การเดินทางครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ร่วมเดินทางทำงานร่วมกับทีมสุขภาพจิตจังหวัดยโสธร ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้ทำความรู้จักและทำงานเยียวยาความทุกข์กับผู้คน เดินทางทำงานครั้งนี้มีทั้งหมด ๑๐ คน ซึ่งเป็น ๑๐ คนที่ต่างมีจิตใจเป็นผู้อาสาทำเพื่อผู้อื่นอย่างน่าชื่นชม
พี่บล ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน...พี่เจ็ค มือหนึ่งของงานสุขภาพจิต รพ.ป่าติ้ว พี่หน่อย(นัยนา) จาก รพ.คำเขื่อนแก้ว พี่หญิง-ผู้เป็นหญิงแกร่งจาก รพ.กุดชุม แม้ป่วยด้วยโรคลูคิวเมียแต่ก็มีจิตอาสาที่จะมาร่วมเดินทางเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากนี้ก็มีพี่สุ ผู้อาสาสมัครคนแรกก่อนใครเพื่อนเลย ... พี่อ๋อยจาก รพ.ทรายมูล พี่จ๋อ...จาก รพ.สต.คำแดง พี่ตุ๊ก ผู้มีอารมณ์ดีและเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังเสมอ น้องอาทิตย์ ที่ใครๆ มักจะเรียกว่าเดอะซัน ที่ทำหน้าทั้งขับรถและหากจำเป็นจริงๆ ก็สามารถที่จะพายเรือได้ด้วย น้องซันช่วยเหลืองานพี่ๆ ได้มากมายหลายอย่างทั้งเป็นช่างภาพด้วย
และรวมข้าพเจ้าด้วยอีกหนึ่งก็เป็นสิบคน
เราออกเดินทางเช้าวันอาทิตย์ เป็นการเดินทางที่ยาวนานเพราะทางปกตินั้นไปไม่ได้ ต้องอ้อมไปทางฉะเชิงเทราก่อนแล้วค่อยวกเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง
การทำงานร่วมกันจากหลายๆ ที่ท่ามกลางความไม่ชัดเจนแน่นอน ซึ่งอาจต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่างๆ นั้น ความเป็นผู้นำเป็นสิ่งสำคัญ และผู้ตามเองก็ต่างทำหน้าที่ตามบทบาทก็จะไม่เกิดการปีนเกลียวกัน
ทีมที่เราร่วมเดินทางต่างก็ทำหน้าที่ ตามบทบาทของตนเองได้ทำให้ความขัดแย้งในทีมนั้นแทบจะไม่มี
ในแต่ละวันจะมีการพูดคุยกัน (BAR) และตอนเย็นหลังจากการทำงานก็มีการถอดบทเรียนในการทำงานด้วยเช่นกัน(AAR)
สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจคือ การหาเรื่องขำขันสนุกสนานมาพูดคุยกันก่อนทำงาน มีวันหนึ่งที่รู้สึกเหนื่อยมาก ... ขณะที่นั่งรถกลับเข้าที่พักบรรยากาศดูเหมือนจะเงียบๆ แต่เมื่อพี่บลเริ่มเล่าเรื่องการเลี้ยงหอยเชอรี่ จากนั้นแหละบทสนทนาในรถก้เริ่มออกรสชาติ คุยกันไปเรื่อย จนไปถึงเรื่องการอพยพไปอยู่ดาวอังคาร ทำให้เป็นที่มาของเสียงหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อได้หัวเราะอย่างเต็มที่...ก็ทำให้เอ็นโดรฟินหลั่งพอหลั่งแล้วก็ทำให้ความเหนื่อยเราหายไปสดชื่นขึ้น (ข้าพเจ้ามักเรียกว่า คือ การเยียวยาตนเองให้ห่างจากการ Infection)
ทีมที่ร่วมเดินทางครั้งนี้
การทำงานท่ามกลางผู้ประสบภัย...
ถือว่าเป็นงานที่หนัก และต้องการการเสียสละอย่างมาก
การเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจของผู้เยียวยาถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะต้องรู้วิธีการนำความเหมื่อยล้าออกจากใจให้เป็นและให้ได้
“ทัศนะคติ" ...หากว่าผู้เยียวยามีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มาทำงานนี้ด้วยใจที่ศรัทธาในงานที่ตนเองทำจะทำให้เป็นเหมือนพลังที่หนุนนำให้เราพร้อมเผชิญเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างเข้มแข็ง เพราะการทำงานท่ามกลางภัยพิบัตินั้นมักจะมีปัญหาและอุปสรรคอย่างมาก หากเรามีกำลังใจที่เข้มแข็งและมีทีมงานที่ดี ก็จะทำให้การทำงานเหล่านี้มีความสุขได้
ใจเบิกบาน
ใจอาสา
ใจ...ที่สามารถนำพิษออกมาได้
ถือเป็นต้นทุนสำคัญในการทำงานเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ในครั้งนี้
และหากว่าวันใด...
“ใจชำรุด" ก็ให้รีบแก้ไขใจที่ชำรุดนั้น
หาจุดชำรุดให้เจอ...ค้นหาสาเหตุว่าเพราะเหตุใดใจที่ว่านั้นจึงชำรุด
และเมื่อได้ทราบสาเหตุแล้ว ก็ลงมือแก้ไขให้ตรงกับเหตุนั้น
ยิ่งหากว่าทำงานกันหลายคน ความเป็นทีมหนึ่งเดียวนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ...เพราะ “กลุ่มต่างพยุงกันและกัน"
เห็นภาพถ่ายและกางเกงของทีมงานแล้ว ได้ยิ้ม
ขอบพระคุณหัวใจที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งการเยียวยาและแบ่งปันค่ะ