การรักษาในทุกวันนี้ คือ..ความพยายามที่จะเข้าไปแก้ไขด้วยการที่เรามุ่งเน้นไปที่การจัดการอันเป็นกระบวนการที่เป็นเลิศมากเกินเลยมองข้ามความอ่อนโยนทางหัวใจ
ในผู้ป่วยโรคร้ายอันรุนแรงที่กำลังเผชิญหน้ากับความเป็นและความตาย ดั่งเช่น โรคมะเร็ง
เราต่าง...มุ่งจัดการที่ไปในทิศทางของความเอาชนะโรคและความเจ็บป่วย มากเกินไปกว่าที่จะน้อมใจลงให้อ่อนโยนและเยียวยาด้วยความเข้าใจในธรรมชาติแห่งความเจ็บป่วยนั้น
พลังแห่งกรุณาคือ การเยียวยาสูงสุด (Ultimate Healing ; The Power of Compassion) คือ คำพูดที่ท่านลามะโชปะ ริมโปเช กล่าวไว้
“อาการทางร่างกายย่อมต้องมีสาเหตุทางกายภาพ ทว่าสาเหตุทางกายภาพเกิดขึ้นเพราะสาเหตุภายใน หรือร่องรอยที่ตกค้างอยู่ในใจจากความคิดและการกระทำที่เป็นอกุศล จะเข้าใจโรคอย่างแท้จริงได้ เราต้องเข้าใจสาเหตุภายในนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่แท้จริงของโรคและยังสร้างเงื่อนไขทางกายภาพของโรคด้วย ตราบใดที่เราละเลยสาเหตุภายในของโรค เราจะไม่มีวิธีการรักษาโรคอย่างแท้จริง เราต้องศึกษาพัฒนาการของโรค และตระหนักว่าสาเหตุของโรคอยู่ในจิตใจ เมื่อใดที่เราตระหนักถึงความจริงนี้ เราจะเข้าใจได้โดยอัตโนมัติว่า การเยียวยาโรคจะต้องมาจากจิตใจด้วยเช่นกัน”
งานเยียวยาเป็นงานศิลปะที่ผสานไปในความเป็นวิทยาศาสตร์ต่อความเข้าใจในภาวการณ์เจ็บป่วย ว่าในหนึ่งบุคคลที่ป่วยนั้นไม่ได้ป่วยเพียงแค่ร่างกายหรือสรีระเรือนร่างนั้น หากแต่ป่วยเข้าไปในระดับลึกทางจิตใจล่วงไปจนถึงระดับจิตวิญญาณ หากเราสามารถเยียวยาผู้ป่วยให้ได้รับความลึกซึ้งไปจนถึงจิตวิญญาณจะเกิดพลังงานแห่งความสุขแผ่ซ่านมาสู่เซลล์เล็กๆ แห่งร่างกายและอวัยวะต่างๆ
การเยียวยาต้องอาศัยความอ่อนโยนทางจิตใจและความเข้าใจของผู้ให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขผนวกกับความชาญฉลาดอันเป็นองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อนำไปสู่การเยียวยาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยไปสู่จุดสมดุลของโรคและการเจ็บป่วยนั้นได้ มากกว่าความพยายามเข้าไปจัดการและแก้ไขต่อโรคและความเจ็บป่วย
ดังนั้นการเยียวยาด้วยหัวใจและปัญญา คือ ความงดงามของคนหนึ่งคน ทีมหนึ่งทีม องค์กรหนึ่งองค์กร ...ที่มีหน้าที่เกื้อกูลกรุณาผู้คนที่กำลังเผชิญหน้าความเจ็บป่วยด้วยความรักและความรู้ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมนั่นเอง
...
๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔
Note; เตรียมในงานประชุมวิชาการนานาชาติประจำปีของสถาบันมะเร็ง...๑๔-๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เมื่อได้อ่านบันทึก พี่ kapoom ก็ช่วยเยียวยาตัวเองได้คะ
..เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง ผู้ป่วยมะเร็ง แต่ละคนก็พยายามอยู่กับโรค อย่างเต็มที่ เพียง resource แต่ละคนไม่เท่ากัน
เข้าใจในสิ่งที่เข้าเป็น อาจช่วยได้มากกว่าเข้าไปจัดการและแก้ไขสิ่งที่เขาเป็น
ขอบคุณคะ
เห็นมิติชัดเจนเลยครับ