วันนี้เป็นวันพระเตรียมตัวจะไปวัดตอนเช้าตามปกติ แต่...เดินลงมาจากบ้าน แม่บอกว่ามีอาการคล้ายจะเป็นลม เมื่อไปจับชีพจรดูพบว่าเต้นช้ามาก อาจสืบเนื่องมาจากยาที่ได้ทาน...
เลยให้แม่นอนพัก และอยู่สังเกตอาการแม่
งดไปถวายจังหันหนึ่งวัน
วันทั้งวันให้อาหมีมาเฝ้าอยู่เป็นเพื่อนและแม่ดูจะดีขึ้น
หลังเลิกงาน เอายาไปให้เณรโบ่โซ่ แต่ก่อนไปขับรถไปซื้อปลาที่ตลาดป่าติ้ว ทำไมต้องเป็นที่นั่น ... ชอบว่าไม่พลุกพล่านดี และที่สำคัญได้ขับรถไปตามแมกไม้ ทุ่งนา และธรรมชาติ
ขากลับไปพบเส้นทางใหม่ เห็นป้ายใหญ่บอกไว้ชัดเจน จึงลองเลี้ยวไปดูมุ่งหน้าสู่วัดป่าหนองไคร้ ทางคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน ท้องทุ่งนา และพบน้ำท่วม เด็กๆ ลงเล่นน้ำหลังเลิกเรียน ท่าจะสนุกสนานเพราะดูใบหน้าและถ่ายภาพเก็บไว้ต่างเบิกบานคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ
วันนี้ข้าพเจ้าได้ปลามาหลายตัวมาก ... ตั้งใจจะไปปล่อยให้แม่ที่หนองไคร้
เมื่อไปถึงหนองไคร้จากทางลัดมาจากอำเภอป่าติ้วถึงท้ายวัด น้ำดูเจิ่งนองเกือบปริ่มตลิ่ง แต่ก็ดีทำให้การปล่อยปลาสะดวกง่ายขึ้น
"ขออุทิศให้เทวดา ญาติมิตร เจ้ากรรมนายเวร และเชื้อโรคแม่"...
"ขอให้แม่ผ่านพ้นสภาวะการเจ็บป่วย ได้มีโอกาสได้ฟังธรรมและเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม"...
น้อมใจให้สงบลง พร้อมกับปลดปล่อยพวกเขาไปสู่อิสระภาพ
ตอนที่กราบเรียนหลวงปู่ ท่านเอ่ยว่า "เขาคงดีดดิ้นดีใจที่ได้ลงน้ำ" ซึ่งภาพก็ใช่ตามที่ท่านเอ่ย ท่าทีเขาดูดีใจและแหวกว่ายหายลงไปในน้ำลึกลงไป
นั่งดูผืนน้ำและแสงแดดอ่อนสักพัก ก็ขับรถเข้าไปทางท้ายวัด
ปกติปู่หนูท่านจะออกมากวาดลาน แต่วันนี้ไม่เห็นคงจะย่ำค่ำแล้วท่านน่าจะเข้ากุฏิท่านแล้ว และเมื่อไปถึงกลางลานวัดพบแม่ออกมาจำศีล "ถือศีล กินทาน ประหารกิเลส"...ดั่งที่หลวงปู่ท่านเมตตาสอนเสมอ
ข้าพเจ้าเข้าไปกราบหลวงปู่ อิริยบทท่านดูสบายๆ...กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าวิหาร
ถวายยาให้กับเณร...
หลวงปู่เมตตาสอนว่า อาการที่เณรเป็นนั่นน่ะก็มาจาก "จิตที่ปรุงแต่ง มันมักจะวิ่งไปในอดีต แรงดึงดูดที่ว่านั่นน่ะก็มาจากจิตคิดปรุงเรื่องราวให้เกิดขึ้นเป็นภาพ เป็นความรู้สึก"
แววตาและน้ำเสียงท่านอ่อนโยนมากเมื่อมองไปที่เณรโบโซ่...
เมื่อท่านทราบว่าข้าพเจ้าไปปล่อยปลามา ...
ท่านเมตตาสอนว่า
"ในอดีตมีนิทานเรื่องหนึ่ง เณรถูกทำนายว่าจะตายภายใน ๗ วัด เณรจึงตั้งใจว่าจะไปตายที่บ้านเกิด ระหว่างทางที่เดินทางกลับบ้านนั้นไปพบว่าปลาที่เกยตื้นจากน้ำขึ้นมากำลังจะตาย เณรจึงช้อนขึ้นมาเพื่อนำไปปล่อยลงในแม่น้ำ"...
"เมื่อเดินทางกลับถึงบ้าน...ครบวันทำนายว่าจะเสียชีวิต แต่กลับปรากฏว่า เณรก็ยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ ตรงนี้น่าจะสำคัญอยู่ จึงได้ถือปฏิบัติกันเรื่อยมา หลวงปู่สอ หลวงปู่สรวงท่านเองก็ปล่อยปลา ปล่อยเป็นพันๆ ตัวเลยล่ะ..."
"เชื่อว่าปล่อยปลาแล้วอายุจะยืน...ตอนเณรปล่อยปลาก็อธิษฐานจิตให้อายุยืน"
"ก็คงจะจริงน่ะนะถึงได้มีการสืบทอดการปฏิบัตินี้มา"
ขณะที่ฟังหลวงปู่ท่านเทศน์สอนนั้น
ทั้งเณรและข้าพเจ้าต่างก็ตั้งใจฟัง พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าได้อธิษฐานจิตไปด้วยว่าขอให้แม่อายุยืนและมีโอกาสได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ผ่านพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
การได้กราบองค์หลวงปู่ ได้ฟังธรรมจากท่าน
พลังชีวิตได้เติมเต็มทุกครา ...
เมื่อตอนเย็นเมื่อกลับมาถึงบ้านได้เล่าให้แม่ฟัง...ว่าไปปล่อยปลาให้ท่าน และหลวงปู่เมตตาถามถึงอาการด้วย พร้อมท่านชี้แนะให้ปล่อยปลาเยอะๆ...
พระอาจารย์ต้อ...เมตตามาเยี่ยมแม่ถึงที่บ้าน
"การเจ็บป่วยนั้นคือ โรคกรรม"...
ทันทีที่แม่ฟังธรรมจากท่าน ใจของแม่ดูเหมือนนอบน้อมและอ่อนโยนลง
บทธรรมสั้นๆ แต่...ทำให้หญิงวัยชราคนหนึ่งได้นอบน้องลงต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ การได้รับโอกาสฟังธรรมนี่คือ ความประเสริฐสุดแห่งชีวิตของการเกิด
สิ่งใดใดไม่สำคัญเท่ากับสภาวะแห่งใจที่เต็มอิ่ม
...
๒๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เป็นความโชดดีของข้าน้อย ที่ได้ฟังธรรมจากหลวงปู่ ที่มีพระคุณมากล้น สาธุเจ้าค่ะ
มีคำกล่าวของ"หลวงแม่"...ผู้ที่นำแม่เข้าวัด..ถือศีล..บำเพ็ญทาน..นั้นเป็น..กุศล สูงสุด..บุญจะต่อเนื่อง..และคงจะเป็นพลังเติมเต็มกับชีวิต..ทุกครา..นะเจ้าคะ...ขอให้คุณแม่แลครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขปราศซึ่งโรคภัยไข้เจ็บเจ้าค่ะ...ยายธี
"บทธัมม์อายุยืน"...ได้ชื่นจิต ผู้รู้คิดรู้ำธัมม์นำจิตใส
ไม่ประมาทในชีวิตวางจิตไป สั่งสมบุญเอาไว้ไม่หลงเพลิน
เมื่อก่อนเคยถามตนเองค่ะว่า เราจะอายุยืนไปทำไมในเมื่อพระพุทธองค์ท่านสอนให้เห็นในเรื่องการเกิดแล้วตาย แต่เมื่อมาถึงทุกวันนี้เท่าภูมิที่พอมีมองว่า "การมีอายุยืน". และไม่เจ็บไข้ได้ป่วยนั้นทำให้เราได้รับ "โอกาส" ของการบ่มเพาะและฝึกฝนจิตใจให้เบิกบานผ่องแผ้วค่ะ