ปลายปี ๔๘ ข้าพเจ้าได้รับทราบข่าวว่าพี่อุ๊ป่วยด้วยโรคมะเร็ง...ระยะสุดท้าย แต่ตลอดของการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาปริญญาเอกร่วมกันนั้น ข้าพเจ้าไม่ระแคะระคายเลยว่าพี่อุ๊ป่วย...แต่เห็นพี่เขาซูบผอมลง ... และหายไปเป็นเดือน ทราบเมื่อกลับมาว่าไปปฏิบัติธรรมมา...ก็ไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม
พี่อุ๊...เป็นคนขยันมาก เราเจอกันเมื่อปี ๔๔ ของการเข้าไปศึกษาปีแรกของระดับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาจิตวิทยาให้คำปรึกษา ข้าพเจ้าเป็นน้องเล็กมากๆ ในจำนวนสามคน อ่อนด้อยทั้งเรื่องชีวิตและการขาดความเข้าใจในความหมายของชีวิต พี่อุ๊จะคอยให้กำลังใจเสมอ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาพบในเรื่องราวใดใด พี่อุ๊จะคอยรองรับเสมอ...
มองย้อนกลับไปใจของข้าพเจ้าช่างเห็นแก่ตัวมาก
นึกถึงแต่ความทุกข์ของตนเอง จนตามืดบอดมองไม่เห็นในความทุกข์ของผู้อื่น
หลายปีผ่านมาข้าพเจ้าเข้าใจอย่างซึ้งเลยว่า เนื่องด้วยเหตุอันใดพี่อุ๊จึงได้เข้าใจและคอยประคองผู้คนอย่างมากมาย จนทำให้เราทุกคนมองเห็นว่าทุกข์ของพี่อุ๊นั้นมีน้อยนิด ทั้งๆ ที่จริงแล้วพี่อุ๊...ต่างมีชีวิตที่นับถอยหลัง
ในขณะที่ป่วยอยู่นั้นพี่อุ๊ก็ไม่ได้มีท่าทีอ่อนแรง หรือท้อแท้ต่อชีวิต ยังคงตั้งหน้าตั้งหน้าขยันเรียนขยันศึกษาค้นคว้าในงานวิจัยของตนเอง พร้อมทั้งให้กำลังใจข้าพเจ้าให้เดินหน้าอย่างมุ่งมั่น พี่อุ๊ทำงานดุษฎีนิพนธ์จนวินาทีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ซึ่งช่วงท้ายๆ นั้นมะเร็งได้ลุกลามจนทำให้ไม่สามารถมองเห็น
ข้าพเจ้าเคยไปเยี่ยมครั้งหนึ่ง แต่พี่อุ๊ปฏิเสธไม่ให้พบ นั่นเพราะพี่อุ๊ถนอมใจน้องสาวคนนี้ไม่ให้ใจเสียมากเกินไป ยังแถมกำลังใจหอบใหญ่ให้กับน้องผ่านมาทางสายปลายทางโทรศัพท์
นับแต่รู้จักกันจนถึงวินาทีสุดท้าย...ไม่เคยไม่ได้รับกำลังใจและสิ่งดีดีจากพี่อุ๊
...
วันนี้มีความซึ้งลงไปในใจ ทำให้ระลึกถึงพี่อุ๊...คุณนิ่มนวล ศุภกำเนิด (Ka-Poom - In Mind - ด้วยความอาลัย "รัก" (หน้า 1))
๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔
ยืมภาพจาก ปล่อยไปแบบง่าย
ทุกวันนี้ใช้ชีวิตในแบบที่ว่า ...
ทุกข์ของตนเองนั้นเล็กนิดเดียว แต่ทุกข์ของผู้อื่นนั้นยิ่งใหญ่
รำลึกถึง...พี่อุ๊ เนื่องด้วยวันรำลึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร
และร่องรอยที่เหลืออยู่ให้เราได้ร่วมเรียนรู้ "ชีวิต"
ขอร่วมรำลึกถึงคนดีที่จากไปแต่กายค่ะ..รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ต่างมีชีวิตที่นับถอยหลัง
เป็นช่วงที่ทำให้เห็นคุณค่าของชีวิตอย่างแท้จริงคะ