พาเหรดนาซีในงานกีฬาสี ความคิดสร้างสรรค์ ไร้เดียงสา หรือปัญหาคุณภาพการศึกษาไทย ?


ไม่ว่าการกระทำใดๆของคนกลุ่มไหนในลักษณะกระทำย่ำยีต่อมวลมนุษยชาติควรถูกประนามและสัญลักษณ์ใดๆที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนเหล่านั้นก็ไม่ควรได้รับการยอมรับเช่นเดียวกัน



วันอังคารที่ผ่านมาผมไปเห็นข่าวเล็กๆที่ดูเหมือนจะไม่น่าเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเท่าใดนักในเว็บประชาไท มีหัวข้อข่าวว่า "กงสุลหลายชาติท้วง เด็กไทยแต่ง “นาซี” ในวันกีฬาสีโรงเรียน" เป็นข่าวเกี่ยวกับนักเรียนของโรงเรียนดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่แต่งกายเลียนแบบ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำจอมเด็จการนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองและขบวนพาเหรดแถวทหารหน่วยเอส.เอส.แห่งกองทัพนาซีโบกธงที่มีเครื่องหมายสวัสดิกะ (Swastika) ไปตามท้องถนนเพื่อร่วมการแสดงในงานกีฬาสีของโรงเรียน โดยในข่าวกล่าวถึงความไม่เหมาะสมและกระแสวิจารณ์ที่มีต่อการกระทำของนักเรียนกลุ่มนี้และคณะครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนดังที่ว่านี้เป็นโรงเรียนคาทอลิกที่มีครูและผู้ปกครองชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาจนมีผู้นำไปโพสลงลงในเว็บไซต์เดลี่เมล์ของอังกฤษ ส่งผลให้ผู้อ่านที่เป็นชาวต่างชาติในประเทศต่างๆรวมถึงคนไทย แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าว มีการวิพากษ์วิจารณ์พร้อมทั้งได้กล่าวโทษความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยว่าเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหา หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงเว็บไซต์ดังของไทยรวมถึงสำนักข่าวหลายสำนักก็ได้ให้ความสนใจนำมาโพสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นจนหัวข้อเรื่องที่เป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดและแพร่หลายที่สุดพอๆกับข่าวการเมืองดังๆเลยทีเดียว

จากการที่สนใจประวัติศาสตร์และเคยทำงานร่วมกับฝรั่งมาบ้างทำให้รู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาติที่เคยได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพลพรรคนาซีที่มีต่อคนยิวและชาวรัสเซียในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ประชาชน ญาติพี่น้องของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ยังคงเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเกินกว่าจะเยียวยาได้ การนำเอาสัญลักษณ์ของผู้ซึ่งทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ครั้งร้ายแรงที่สุดของโลกมาแสดงในลักษณะชื่นชมด้วยความภาคภูมิใจจึงมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ที่รับรู้เรื่องราวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผมคิดว่าไม่เฉพาะการกระทำของนาซีต่อชาวยิวและผู้บริสุทธิ์ในยุโรปเท่านั้น ไม่ว่าการกระทำใดๆของคนกลุ่มไหนในลักษณะกระทำย่ำยีต่อมวลมนุษยชาติควรถูกประนามและสัญลักษณ์ใดๆที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนเหล่านั้นก็ไม่ควรได้รับการยอมรับเช่นเดียวกัน

ที่จริงแล้วเครื่องหมายสวัสดิกะ (Swastika) เป็นสัญลักษณ์ที่มีต้นกำเนิดในเอเซียของเรานี่เอง เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาฮินดูเป็นส่วนหนึ่งในเทพปกรณัมมีความหมายถึงความดีงาม ความอุดมสมบูรณ์ http://www.siamganesh.com/sawastika.html แต่หลังจากที่พรรคนาซีนำเอาสัญลักษณ์นี้มาดัดแปลงใช้เป็นสัญลักษณ์ของพรรคและเกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองจนจบลงด้วยความวิบัติสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มองสัญลักษณ์นี้ไปในทางชั่วร้ายเสียหมด ในประเทศเยอรมันนีแม้ว่าการแสดงสัญลักษณ์ของนาซีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่การแสดงเครื่องหมายสวัดิกะจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นความนิยมในลัทธินาซีเท่านั้น (It has notably been outlawed in Germany if used as a symbol of Nazism. http://en.wikipedia.org/wiki/Swastika) การที่มีสำนักข่าวบางแห่งบอกว่าเรื่องที่นักเรียนแต่งชุดนาซีเป็นเพราะไม่มีความรู้เรื่องเครื่องหมายสวัสดิกะจึงเป็นเรื่องที่น่าจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

การนำเอาสัญลักษณ์นาซีมาใช้ในการแสดงต่างๆโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในบ้านเรามักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน ในปี 2550 นักเรียนจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านฝั่งธนกว่า 200 คน ได้แต่งกายชุดทหารนาซีในงานกีฬาสี พร้อมทั้งเปล่งเสียงคารวะผู้นำฮิตเลอร์เลียนแบบกองทัพนาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้อำนวยการของโรงเรียนในเวลานั้น "ต้องทำการขอโทษอย่างเป็นทางการไปยังศูนย์ไซมอน วีเซนธฮาล ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์รำลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์  ในนครลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยอับราฮัม คูเปอร์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดังกล่าวตอบรับจดหมาย พร้อมชี้แจงว่า พวกเราผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมานานมากพอที่จะให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะคนเอเชีย ส่วนใหญ่ละเลยต่อความโหดร้ายของนาซี เนื่องจากไม่เคยเผชิญหน้ากับความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2" http://news.voicetv.co.th/global/19275.html

เมื่อมีคนตั้งคำถามว่าเหตุใดปัญหานี้จึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมได้เข้าไปดูในเว็บไซต์ dailymail.co.uk ซึ่งเป็นเว็บไซต์แรกที่นำเรื่องนี้ออกเผยแพร่ สิ่งที่ได้เห็นก็คือมีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านทางการแสดงความคิดเห็นจากผู้คนทั่วโลกเป็นจำนวนมาก แม้ผมเองจะอ่อนแอด้านภาษาอังกฤษ แต่ก็พอจะสรุปเป็นข้อใหญ่ใจความได้ว่า ฝรั่งเองไม่ได้มุ่งหวังในการลงโทษหรือตำหนิติเตียนบรรดาเด็กนักเรียนเหล่านั้นมากสักเท่าใดนัก(มีบ้างแต่ที่เห็นใจเด็กก็เยอะเข้าใจว่าฝรั่งเขามองเรื่องระบบมากกว่า)แต่เกือบทุกความเห็นมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยมิได้นัดหมายลงความเห็นว่าแก่นแกนของปัญหาเกิดจริงๆนั้นเกิดจาก "ระบบการศึกษาของไทย หลักสูตร และคุณภาพของครู"

ด้วยความที่เราเป็นคนไทยครั้งแรกที่เข้ามาอ่าน(แบบกระท่อนกระแท่น) บอกตรงๆครับว่าหลายครั้งที่อารมณ์ร้อนรุ่มอยากจะเต้นเร่าๆเวลาที่เจอคำว่า "Thai education maybe lacking" บ้าง "the ignorance of history" บ้าง(คำก็โง่ คำก็ด้อยการศึกษา) นั่นไม่เท่าไหร่ครับพอรู้ๆกันอยู่ไปเถียงเขาก็หน้าแตกเปล่าๆ แต่มีคอมเม้นท์หนึ่งที่ว่า "Isn't it time for westerner to educate themselves about "free speech"" นี่ซิครับวีนแทบแตก อยากจะพายเรือข้ามทะเลเอาไม้ไปตีปากคนพูดจริงๆพับเผื่อย แต่พอมาดูชื่อคนโพสปรากฎว่าชื่อ pui จากประเทศไทยนี่เองก็ไม่รู้ว่าคุณเธอประชดหรือตั้งใจกันแน่..เวรกรรม !

ยังมีอีกมากมายครับที่พวกเขาอัดระบบการศึกษาไทยประจานไปทั่วโลกจนแทบหมดรูป จะขอเอามาสักสองสามตัวอย่างนะครับ

Natalie จากแคนาดา(เธอเขียนเหมือนกับว่าเธอเป็นคนไทย) ดูเธอค่อนข้างเห็นใจเด็กนักเรียนว่าไม่น่าจะมีเจตนาร้ายอะไร แล้วก็บอกว่าการศึกษาของไทยดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ แต่ก็ตบท้าย(หรือตบหน้า)ไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบการศึกษาของไทยว่า "I must also thank all of you for raising this issue up since it will show those brainless Educational Board officers that the system and curriculum need improving"

Graham, London อีตาคนนี้บอกว่าเขาจ้างสาวไทยนางหนึ่งซึ่งจบจากมหาวิทยาลัยไทย(ไม่บอกชื่อ)เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง(1st Class Honors Degree)ด้านภาษาฝรั่งเศสแต่ว่า พูด - อ่าน - เขียนภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เรื่องเลย แถมยังบอกว่าเป็นเพราะนโยบาย "NO FAIL" ของมหาวิทยาลัยไทยประมาณว่าจ่ายครบจบแน่อะไรแบบนั้น (ปากร้ายน่าดูตาคนนี้)

Felix Deville, Bangkok บอกว่าอยู่กรุงเทพฯ มาสิบปีแล้ว ความไม่รู้(แกใช้คำว่าignorance)เรื่องประวัติศาสตร์ ทำให้แม้แต่ตัวเองยังจินตนาการอะไรไม่ได้ มันเป็นเรื่องซีเรียสที่จะจ้างคนไทยให้ทำงานในตำแหน่งสูงๆเพราะมีมุมมองระดับโลกที่แสนจะคับแคบอะไรทำนองนั้น

f.O'brien., ex london, ตาคนนี้บอกว่าเคยเป็นครูสอนในประเทศไทยมีปัญหากับเด็กที่ไม่ยอมเข้าเรียน(เด็กเกว่างั้นเถอะ)เพราะแกจะไม่ให้คะแนนเด็กคนนี้ แต่ก็ถูกหัวหน้า(น่าจะเป็นครูใหญ่)เรียกไปบอกต้องให้คะแนนเขาอย่างน้อยระดับ B แกไม่ยอมทำตามและออกจากโรงเรียนไป ตอนหลังมารู้ว่าเด็กคนนั้นได้ B+

Tanyawat, Bangkok, Thailand, ถาม @Graham ว่าเด็กเกียรตินิยมฝรั่งเศสที่ว่าน่ะจบมาจากมอไหนเอาหลักฐานมาดูซิอย่ามาทำเนียนหลอกด่ากันฟรีๆมันไม่ดี ขนาดเพื่อนแกแค่ระดับไฮสคูลทางภาษาฝรั่งเศสนี่พูดได้ปร๋อ แล้วไอ้เรื่องจ่ายครบจบแน่ นโยบาย "NO FAIL" ก็ไม่จริงเธอรู้หรือเปล่าว่าเด็กปีหนึ่งมหาวิทยาลัยไทย 35% นี่ถูกรีไทร์เพราะเกรดไม่ถึง 2.0 ทุกปีนะ(ตกลงมันดีหรือเปล่าเนี่ยะ โต้ไปตามระเบียบของทางราชการเลยนะครับแทนที่จะเอาข้อมูลไปแก้ไข กลับใช้วิธีแก้ตัว..ไหนดูหลักฐาน ดูใบเสร็จดิ๊..)

ว่ากันไปนะครับอยากรู้ว่าฝรั่งเขามองเราเรื่องนี้ว่าไงลองเข้าไปดูที่ http://www.dailymail.co.uk/news/article-2042097/Student-Nazi-dress-day-causes-outrage-Thailand.html

มาดูเว็บคนไทยด้วยกันบ้าง ต่อความเห็นเรื่องนี้ เว็บดังๆเกือบทั้งหมด(ยกเว้นฟอรั่มสื่อเสี้ยมบางแห่ง) ให้ความสนใจกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเว็บการเมืองค่อนไปทางวิชาการอย่างประชาไท เว็บเก่าแก่อย่างพันทิป สนุก เด็กดี ฯลฯ ในแต่ละแห่งมีการโพสข้อความความคิดเห็นนับร้อยหรือหลายร้อยครั้ง แสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทย(ตีความเอาเองว่าคนที่ใช้บริการเป็นสมาชิกแต่ละเว็บไซต์ส่วนใหญ่มีอายุระดับนี้ครับ)ให้ความสนใจในเรื่องต่างๆไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีการที่ผู้ใหญ่ในระบบการศึกษาไทย นักวิชาการต่างๆที่ทำวิจัยบอกว่าคนไทยอ่านหนังสือวันละไม่กี่บรรทัด ไม่ขวนขวายหาความรู้ ควรจะได้ออกมาเปิดโลกมองอะไรใหม่ๆจากสังคมให้มากกว่าในโลกของกรุ๊ปส่วนตัวหรือห้องสัมมนาอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้แล้วนะครับ



เว็บที่ผมดูแล้วอยากแนะนำให้เข้าไปดูมากเป็นพิเศษชาว G2K อาจจะไม่คุ้นเท่าไร เพราะเป็นเว็บที่ค่อนแรง ออกไปทางดิบตามสไตล์วัยรุ่นกลุ่มฮาร์ดคอร์ ก็คือ drama-addict.com คอนเซ็ปของที่นี่คือพูดอะไรให้ตรงไปตรงมา อย่าพูดอย่างคิดอย่างหรือที่เรียกว่าทำตัวแบบซึนเดเระ(ลองไปค้นคำแปลดูนะครับเป็นชื่อตัวการ์ตูนญี่ปุ่นตัวหนึ่ง) คนที่เข้ามาที่นี่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคอเกม เป็นเว็บที่มีสมาชิกเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก เฉพาะที่มาคอมเม้นท์เรื่องนี้มีเกือบ 900 ความเห็น (ตอนที่เขียนบันทึกเป็นช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 30ก.ย.2554 ครับ)สิ่งที่น่าสนใจก็คือแม้ว่ารูปแบบและวัฒนธรรมการใช้ภาษาของที่นี่ออกจะดูเถื่อนดิบไปบ้างแต่ในเนื้อหาก็ดูจริงใจและแฝงสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเยาวชนมากมายเหมือนกัน การแสดงความคิดเห็นจึงสะท้อนความรู้สึก ทัศนคติ องค์ความรู้ และแนวคิดของสมาชิกได้ใกล้เคียงกับความเป็นตัวตนจริงๆของแต่ละคนมากที่สุด ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่ากระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงศึกษาธิการควรเข้ามาเรียนรู้และนำวิธีการสื่อสารกับเยาวชนจากที่นี่ไปใช้ในการพัฒนาแผนงานโครงการสำหรับเด็กและเยาวชนของตนเอง เพื่อให้มียุทธศาสตร์เชิงรุกกับเขาบ้างนะครับ

อ้อ..ต้องขอประชาสัมพันธ์(เตือน)นิดหนึ่งครับว่าสำหรับผู้ที่อยากจะเข้าไปดูที่นี่หากรู้ตัวว่าจารีตนิยมจัดหรือค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ ควรมีเด็กอายุต่ำกว่า18ปีคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดนะครับ คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือความดันควรงดไว้ก่อนครับ

 



อีกแห่งหนึ่งที่อยากแนะนำให้เข้าไปดูก็คือ siamintelligence.com ที่นี่ออกจะดูสุภาพและเป็นวิชาการหน่อยมีเยาวชนเข้ามาใช้บริการไม่น้อยเหมือนกันครับ สำหรับเรื่องนักเรียนแต่งชุดนาซีงานกีฬาสีของที่นี่มีคนให้ความเห็นเกือบ 300 ความเห็น

เท่าที่อ่านความเห็นของทั้งสองแห่งนี้รวมถึงจากเว็บดังอื่นๆ (อ่านไม่หมดหรอกครับแค่นี้ก็ตาเหลือกแล้ว) บทสรุปจะคล้ายๆกันครับ คือแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นใจนักเรียนและโรงเรียนว่าทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ว่าจะถูกต่อต้านขนาดนี้ ทำไมเวลาพวกฝรั่งไปทำกับคนอื่นอย่างเช่นการรุกรานในอิรัก ในเวียดนามไม่เห็นว่ากัน พวกฝรั่งยังเอาเศียรพระพุทธรูปมาแต่งสวน ตกแต่งในบาร์ได้เลย (เข้าทำนองเธอทำชั่วได้ทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้) น่าสังเกตนะครับว่าวิธีการใช้สำนวนโวหาร ประดิษฐ์คำพูด ปัดความรับผิด และอ้างความชอบธรรมแบบนี้ เป็นพฤติกรรมที่แทบจะลอกเลียนมาจากนักการเมืองบางพวกในสังคมไทยปัจจุบันนี้เลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเอาแบบใครมาเหมือนกันครับ

อีกฝ่ายก็จะบอกว่าทำไมก่อนที่จะทำอะไรไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน พร้อมกับโทษทั้งครูผู้รับผิดชอบ หลักสูตร รวมไปถึงระบบการศึกษาไทยที่จะต้องยกเครื่องปรับปรุงกันครั้งใหญ่ ซึ่งความเห็นเรื่องนี้จะคล้ายกับมุมมองของคนต่างชาติ จะต่างกันที่ฝรั่งเน้นมองไปที่กระบวนการแต่คนไทยเน้นไปที่ตัวบุคคลมากกว่า

วันนี้สังคมกำลังมีคำถามอยู่นะครับว่าวิธีการพัฒนาการศึกษาชาติแบบที่ถอดจากพิมพ์เขียวของทฤษฎีโดยไม่ได้ออกมามองความเป็นจริงภายนอกเขาเลย การแก้ปัญหาด้วยการตั้งองค์กรหรูหรามากมาย ผู้บริหารเป็นกรรมการไขว้กันไปไขว้กันมาอยู่เฉพาะคนไม่กี่คน ออกแบบโปรเจคเพื่อเอาไว้ถกเถียงกันในที่ประชุมสัมนาครั้งที่หนึ่ง เพื่อหาข้อสรุปในครั้งที่สอง เพื่อรับรองในครั้งที่สาม เพื่อแก้ไขในครั้งที่สี่ และยกเลิกเพื่อคิดโปรเจคใหม่ในครั้งที่ห้า บริหารจัดการด้วยอีเว้นท์ในโรงแรมหรู ฯลฯ โดยไม่ได้ออกมาสู่การปฏิบัติเลยนั้น มันทำให้เด็กไทยฉลาดขึ้นจริงแล้วหรือ ?

ได้เห็นความกระตือรือร้นของกลุ่มคน เยาวชนที่มีต่อการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศ จากสิ่งที่เป็นความผิดพลาดเพื่อนำมาเป็นบทเรียนในการแก้ไขพัฒนาต่อไป รู้สึกชื่นใจครับ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะบรรดาผู้ที่แสดงอาการกระตือรือร้นเหล่านี้ล้วนถูกผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาปรามาสว่าเป็นเด็กติดเน็ตบ้าง เด็กติดเกมบ้าง วัยรุ่นไร้สาระบ้าง แต่ไม่เห็นมีครูบาอาจารย์ นักวิชาการชั้นนำออกมาให้ความเห็นเพื่อเสริมส่งสติปัญญาให้กับบรรดาเหล่าเยาวชนพวกนี้แต่อย่างใดไม่

นึกถึงว่าเคยเขียนความเห็นที่ไหนจำไม่ได้แล้วว่าเมืองไทยที่งุ่มง่ามไม่พัฒนาไปถึงไหน "Corruption" นั้นจิ๊บจ๊อยครับเพราะปัญหาที่แท้จริงเกิดจาก "Attention" ที่เรามีระดับ "Low" ถึง "Less" มากกว่า ไม่รู้จริงเปล่า !

ยังดีนะครับที่ผู้บริหารโรงเรียนรีบออกมาแสดงความรับผิดชอบ และเจ้ากระทรวงเองก็ดูเหมือนไม่นิ่งนอนใจทำให้อะไรๆดูดีขึ้นเยอะ
http://www.prachatai.com/journal/2011/09/37147

เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจมากเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญเกี่ยวข้องโดยครงกับเรื่องของระบบการศึกษา มีผู้ให้ความเห็นค่อนไปทางลบมากมายไม่เฉพาะแต่ในบ้านเรา ผมก็เลยเข้ามาปูเสื่อรอที่ Gotoknow นี่หลายวันแล้วครับ เนื่องจากเป็นเว็บที่มีคอนเซ็บเรื่องแหล่งความรู้ชัดเจนกว่าที่อื่น หวังว่าถ้ามีใครนำมาใส่บันทึกก็จะขออนุญาตเข้าไปคอมเม้นท์เสียหน่อยเพราะเขียนบันทึกเองไม่ค่อยได้เรื่องนัก....รอจนถึงวันนี้..

..ต้องเขียนเองแล้วครับ !



ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

กงสุลหลายชาติท้วง เด็กไทยแต่ง “นาซี” ในวันกีฬาสีโรงเรียน
http://www.prachatai.com/journal/2011/09/37093

ผอ.โรงเรียนทำหนังสือขออภัยกรณีนักเรียนแต่งชุดนาซี
http://www.prachatai.com/journal/2011/09/37147

สุดช็อค! รร.หญิงเชียงใหม่แต่งกายเป็นฮิตเลอร์-นาซี ร่วมขบวนกีฬาสี กงสุลนานาชาติรวมตัวยื่นประท้วง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1317118540&grpid=01&catid&subcatid

เด็กไทยผีนาซี!เยอรมันเยอรมัน!!
http://drama-addict.com

สุดช๊อก!! นักเรียนเชียงใหม่แต่งชุดกีฬาสีเป็น นาซี – ฮิตเลอร์ หลายประเทศประนาม
http://www.siamintelligence.com/chiangmai-hitler/

http://news.voicetv.co.th/global/19275.html

In Thailand, A New Party Tries to Take Back the Swastika
http://www.time.com/time/world/article/0,8599,1905378,00.html#ixzz1ZP0etTJC

หมายเลขบันทึก: 463279เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2011 18:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 17:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ

Ico64

พฤติกรรมทุกพฤติกรรมมีสาเหตุ...บทเรียนของคนทั้งประเทศที่ต้องมองตัวเองพัฒนาตนเอง...ไม่เฉพาะแค่ครูกับนักเรียนเท่านั้น... 

ขอบคุณคะ ที่นำข้อมูลหลายๆ แหล่ง หลายๆ ด้าน พร้อมวิพากษ์อย่างน่าสนใจ

เป็นกรณีศึกษาหนึ่ง ให้เห็นความสำคัญของ cultural intelligence

ขออนุญาตเสนอมุมมองว่าเราจะเอาบทเรียนนี้มาแก้ไขพัฒนาอย่างไรคะ

.

1. ให้ก่อนพาเหรดต้องบอกให้ครูรู้ก่อน

Pro ทำได้ทันที ตรงไปตรงมา

Con ตอกย้ำปัญหาเด็กต้องพึ่งพาผู้ใหญ่ ไม่สามารถใช้วิจารณญาณตัวเองได้

2. เพิ่มชั่วโมงเรียนประวัติศาสตร์สากล

Pro เป็นรูปธรรม ดูแล้วตอบสนองความเป็นสากล คุณ Felix Deville อาจ happy ขึ้น

Con น่าคิดว่าปัญหาอยู่ที่ "เนื้อหา" ไม่เพียงพอ หรือ "วัตถุประสงค์เพื่อการไปประยุกต์ใช้" ไม่ชัดพอ

3. ปลูกฝังทัศนคติ การแคร์ความรู้สึก คนต่างเชื้อชาติภาษา

Pro ลงไปที่ element ให้เขาคิดเองเป็น

Con เป็นนามธรรม เรียนด้วยการสอนในห้องไม่ได้ผล

-- แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ยังมีคนส่วนหนึ่ง ที่คิดว่าเชื้อชาติตนเองอารยะกว่า (แม้บอกว่าเกลียดนาซีก็ตาม)

อย่างคุณ Natalie และคนอื่นๆ ที่ lungnoke นำมา ยังดีว่าบอกเป็น fact จากประสบการณ์จริง

แต่บางครั้งเห็น พวกที่ดูถูกเอเชียเพราะเก็บกดจากการที่คนเอเชียมักทำคะแนนดีกว่า ก็มี

ณ ตอนนี้ คิดว่า คนไทยเราเอง ไม่น่าดูถูกกันและกัน "คนไทยก็แบบนี้..แบบนั้น.."

ฟังทีไรไม่สบายใจคะ ถ้าพวกเราก็ไม่นับถือกันเองแล้วจะให้ใครมานับถือ

ท่านอาจารย์ ดร.พจนา

เห็นด้วยครับ เป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องตระหนัก ผมไม่คิดว่าระบบการศึกษาเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถปลูกจิตสำนึกเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์

การเริ่มต้นที่ดีจากครอบครัว ชุมชนและสังคมรอบข้างเป็นสิ่งจำเป็น การปลูกฝังเรื่องการเคารพตัวเองและผู้อื่น ยอมรับผู้อื่น ให้เกียรติเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นวัฒนธรรมทางสังคมของเราที่ยังคงสืบทอดถึงกันได้ไม่หายไปไหนหรอกครับ

ส่วนเรื่องความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมของผู้อื่นเรามาต่อยอดด้วยระบบการศึกษาภายหลังก็ได้นะครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นหากเรารู้จักนำเอามาเป็นบทเรียน เรียนรู้ให้เข้าใจ ไตร่ตรองเสียก่อนจึงค่อยทำ ปัญหาต่างๆก็คงจะลดลงไปได้ครับ

ท่านอาจารย์หมอ Pattama

ผมคิดว่าทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายที่คัดค้านมักจะมีหัวข้อที่สามารถนำมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์รวมอยู่ด้วยเสมอ การเดินไปสู่เป้าหมายโดยการเลือกข้างใดข้างหนึ่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโอกาสในการประสบความสำเร็จน่าจะมีน้อยกว่าการเลือกนำหัวข้อที่เหมาะสมกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์มากที่สุดของจากทั้งสองฝ่ายไปใช้

การบูรณาการ (integrate) แนวทางความคิดที่เหมาะสมของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากหากทุกคนตัดสิ่งที่เรียกว่า"ทิษฐิ"ออกไปได้ ที่เขาเรียกว่า win-win อาจเป็นแบบนี้

ส่วนเรื่องความคิดที่ว่าชนชาติตนเองเหนือกว่าชนชาติอื่นคงต้องใช้เวลาครับ เราบอกว่าฝรั่งมองเห็นเราต่ำต้อยกว่าเขา ขณะที่เราเองก็มองว่าผู้คนในประเทศเพื่อนบ้านต่ำต้อยกว่าเรา บางคนถึงขนาดมองคนไทยด้วยกันต่ำกว่าตัวเองยังมีเลย เรื่องแบบนี้ผมว่ามันคงลดลงไปได้เองหากเรามีการพบปะมีปฏิสัมพันธ์กันให้มากยิ่งขึ้นครับ

สวัสดิกะ มีความหมายของพระอาทิตย์ การหมุนเวียนของพระอาทิตย์คือการเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งอลการดับไปพร้อมๆ กัน

การครอบครองสวัสดิกะ หรือการใช้สวัสดิกะก็หมายถึง การเป็นเจ้าแห่งระบบสุริยะ เจ้าแห่งสรรพสิ่ง เป็นเหนือกฏแห่งวัฎจักร

หรืออีกในคือ การที่พระอาทิตย์ (และพระจันทร์ด้วย) หมุนเวียนรอบตัวผู้นั้นก็หมายถึง ตน เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ชาวเอเชียชอบการเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ตั้งแต่ศาสนา งานศิลปะกรรม สถาปัตยกรรม กษัตริย์ และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกัน ชาวเอเชียชอบการยกตัวเองเป็นศูนย์กลางมานานนมแล้วครับ

อย่างที่รู้ ๆ ว่า ฮิตเลอร์ชอบอ่านหนังสือ คงจะได้คติเรื่องการเป็นศูนย์กลางไปจากจุดนี้ไม่มากก็น้อย ดูจากที่กองกำลังทหารและประชาชนในชาติเยอรมันในช่วงนั้น (ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง) ที่กำลังเผชิญกับพิษของสนธิสัญญาแวร์ซายน์ ประชาชนจึงเทคะแนนเลือกตั้งฮิตเลอร์ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ (ฮิตเลอร์ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศด้วยระบบประชาธิปไตย!) จากความสามารถในการพูดหรืออะไรหลาย ๆ อย่าง เขาจึงเป็นศูนย์กลางได้ไม่ใช่จากการยกย่องตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะจากประชาชนสนับสนุนด้วย เรามักมองฮิตเอร์ว่าโหดร้าย (ซึ่งก็ร้ายจริง ๆ นั่นแหละ) แต่มันก็เป็นเพราะเขาต้องการป้องกันตนเองจากสนธิสัญยาอันป่าเถื่อนหนาถึง 500 รีม ที่อเมริกาและโลกเสรีสิวิไลน์ หรือพระเอกยัดเยียดให้

มองต่างมุม อเมริกาป้องกันตนเองโดยการยุยยงให้ชาวบ้านทำสงคราม สนับสนุนเงิน อาวุธ วิทยาการ ฯลฯ อย่างตรง ๆ และลับ ๆ ยังไงก็ได้ให้ไกลอเมริกามากที่สุด ส่วนฮิตเลอร์ป้องกันตนเองและประเทศชติด้วยการปุกโปแลนด์ก่อน

มองต่างมุม ฮิตเลอร์ทำคนตายหลายสิบล้านคน แต่อเมริกาเองก็ทำคนตายไม่แพ้ฮิตเลอร์ ถ้านับรวมที่ทำกับญี่ปุ่น รับลองว่าแซงหน้าฮิตเลอร์หลายขุม

การแสดงออกของนักเรียนโรงเรียนดังกล่าว ถ้าทำไปโดยไม่ศึกษาหรือมีจุดประสงค์ในการแสดงออกอย่างแท้จริงหรือเป้าหมายว่าเพื่ออะไรแล้ว ผมว่าผิต แต่ถ้ามีเป้าหมายหรือต้องการจะสื่อถืออะไร อะไรคือเป้าหมายแน่ชัด (เช่นประชดการปกครองประชาธิปไตยที่อยู่ในรูปเผด็จการ? ผมไม่รู้) ผมก็ว่าเป็นสิทธิ เพราะ อย่าลืมว่า อะไำรคือประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือการยอมรับการคิดต่างไม่ใชหรือ

เรื่องมันผ่านมาหลายปีละนะครับ คนต่างชาติส่วนใหญ่ มองได้แค่มุมเดียว ไม่เคยคิดจะมองในหลายๆมุมบ้าง ผมก้ยังไม่แก่ฟรอกครับ แต่เหนมีแต่คนว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ที่น้องๆเค้าทำไป เพื่ออะไร คำตอบนี้ ไม่ยากเลยครับ กีฬาสีไงครับ ผมก้ไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไร แต่ประเดนหลักของนักเรียนพวกนั้นคือ ''กีฬาสี'' ตามที่ผมเข้าใจนะครับ ผิดถูกยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะมันเปนความคิดเหนของผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท