บุญรอด ได้ชื่อนี้ เพราะมีบุญที่รอดชีวิตระหว่างที่ฉันบวชอยู่
มันเป็นลูกหมาตัวเล็ก ๆ ที่มีคนเอ ามาปล่อยที่วัด อายุประมาณสองสัปดาห์ ตอนนั้น ฉันบวชพระอยู่ที่ต่างจังหวัด คืนหนึ่งเสียงหมาใหญ่คำรามดังไปทั่ว ท่ามกลางฝนตกพรำ ๆ ในบริเวณกุฏิเก่าและร้างที่มีพระอาศัยประมาณ สามสี่รูป
พระวิบูลย์ซึ่งเป็นคนเขมร มาจากเขมร มาเคาะกุฏิที่ฉันจำวัดอยู่เพื่อชวนไปดูเหตุการณ์ เราทั้งสองเดินไปใกล้ ๆ แหล่งเกิดเสียง จึงเห็นต้นเหตุของเสียงที่เกิดขึ้น คืนนั้นเป็นคืนแรม ท้องฟ้าในบ้านนอกมืดมาก แต่เรายังแลเห็นลูกหมาพันธุ์พื้นเมืองไทย ตัวเล็ก ๆ สองตัว
เมื่อตรวจสอบร่างกายและอาการ พบว่าตัวหนึ่งถูกหมาใหญ่กัดอาการเจ็บสาหัสน อนแซ่ว พระวิบูลย์บอกกับฉันว่า "หลวงพี่ เก็บทั้งคู่ไปดูแลรักษาเถอะ" ฉันเห็นด้วยจึงอุ้มเจ้าตัวที่เล็กกว่าซึ่งเป็นตัวผู้ขึ้นมา มีเลือดอาบไปทั่วตัว ขนของมันมีสีขาวออกนวล ฉันพามาที่กุฎิ ค้นเอายาทาแผลสดสีน้ำตาลทาแผลให้ ที่ท้องของมันมีแผลทะลุที่ถูกกัดด้วยเขี้ยวของหมาใหญ่จอมเกเร
เจ้าตัวเล็กสีขาวนวล นอนซมด้วยอาการที่ดูออกว่าเจ็บปวดสุดทรมาน ส่วนอีกตัวหนึ่งซึ่งตัวใหญ่กว่า มักเดินวนเวียนดูพี่น้องร่วมท้อ งอยู่เสมอ
ฉันเฝ้าทายาและป้อนยาแก้อักเสบแผลให้เจ้าตัวเล็ก จนล่วงเข้าวันที่สี่ เจ้าตัวเล็กมมีอาการดีขึ้น จึงตั้งชื่อมันว่าเจ้าบุญรอด ส่วนเจ้าตัวใหญ่พี่ของมันหายไปในวันที่สามเห็นจะได้
คงมีคนเห็นตัวใหญ่สุขภาพดีกว่าจึงโขมยไปเลี้ยง ฉันได้แต่ภาวนาให้มันพบคนเลี้ยงที่ใจบุญ ดีต่อมัน
เจ้าบุญรอดนั้น ฉันเลี้ยงไว้ที่ชานกุฏิ ให้นมมันทุกวัน เวลาฉันไปบิณฑบาทหรือไปงานบุญที่ไหน เวลาฉันกลับมาที่กุฏิ มันจะวิ่ง หางเล็ก ๆ ของมันกระดิกไปมา มันวิ่งมาหาฉันทุกครั้งด้วยความดีใจ ฉันบวชอยู่ที่วัดนี้ประมาณหนึ่งเดือน ถึงเวลาต้องกลับมาทำงานตามปกติ ตอนแรกคิดจะฝากเจ้าบุญรอดให้หลานเลี้ยงที่ต่างจังหวัดนั้น แต่ก็อดคิดถึงและสงสารมันไม่ได้ มันกินข้าวก้นบาตรฉันมาตลอดหนึ่งเดือนจนร่างกายแข็งแรง
ฉันยังจำภาพตอนให้มันกินยาถ่ายพยาธิ หลังยาออกฤทธิ์ มันจะถ่ายอุจจาระออกมา เป็นกอง ๆ ที่มีตัวพยาธิออกมาด้วย นึกขำก็ขำ แขยงก็แขยง แต่มันดูแข็งแรง วิ่งเล่นอยู่ในเขตกุฎิของฉันอย่างมีความสุข เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตฉันด้วย ที่มีความสุขแบบง่าย ๆ กับธรรมชาติ และกับการเฝ้าดูแลมัน เจ้าบุญรอด
ขวบปีแรกของบุญรอด ฉันอาศัยบ้านอยู่ในโรงพยาบาล บุญรอดมักจะร้องไห้โหยหวนเวลาฝนตก หรืออยู่ตัวคนเดียว ด้วยความเกรงใจชาวบ้าน ฉันจึงฝากลูกจ้างที่ร้านกาแฟ พามันใส่ตะกร้าอันเขื่อง ๆ พาไปที่ร้านกาแฟ มันมักจะชอบเล่นกับทุกๆคนที่ร้าน เด็ก ๆ มักจะกลัวมัน เวลาที่มันมาแหย่เล่นกับทุก ๆ คน แต่สุดท้ายทุกคนก็หายกลัว มันเป็นหมาอารมณ์ดี ขี้เล่น และไม่ดุ คนที่คุ้นเคยกับมันจึงอดใจไม่รักมันไม่ได้
จนฉันสร้างบ้านใหม่เสร็จ บุญรอดถูกนำมาปล่อยในบ้านที่มีบริเวณกว้างขึ้นกว่าเดิม มันวิ่งไปทั่วทุกแห่งในบ้านใหม่ ประกาศความเป็นเจ้าของด้วย อุจจาระ และปัสสาวะของมัน ไปแทบทุกตารางนิ้ว ทำให้ฉัน และแม่บ้านเอือมระอากับมัน แต่ก็รักมัน
ลูกชายฉันซึ่งปกติกลัวหมา ตอนแรกยังคงสงวนท่าทีกับบุญรอด แต่ตอนหลังก็ชอบขำในท่าทีที่ดูเป็นมิตร และขี้เล่นของมัน จวบจนลูกชายฉันไปเรียนโรงเรียนประจำ เมื่อกลับมาบ้านถ้าไม่เห็นบุญรอด ก็ต้องถามหา ลูกชายฉันมักจะบอกกับฉันว่า เจ้าของบ้านเป็นอย่างไร หมาก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ภรรยาของฉันมีภารกิจต้องไปเรียนเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่น เธอเป็นโรคทั้งโฮมซิคและหมาซิค วันหนึ่งเธอแช็ตกับบุญรอดผ่าน สไคป์ และถ่ายรูปบุญรอดไว้หลายรูปทางสไคป์
มีวันหนึ่งฉันไปซื้อหนังสือพิมพ์ พบหมาตัวหนึ่งสีขาวนวลรูปร่างเล็ก ๆ ดูผิวเผินเหมือนบุญรอดมากๆ แต่เป็นตัวเมีย เจ้าของร้านบอกว่า "ไม่ทราบหมาหลงมาจากไหน" ฉันจึงเอ่ยปากขอมาอยู่ที่บ้านของฉัน ลูกจ้างฉันดีใจมาก ทั้งสามีและภรรยา รับดูแลทั้งให้อาหารมัน และอาบน้ำให้มันทั้งสองตัวตลอด รวมทั้งตั้งชื่อใหม่ให้มันว่า บุญร่วม โดยคาดหวังให้มันเป็นคู่ใจกัน
ฉันเพิ่งจะมาประจักษ์กับคำว่า "กัดกันยังกับหมา" เอาก็เมื่อมีสมาชิกหมาเพิ่มมานี่เอง เจ้าบุญทั้งสองกัดกันไม่เว้นแต่ละวัน ผ่านไปเกือบปีที่อยู่ร่วมบ้าน บุญร่วมกับบุญรอดจึงปรับตัวอยู่ด้วยกันได้
บุญรอดเริ่มป่วย เริ่มจากภูมิแพ้ ขนร่วง คัน เกาตัวเองจนหนังตัวถลอก
บุญรอดเอ๋ย หลาย ๆ ปีที่ผ่านมานี้ เจ้ามักจะสร้างความรำคาญ ให้คนในบ้านเล็ก ๆน้อย ๆ ด้วย การหนีเที่ยวประสาหมาผู้ชาย มันมักจะดอดออกไปบอกบ้าน เวลาเราเผลอเปิดประตูบ้าน มันมักจะเตร็ดเตร่ ไปทั่วบริเวณ ในท้องทุ่งหลังบ้าน ไปไกลถึงหลังบ้านของห้างใหญ่ที่มาสร้างทับที่ดินผืนกว้าง ๆ สุดโปรดของมัน ในระยะเดือนสองเดือนที่ผ่านมา บุญรอดมีอาการหงอย ๆ ฉันไม่ได้สังเกตมันมากนัก เนื่องด้วยงานที่ค่อนข้างมากมาย ยุ่งเหยิงหลายเรื่อง และต้องเดินทางไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่เสมอ ๆ เวลาฉันไปไหนไกล ๆ หลาย ๆ วัน เมื่อกลับมาบ้านบุญรอดมักจะแสดงอาการดีใจ โดยแกว่งหางของมันไปมา และมันมักนอนกอดรองเท้าฉันและของภรรยาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เหมือนประท้วงว่าไม่ให้ไปไหนต่อไหน ๆ ไกล ๆ อีก
ฉันสังเกตว่ามันดูผอมลงมาก สุดท้ายมันอาเจียนออกมา โดยไม่ทานอาหารเลยสองวัน ฉันจึงอุ้มมันใส่รถไปหาโรงพยาลสัตว์ที่ทุกคนคุ้นเคยกับมันดี หมอขอตรวจเลือด และบอกฉันว่าบุญรอดเป็นโรคไต ฉันฝากความดูแลให้หมอ และหวังว่าจะกลับมารับมันกลับบ้านในวันพุธตามที่หมอบอกไว้
เมื่อวานตอนเย็น ฉันมีความกังวลใจจึงโทรไปที่โรงพยาบาล หมอบอกฉันด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่าบุญรอดจากไปแล้ว
เมื่อวันแรกที่ไปอยู่โรงพยาบาล ลูกชายฉันถามถึงบุญรอดจนฉันนอนแทบไม่หลับ
บุญร่วมเองเล่า เฝ้าวิ่งไปทั่ว ๆ บริเวณบ้าน และเห่าเพื่อหาบุญรอด
อนิจจัง วัฎฎะ สังขารา
ทุกสิ่งไม่มีนิรันดร์เหมือนพระท่านว่า
ฉันไปรับศพบุญรอดด้วยอาการใจสลาย
มันเป็นเหมือนเพื่อนของพวกเรา
เรื่องการรอดตายของมันเมื่อแรกเกิด
เรื่องมันวิ่งซนตามภรรยาของฉัน จนหลงทางหายไปจากบ้านเกือบหนึ่งวันเต็ม
เรื่องความไม่สบายของมัน
เรื่องความซื่อสัตย์
จนเรื่อง การจาก
บุญรอดได้สอนให้เราตระหนักไว้ว่า
จงมีความรักให้กันและกัน ทำดีต่อกัน
ทุกสิ่งไม่มีนิรันดร์
สิ่งเหลือไว้คือความคิดคำนึงและความระลึกถึง
หลับให้สบายใต้ต้นขนุน ภรรยาฉันปลูกต้นขนุนไว้ ณ ตำแหน่งที่เราฝังเจ้าไว้ในบ้านของเรา
27.11.2554
คราวนี้บุญรอดไม่รอดเสียแล้ว
ไปสู่สุคตินะครับ
ชีวิตหนึ่งที่ได้รับความเมตตา
อ่านเรื่องแบบนี้แล้ว รู้สึกปิติดีจังคะ :-)
อ.ขจิตคะ กำลังผจญความหนาวที่ลอนดอนค่ะ คุยกันที่ไรอยู่คนละประเทศทุกที อิอิ