคเป็นของขาย และวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างมืดมนปัญญาที่ติดตามมา ล้วนทำให้คนน่านทุกข์ซ้ำทุกข์ซาก คนเห็นและรับรู้พากันสังเวช
เก้าอี้ของ "ปริญญา ปานทอง" ผู้ว่า ราชการจังหวัดน่าน ที่เพิ่งมารับตำแหน่งนี้เป็นครั้งแรก สั่นคลอนทันทีเมื่อ นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเดินทางมาตรวจพื้นที่ และแสดงอาการผิดหวังรุนแรง ที่จังหวัดไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนรวดเร็วทันการกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น เงินที่อยู่ในความดูแลของ ผู้ว่าฯ ถูกแจกจ่ายไปยังพื้นที่ล่าช้า ขณะที่ประชาชนที่ประสบภัยหลายพื้นที่ไม่ได้รับทั้งน้ำและอาหารตลอด 2 วัน ขณะที่ "จรินทร์ จักกะพาก" รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านถูกส่งไปรายงานต่อคณะรัฐมนตรี ระบุว่าจังหวัดแก้ไขปัญหาได้อย่างดี
ทั้งการระมัดระวังในการจ่ายเงินช่วยเหลือ จะด้วยเพราะหวั่นเกรงการรั่วไหล เนื่องจากมีข้าราชการระดับสูงบางคน มีชื่อเสียงในเรื่องนี้ หรือจะเพราะเหตุใดก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน จำต้องรับข้อตำหนิเต็มที่ในเรื่องนี้
ส่วนข้าราชการระดับสูงบางคน ที่ปลาบปลื้มแสดงความยินดีกับผู้รับเหมา หลังรัฐบาลอนุมัติงบประมาณให้ 996 ล้านบาท เพื่อนำมาก่อสร้างซ่อมแซมฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่เสียหาย ยินดีกระทั่งร่วมวางแผนจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ด้วยกัน
แต่ที่น่ารังเกียจสุดกลับเป็นใครบางคน ที่ฉวยโอกาสหากิน สั่งให้คนน่านต้องกิน ข้าวสุก ส่วนใครบางคนในกรุงเทพฯ ที่ยัดเยียดสั่งการให้เกิดเรื่องน่าละอายนี้ขึ้นยังลอยนวลอยู่
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3827 (3027)
♣ ดูหลักการ ฟังมาเหมือนกันมีการพูดกันว่า เป็นการบริจาค จึงอยากเห็นความกล้า ว่าไม่ไปจ่ายให้มันรู้กันซิว่า อะหยั่งเป็นหยั่ง โดยทำคำขอบคุณไป เพื่อหักล้างบิล จะได้จบ คงส่งบิลมาจะได้เอาไปหักภาษี แล้วไม่ต้องไปอึดอัด ขอให้ทำตามความจริงอย่าไปหวั่นไหว เงินไม่ใช่น้อย ๆ บริจาคก็บริจาคซิ ไม่งั้นพวกที่นั่งฟังอยู่ที่ประชุมวันนั้น จะหัวเราะเอานะครับ
สำเนาข่าวบางตอน " ...ทางจังหวัดน่านมีหนังสือตอบรับอย่างปรีดิ์เปรมว่า ความต้องการอาหารแห้งมีมาก จึงขอรับบริจาคข้าวหุงสุก จำนวน 5 แสนชุด และได้แจกจ่ายสินค้าดังกล่าวไปยังผู้ประสบภัยจนหมดแล้ว..."