เทพนักประดิษฐ์ และ เทพแห่งความสมบูรณ์


ขอบคุณนักศึกษามากๆค่ะที่ให้ความร่วมมือ

 

มาแล้วค่ะ การบ้าน ...เรื่องราวของ 2 พี่น้องคู่หนึ่ง...

อ่านเสร็จแล้วแล้วดูคำถามนะคะ

---------------------------------------------------------

ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ
ของฉันมีกัน
จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง
พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด
ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน
พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ
ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"
พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้
แล้วพูดว่า
"ผมขโมยเองครับ"
ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด
จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน
"ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก
แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้
หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก
น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า
"พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"
ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้
ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ
หลายปีผ่านไป
แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น
เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน
ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี
เรียนดีมากนะ"
แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร
ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"
ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
"ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"
พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่
"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้
ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ
ทั่วทั้งหมู่บ้าน
เพื่อขอยืมเงิน
ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
"ต้องให้น้องได้เรียนต่อ
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"
แต่ในขณะเดียวกัน
ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน
ขณะฉันกำลังหลับ
"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....
ผมจะไปหางานทำ
แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"
ฉันนั่งอยู่บนเตียง
อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...
ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี
ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที
ไซท์ก่อสร้าง ...
ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ
อยู่ข้างนอกแน่ะ"
ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???
ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
ฉันถามเขาว่า
"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"
น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ
สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ
ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"
ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ
"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"
จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน
แล้วพูดว่า
"ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"
ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20ปี ส่วนฉันอายุ 23ปี

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก
ฉันสังเกตเห็นว่า
หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"
แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก
น้องชายลูกต่างหาก
วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา
ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"
ฉันถาม
"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
และ..."
น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด
เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน
แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
แต่เมื่อออกไปแล้ว
ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป
เขาบอกกับฉันว่า
"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้
เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล
ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า
"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้
ดูตัวเองซิ
เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"
คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน
ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"
น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย
ฉันบอกกับน้องว่า
"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."
"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"
น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29ปี...

เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30ปี
เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน
ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
"ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"
น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ"
และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียน
และเดินกลับบ้าน
วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น
ผมสาบานกับตัวเอง
ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี
และจะทำดีกับเธอ"

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว
สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้
คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"
ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...


----------------------------

คำถามจ้า..

  1. อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรคะ บอกเล่าความรู้สึกประมาณ  3-5 บรรทัด ใครจะเขียนยาวกว่านั้นก็ได้ค่ะ
  2. ข้อคิดที่นักศึกษาได้จากเรื่องนี้
  3. ขอให้นักศึกษาลองอธิบายด้วยความรู้จาก บทที่ 4 การศึกษาตนเอง  ตามความเข้าใจสัก 2 ย่อหน้าค่ะ หรือใครจะมากกว่านั้นก็ได้

 ให้เวลา 3 สัปดาห์เยอะไปหรือเปล่านา...?

หากไม่เข้าใจคำถามให้สอบถามที่นี้ได้เลยค่ะ 

ขอบคุณค่ะ 

อ.โอ๋ 

 

หมายเลขบันทึก: 45535เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2006 06:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (50)

เทพนักประดิษฐ์  

หัวโบราณ ,  โจ้ อู่หน่อย  , แชมป์ หนองปลิง,
หน่อย ข้าวเหนียว,  เหลิม แป๊บซี่, ยักษ์ ปลดหนี้,
เกศ หมูสด,  เอ็กซ์ ลูกรัง ,  หนึ่ง หมูปิ้ง , แพร สามช่า,
รุ่ง เลี่ยงเมือง,  โต  Silly Fool, เด Wave I,
นู Power Man, เบียร์ ลวดหนาม,

 

เทพแห่งความสมบูรณ์

นู๋ ออ , มามี่ โพโค ,  เอ๋อเหรอ ,  ปอบ , วินเนอร์ ,
หนูผี ,  ไอ่อ้วน , Pig let , พีนัท บัตเตอร์ ,
เซ(? ใช่ป่าวคะ),   ขวานฟ้าหน้าดำ , หน้าใหญ่ ,
มีดี ,  สาวน้อยร้อยล้าน ,   มารูโกะ ,  โออิชิ  ,
โนบิตะฮับ , ชินจัง , โดเรมอน  , โคนัน  , กิ๊กกิ๊ว  , อ้อแอ้ , ดร.แพรวา  , เมกะเลนเจอร์ , โชกุน
, หมูน้อย

 

ยินต้อนรับท่านทั้งหลายสู่บล็อกของอาจารย์นะจ๊ะ..    ว่าแต่ใครเข้ามาเป็นคนแรกอาจารย์จะเลี้ยงกาแฟ/โอวัลติน 1 แก้วหละ

ส่วนใครยังไม่มีนามแฝงก็ตั้งซะนะคะ + เข้ามาตอบการบ้าน + บอกชื่อจริงให้อาจารย์ทราบภายหลังด้วยค่ะ

1.อ่านแล้วรู้สึกถึง ความรักความผูกพันระหว่างพี่น้องคู่หนึ่ง ที่น้องชายยอมทำทุกอย่างเพื่อให้พี่สาวของตนประสบความสำเร็จในชีวิตและมีความสุข โดยไม่คำนึงถึงว่าตนเองจะลำบากแค่ไหน แต่เพื่อพี่สาวเขายอมหมดทุกอย่าง

2.ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ คือ การที่เราทำความผิดนั้นเราก็ควรกล้าที่จะยอมรับว่าเราทำผิด และยอมรับในบทลงโทษ ผู้อื่นจะได้ไม่เดือดร้อนแทน,รู้จักการเสียสละเพื่อผู้อื่น

อาจารย์คับ ผมพิมพ์ในช่องไป5บรรทัด แต่พอsubmitแล้วเหลือ แค่2บันทัดเองคับ^^"

1.อ่านแล้วรู้สึกว่าน้องชายเสียสละเพื่อพี่สาวในทุกๆเรื่อง ยอมทุกอย่างเพื่อให้พี่สาวมีความสุขและไม่น้อยหน้าคนอื่น น้องชายยอมโดนพ่อตีแทนพี่สาวเนื่องจากการไม่กล้ายอมรับความผิดของพี่สาว

 

2.ข้อคิด ผมคิดว่าเรื่องนี้สอนให้รู้จักการเสียสละและความรักระหว่างพี่น้อง

1.อ่านแล้วรู้สึกว่าน้องชายเป็นคนที่รักพี่สาวมาก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อพี่สาว เพราะตอนเด็กๆพี่สาวได้สละถุงมือให้เขาใส่ข้างหนึ่ง ขณะเดินไปโรงเรียนอากาศก็หนาวเย็นมาก ทำให้มือของเธอบามแดงและไม่สามารถตักข้าวกินได้ ตั้งแต่นั้นมา น้องชายก็สาบานกับตัวเขาเองว่าจะดูแลพี่สาวให้ดีที่สุด

 

2.ข้อคิดจากเรื่องนี้  ได้รู้จักการเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน

1.อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรักที่สองพี่น้องมีให้กันช่างมากมาย และความขยันหมั่นเพียรของทั้งสองคนในการศึกษา น้องชายเสียสละให้พี่สาวเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ส่วนตนเองออกจากบ้านไปทำงานหาเงินเพื่อที่จะส่งพี่สาวเรียนเพราะว่าพ่อแม่ ก็มีเงินไม่พอที่จะส่งให้ศึกษาต่อได้ ทั้ง2คน

 

2.ข้อคิด การตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเป็นทางที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่มีโอกาสเหมือนเรา หรือ โอกาสน้อยกว่าเรา ดังนั้นเราควรตั้งใจเรียนให้มากที่สุด

1.อ่านแล้วรู้สึกว่าเราควรจะรักและเสียสละให้กับคนในครอบครัวเรามากขึ้น ไม่ใช่มัวคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองตลอดเวลา เราควรจะนึกถึงสมากชิกคนอื่นๆในครอบครัวไม่ใช่เฉพาะพี่น้องแต่รวมไปถึงพ่อแม่เราด้วย ซึ่งท่านเป็นบุคคลที่มีพระคุณต่อเรามาก

 

2.ข้อคิดที่ผมได้จากเรื่องนี้ คือ ความรัก การเสียสละและ ความขยันหมั่นเพียร

1.อ่านแล้วรุ้สึกว่า การเสียสละเพื่อผู้อื่นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะใน ครอบครัวหรือสังคมรอบข้างก็แล้วแต่ แล้วก็ การที่เราเป็นคนตั้งใจ มุ่งมั่น ไม่ท้อถอยที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

 

2.ข้อคิด คือ การเสียสละเพื่อผู้อื่นโดยความเต็มใจ

  • ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เข้าส่งการบ้านอย่างรวดเร็วทันใจดีมาก
  • สำหรับข้อ 3 ค่อยๆ เรียบเรียงตอบได้ค่า.... ^_^
  • คุณ โจ้ อู่หน่อย ได้รับรางวัลกาแฟเย็น 1 แก้วไปจากอาจารย์ค่ะ ยินดีด้วย ^__^

คุณ โต ซิลลี่ฟูล

อาจารย์ชอบเพลงพี่โตมากเหมือนกัน ตอนนี้แยกวงไปแล้ว น่าสงสารเนอะ ขอให้พี่เค้าออกเทปได้อีกเร็วเถิด สาธุ...

เดี๋ยวอาจารย์จะขึ้น Link วิชานี้ ไว้ด้วยค่ะโปรดติดตามนะจ๊ะ..

แล้วก็หากพอมีเวลาว่าง ลองเข้าไปอ่านของพี่ๆ ก็ได้นะคะที่http://gotoknow.org/blog/edpsycho2/45420

1. อ่านแล้วรู้สึกว่าความรักระหว่างพี่สาวและน้องชายนั้นมันน่าสงสารและมีความรู้สึกดีไปพร้อม ๆ กันเพราะว่าถึงแม้ทั้งคู่จะมีอุปสรรคหรือมีปัญหาแต่มันไม่ได้เป็นปัญหาของพี่น้องคู่นี้เลยเพราะว่าเขาทั้งคู่ได้มีความรักและความเสียสละให้กันและกันและเขาก็ยอมรับกับความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาทั้งสองคือเขาไม่ได้อยากทำตัวให้เด่นดังทั้ง ๆ ที่เขาก็เป็นได้แค่นี้เขายอมรับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ได้ถึงแม้จะมีฐานะยากจนก็ตามเขาก็ยอมรับสิ่งนี้ได้ซึ่งเขาไม่ทะเยอทะยานตนให้สูงไปกว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่

2. ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้มันมีมากนักจนไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาหมดได้แต่ที่บอกได้ก็คือ ได้สิ่งที่ยอมรับความเป็นจริงของเราเอง และการเสียสละของน้องชายที่มีให้กับพี่สาวความรักที่พี่กับน้องมอบให้กันและกันความไม่ลืมตัวของพี่สาวถึงแม้ว่าจะได้แต่งงานกับคนที่มีฐานะแล้วก็ไม่ลืมน้องชายของตนเอง ความเสียสละของน้องชายที่ยอมเสียสละให้กับพี่ของตนเอง และมีความไม่รู้สึกท้อแท้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทุกประการ ความขยันหมั่นเพียรทุกด้าน

3. ความรู้จากบทที่ 4 คือ เช่นเรื่องนี้เขาได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาโดยที่ไม่ยึดตัวตนในอุดมคติ เขารู้จักจุดเด่นและจุดบกพร่องของเขาในด้านสังคม ร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา และวิธีการแก้ปัญหาและการปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหาเป็นต้น

      เช่นเขารู้ว่าฐานะของเขายากจนไม่สามารถเรียนศึกษาต่อได้ จุดบกพร่องเขาคือเขาไม่ได้เรียนเขามีปัญหาเรื่องเงิน แต่เขาก็ไม่ท้อแท้เขายังทำงานและขยันหมั่นเพียรตลอดโดยไม่รู้สึกว่าอายคนอื่น เพราะว่าเขาสามารถยอมรับกับความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

1. รู้สึกถึงความรักความผูกพันที่น้องมีให้พี่สาวยอมทำทุกอย่างเพื่อให้พี่สาวได้เรียนต่อถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เรียนต้องโดนพ่อทำโทษน้องก้อไม่ได้รู้สึกที่จะโกรธพี่สาวเลย แถมยังยอมรับผิดแทนพี่อีกแสดงถึงความรักของพี่น้องได้ดีมากค่ะ

2. ได้ข้อคิดคือแสดงถึงความเสียสละ การทำผิดแล้วต้องยอมรับผิด แสดงถึงความรักที่พี่น้องต้องรักกันไม่ทะเลาะกัน

1.ประทับใจในความรักของพ่อ-แม่ที่มีต่อลูกชายและลูกสาวและพี่กับน้องที่มีให้กัน  มันเป็นความรักที่ยากเกินอธิบายแต่สัมผัสได้ด้วยการกระทำ มันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะอธิบายเป็นตัวอักษร

2.รู้จักความเสียสละของคนที่รักมอบให้กันแม้ว่าจะทำให้อีกคนหนึ่งลำบากก็ยอมให้เพื่อคนที่รัก{พี่สาว}

3.ถ้าเกิดว่าการเสียสละเช่นนี้ย่อมทำให้ได้ในสิ่งที่ดีๆก็สมควรที่จะเสียสละ

    แต่ถ้าเกิดว่าการเสียสละแล้วได้ผลออกมาเป็นลบก็ไม่สมควรจะทำให้

1. รู้สึกรักน้องมากขึ้นเยอะแยะเลยครับแล้วก็รุ้สึกสงสารน้องในเรื่องมากน้องเค้ามีความเสียสละสุด ๆ แบบว่ายิ่งกว่าพระเอกหนังไทยอีกนะเนี่ย นี่ถ้าเอาไปทำหนังนะ คนดูร้องไห้กันทั้งโรงแน่ ซึ้งสุด ๆ ถ้ามีพี่น้องอย่างในเรื่องนี้จริง ๆ นะอิจฉาพี่สาวสุด ๆ เลยแบบว่ามีน้องที่สุดแสนจะดีเลิศเลอเพอร์เฟกต์ เสียสละทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวเองต้องไม่ได้เรียนหนังสือ ยอมรับผิดเองทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำ  และอีกอย่างทำงานส่งพี่เรียนมีที่ไหน มีแต่พี่ต้องส่งน้องเรียน  แบบว่าซึ้งสุด ๆ ละกัน

2.ข้อคิดที่ได้นะ ผมว่าพี่น้องกันควรรักกันมีไรก็ช่วยเหลือกันเวลาเดือดร้อนจะได้ไม่ลำบาก

1.  การที่เราจะเสียสละให้ใครสักคนไม่จำเป็นต้องเป็นญาติพี่น้องของเราทุกคนในสังคมต้องการการเสียสละจากบุคคลรอบข้าง  คนที่อยู่ในสังคมก็เช่นเดียวกันอย่ามีแต่จะรอรับความเสียสละจากผู้อื่นลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ค้นพบกับสิ่งที่เราถนัดแล้วเราก็ไม่ต้องที่จะรอการเสียสละของผู้อื่นเลย    ดั่งสุภาษิตฝรั่งที่ว่าไว้ว่า    การที่คุณเจองานที่คุณชอบและมีความสุขแล้ว    ตลอดชีวิตนั้นคุณก็ไม่ต้องทำงานอีกเลย

2.การยอมรับความผิดสมื่อนเป็นการไถ่บาปให้ตนเอง

3.  การเรียนรู้ตนเองการรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเป็นการค้นพบชีวิตอันแท้จริง เช่นเขามีปัญหาเรื่องเงินแต่ก็อยากให้พี่สาวได้เรียนนี้ก็คือการยอมรับในสิ่งที่ตนเองต้องเผชิญ กับความลำบาก

         การที่ให้เพื่อนมนุษย์หรือคนที่เรารักมีความสุขที่สุดนั้นก็คือการเรียนรู้ชีวิตเป็นการศึกษาตนเองอีกแบบ

 

ตอบคำถามค่ะ...

1. หลังจากอ่านแล้วทำให้เห็นถึงความรัก ความเสียสละ ความสงสาร ความผูกพันธ์ ของพี่น้องที่มีให้กันแล้วก็ทำให้คิดถึงตนเองกับน้องที่ทะเลาะกันบ่อยมากจนแม่ว่าหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งทำไมในเมื่อก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆแต่ทำไมไม่มีความรู้สึกเหมือนพี่น้องคู่นี้ไม่เข้าใจกันในหลายๆเรื่องจนทำให้ทะเลาะกันบ่อยๆ อีกทั้งความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกๆ การสั่งสอนที่แม้จะรุนแรงแต่ก็ท้ายสุดเราก็จะได้รับสิ่งดีๆที่พ่อแม่หมอบให้ถ้าเราปฏิบติตามคำสอนท่าน

2. - ทำให้เห็นถึงความรักของพี่ต่อน้อง ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก

- ความเสียสละต่อกันซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจะมีต่อกันเมื่อเรามาอยู่กันในสถาณการณ์ต่างเช่น ในมหาวิทยาลัย ในหอพัก ในครอบครัว หรือแม้แต่ในห้องเรียนเดียวกัน

3. จากเรื่องที่อ่านทำให้เห็นถึงความเสียสละ และความรักของพี่กับน้อง ซึ่งตอนที่พี่สาวขโมยเงินพ่อแต่ไม่กล้ายอมรับทำให้เห็นว่าพี่สาวเป็นคนไม่กล้ายอมรับความจริง แต่น้องซึงไม่ได้ขโมยเงินไปแต่กลับรับว่าขโมยไปและรับผิดแทนพี่สาวจะเห็นถึงความเสียสละของน้อง

1.อ่านแล้วรู้สึกถึงการกระทำที่ผ่านการกลั่นกรองมาจากหัวใจที่บริสุทธิ์ของเด็กผู้ชายคนนี้ค่ะ ทำให้มองเห็นถึงรักที่จริงใจไม่ได้แสดงออกมาอย่างเสแสร้ง 2.ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ การศึกษาเปรียบเสมือนใบเบิกทางของอนาคต ในเรื่องนี้แสดงให้เห็นไว้อย่างชัดเจนว่าระหว่างพี่สาวที่ได้เรียนกับน้องชายที่โอกาศไม่เอื่อให้เรียนต่อในอนาคตมีความแต่ต่างกันอย่างมาก
อาจารย์ค่ะ ตอบแล้วมันลืมเว้นบรรทัดอ่านยากสักหน่อยน่ะค่ะ

คำตอบข้อ 3 ขอให้ยกทฤษฎี หรือ คำอธิบายจากในบทเรียนด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะเทพทุกท่าน สำหรับความพยายาม สู้สู้

หนึ่ง หมูปิ้ง

ทานข้าวรึยังคะ

ไม่เป็นไรค่ะ สีทนได้ เอ้ย..อาจารย์อ่านได้

แต่อย่าลืมเข้ามาตอบข้อ 3 ซึ่งเป็นหัวใจของวิชานี้นะคะ ฝากบอกเทพท่านอื่นๆด้วย

1.  อ่านแล้วรู้สึกว่าความรักความผูกพันธ์ของสองพี่น้องนี้เห็นว่าน้องเป็นผู้เสียสละอย่างมากเพื่อจะให้พี่สาวตนเองได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยส่วนตัวเองยอมเสียสละเพื่อจะไปทำงานเอาเงินส่งให้พี่เรียนเพื่อจะให้พี่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตจะเห็นได้ว่าความรักของสองพี่น้องนี้เป็นรักแท้ที่ไม่มีอะไรเปรียบได้

2.  ข้อคิดจากเรื่องนี้ จากที่เราทำผิดควรกล้ายอมรับผิดไม่ให้คนรอบข้างเดือดร้อนในการกระทำของเราและการเสียสละ  ความรักของพี่น้องที่มีให้กันอย่างไม่มีใครบังคับและเต็มใจ

3.  ความรู้จากบทที่4 เขาได้รู้ตนเองว่าเขาทำอะไรไม่ยึดติดกับปัญหาและความคิดของคนรอบข้างในขณะที่เขรารู้ว่าครอบครัวของเขายากจนถึงอยากจะเรียนเพียงไหนก็ยังเสียสละให้พี่เรียนแต่ก็มีความมานะในการทำงานเพื่อจะได้อายใครในตัวของเขาเอง

1.  จากที่อ่านบทความแล้วรู้สึกถึงความรักที่มีระหว่างน้องชายกับพี่สาว ความเสียสละของน้องชาย ความน่าสงสารของครอบครัวที่พบกับปัญหาความยากจน ความผูกพันธ์กันของสองพี่น้องที่รักกันมากยิ่งกว่าพี่น้องคู่ต่างๆ เทียบกับพี่น้องของเรายังรักกันไม่ได้เท่านี้เลย อยู่ใก้ลกันทะเลาะกันบ่อยมากจนพ่อกับแม่หนักใจทั้งๆก็ลำบากมาด้วยกันยังไม่ค่อยรักกันเลย

2.ข้อคิดที่พบในบทความนี้ คือ ความรักที่มีพ่อแม่มีต่อลูกซึ่งยิ่งใหญ่มาก ความรักที่น้องชายมีต่อพี่สาวที่แม้กระทั่งอนาคตของตัวเองก็แลกได้เพื่อพี่สาวของตัวเองได้เรียนต่อมีอนาคตที่ดี ความรักของพ่อแม่และของพีน้องเป็นสิ่งบริสุทธิ์และสวยงามเป็นสิ่งที่ดีและทุกครอบครัวควรจะมีไว้ เพื่อจะทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข ถ้าครอบครัวสงบสุขก็จะลดปัญหาสังคมได้ส่วนหนึ่ง

3.จากความรู้จากบทที่4 การศึกษาตนเอง เป็นการได้รู้จักตนเองว่าตนเองมีจุดบกพร่อง  หรือจุดเด่นอย่างไรเพื่อจะได้รู้ถึงปัญหาของตนเองและสามารถแก้จุดบกพร่องของตัวเราเองให้ดีขึ้นได้ และยังทำให้ได้พัฒนาตนเองเพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเกียวกับชีวิตมากขึ้น

      จากเรื่องนี้ก็เช่นการที่เข้าคิดแก้ปัญหาจุดบกพร่องของตนเองได้ และก็ช่วยให้ครอบครัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าทีแรกจะดูเหมือนเป็นการตัดอนาคตของตัวเองแต่ผลที่ออกมากับทำให้ครอบครัวก็มีความสุข แต่ทำเช่นนี้ก็ไม่แนะนำให้ทำเป็นตัวอย่าง

1.  การเสียสละที่น้องชายได้มอบให้แก่พี่สาวในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงความรักคือการให้

ให้สิ่งที่ดีต่อกันซึ่งทำไปด้วยความจริงใจโดยไม่หวังผลตอบแทนที่จะได้รับกลับคืนมาเลย  เป็นการแสดงถึงความรักความผูกพันธ์ของสองพี่น้องที่นับวันยิ่งจะมีความแน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากสองพี่น้องเข้าใจความรู้สึก  มอบความรัก  ความจริงใจที่ดีให้กันมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้ว่า น้องชายเลือกที่จะไม่เรียนทั้งที่ตัวเองก็เรียนเก่งไม่น้อยไปกว่าพี่สาวเลยแต่กับเลือกทางเดินใหม่ไปเป็นกรรมกรแบกหามทำงานเพื่อที่จะเอาเงินมาส่งให้กับพี่สาวตัวเองเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าความรักของบุคคลผู้นี้เป็นความรักที่เสียสละ  เสียสละทั้งการเรียน  หยาดเหงื่อ  แรงใจเพื่อที่จะให้คนที่ตัวเองรัก  พ่อแม่สบายและโดยเฉพาะพี่สาวจะได้มีอนาคตที่ดี

2.  ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ  การเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยความจริงใจ  เพื่อคนส่วนรวมเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงบุคคลที่เป็นคนดีมีจิตใจที่งดงาม

    3.   ความรู้จากบทที่4

         การที่คนเราค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองจนเจอว่าความจริงแล้วเราต้องการที่จะทำอะไร ที่สำคัญต้องเป็นงานที่เราถนัดสามารถที่จะทำได้ทำแล้วเรารู้สึกสบายใจ  มีความสุขกับงานที่ทำและต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์กับสิ่งที่กำลังทำอยู่  

         เมื่อเราค้นพบว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เราต้องการจะทำไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน  ถ้าเราใช้เหตุผลคิดไตร่ตรอง  ทำไปด้วยใจรัก  เอาใจใส่ในงานหรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำ มีความพยายาม  อดทนต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ  รู้จักที่จะคิดแก้ปัญหา  แค่นี้ก็จะทำให้เรามีอนาคตที่ดีประสบความสำเร็จมากพอแล้ว

  

1. จากการที่ฉันได้อ่านทำให้ฉันได้เห็นถึงความเสียสละ ความผูกพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้  ว่าเขามีความรักความผูกพันธ์กันแค่ไหน อีกทั้งความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเขาทั้งสองคน ถึงแม้พ่อจะสั่งสอนรุนแรงต่อลูก สุดท้ายก็ได้รับสิ่งดีๆกลับมาจากการที่พ่อสั่งสอน

2. ข้อคิดจากเรื่องนี้ทำให้เห็นถึงความรักของน้องที่มีต่อพี่ และความเสียสละที่ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน

3. จากเรื่องที่อ่านทำให้เห็นถึงความรักความเสียสละความผูกพันธ์ ที่ทั้งสองมีให้กัน เช่น ตอนที่พี่สาวของเขาขโมยเงินของพ่อ พี่สาวของเขาไม่ยอมรับผิดแต่น้องชายของเขาซึ่งไม่ได้ขโมยกลับยอมรับผิดเอง นี่คือความเสียสละที่น้องชายมีต่อพี่สาว

 

1. จากการที่ได้อ่านทำให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้ ว่าเขามีความรักความผูกพันธ์กันแค่ไหนและชีวิตครอบครัวของเขามีความยากลำบากแค่ไหนในการที่จะฝ่าฟันชีวิตไปแต่ละวันแต่ทุกคนก็ไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก

2. ข้อคิดจากเรื่องนี้ ทำให้เห็นความรักของน้องที่มีต่อพี่และความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก

3. การที่ได้อ่านทำให้เห็นความรักความผูกพันธ์ความเสียสละ เช่น  ตอนที่พี่สาวได้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็เกิดจากการเสียสละของน้องชายที่มีต่อพี่สาว

ทานข้าววันล่ะหลายๆมื้อค่ะอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่า.........

คิดถึงอาจารย์น่ะค่ะ.........ฮิ้ว

1.รู้สึกถึงความผูกพันของพี่น้องที่มีความรักและความเสียสละเพื่ออนาคตของพี่สาวและคิดว่ายังมีอีกหลายครอบครัวที่มีเหตุการเช่นนี้ แต่จะมีสักกี่ครอบครัวที่จะเจอพี่น้องที่รักใคร่กันขนาดนี้ที่ยอมเสียสละให้พี่สาวได้เรียนต่อ 2.ข้อคิดที่ได้คือ ความเสียสละและความกตัญญูเป็นสิ่งที่ควรเอาเป็นตัวอย่าง

หนึ่ง  หมูปิ้ง ทานข้าวเผื่ออาจารย์บ้างนะคะ .........

อาจารย์ก็คิดถึงพวกหนูเหมือนกันค่ะ.........ฮิ้ว

นักศึกษาคะขอบคุณมากค่ะที่พยายามเข้ามาตอบคำถาม  ...

'จารย์ อยากเชิญชวนเข้าไปชม ที่นี่ค่ะ (คลิก)

เป็นวิชาพฤติกรรมมนุษย์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ค่ะ ที่กรุณาจัดทำวิชานี้ online ทั่วประเทศ

1.จากข้อความที่ได้อ่านมันซึ้งมั๊กๆรู้สึกว่าน้องชายเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงอดทนทุกอย่างเพ่อให้พี่ของตนเองได้เรียนต่อและมีความสุข

2.ถึงแม้นตนเองจะไม่ได้เรียนแต่ขอให้คนที่เขารักได้มีชีวิตที่สบายเขาก็มีความสุข

3.น้องชายเขาไม่ต้องการชื่อเสียง ยศ หรือตำแหน่งใดที่ได้มาจากการที่ไม่สมศักดิ์ศรี

4.เขามีความผูกพันธฺกันมากแสยสละเพื่อช่วยเหลือกันและกัน

1.อ่านแล้วรู้สึกว่าความผูกพันธ์ที่พีน้องมีให้กันมันเป็นความรู้สึกที่เป็นความรักความเข้าใจความเสียสละที่ยิ่งใหญ่น่าอิจฉาพวกเขาจริงๆ

2.ข้อคิดที่ได้คือ ความรักและความเสียสละที่ยิ่งใหญ่

3.เขารู้จักหาจุดเด่นและจุดด้อยของเขาและสามารถปรับตัวได้

1.เมื่ออ่านแล้วรู้สึกถึงความรักความห่วงใยระหว่างพี่สาวกับน้องชาย ซึ่งเมื่อครั้งหนึ่งเมื่อเดินทางกลับบ้านน้องชายทำถุงมือข้างหนึ่งหายพี่สาวเลยให้ถุงมือน้องชายใส่ทำให้พี่สาวมือบวมเพราะอากาศหนาวไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ทำให้น้องชายสาบานกับตนเองว่าจะดูแลพี่สาวให้ดีที่สุด ซึ่งน้องชายก็สามารถทำได้จริงๆ เสียสละให้พี่สาวได้เรียนต่อแล้วน้องชายต้องไปทำงานส่งเงินมาให้พี่ทำเพื่อพี่ได้ทุกอย่างโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นสิ่งที่ควรนำมาเป็นแบบอย่าง

2.ข้อคิดที่ได้คือความรักที่บริสุทธิ์และความหวังดีที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด

3.จากบทที่4 น้องชายรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองและรู้จักพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นพี่สาวก็รู้จักจุดบกพร่องของตนเองที่ไม่กล้ายอมรับความจริงทำให้น้องชายต้องโดนตี

1. อ่านแล้วรู้สึกว่าพี่น้องคู่นี้มีความรักความผูกพันธ์กันมาก น้องชายเสียสละรับความผิดแทนพี่ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้ทำผิดเลย และถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อแต่ก็ให้พี่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัยและมีงานทำ และส่งเงินมาให้เป็นการศึกษาของพี่และครอบครัว และทำทุก ๆ อย่างเพื่อพี่มาโดยตลอด คนแบบนี้น่าเอาเยี่ยงอย่างบางคนถึงจะไม่มีพี่น้องก็ควรจะทำประโยชน์ต่อบุปการีบ้างอย่าให้ท่านต่อลำบาก " ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน  พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้" จากประโยคนี้ทำให้เห็นถึงความรักความเสียสละของพ่อแม่ทีมีต่อลูกทั้ง 2 คน บางครั้งน้องชายอาจมีท้อแท้ในชีวิตบ้างแต่เขาก็ไม่ได้หมดความพยายามที่จะทำ เคนแบบนี้หน้าเอาเยี่ยงอย่างมาก ถ้าเรื่องนี้เป็นชีวิตจริงแล้วละก็น่าอิจฉาพี่ทีสุดเพราะมีน้องชายที่แสนดีอย่างนี้ทำให้พี่ได้ทุกอย่างเลย อย่างนี้รักตาย

2. คนที่ทำความผิดก็ควรที่จะรับโทษไม่ใช่ให้คนที่ไม่ได้ทำความผิดมารับโทษแทน เห็นถึงความรักของพี่กับน้อง ความรักของพ่อ-แม่มีต่อลูก  และความเสียสละ ของน้อง ขนาดน้องอายุน้อยกว่าพี่แต่มีความคิดความอ่าน ความพยายาม ความเสียสละมากกว่าพี่เสียอีก

3. จากบทที่ 4 ได้เห็นถึงความเข้าใจตนเองและผู้อื่นรู้จักตนเองและยอมรับตนเอง ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ ก็สามารถรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนและผู้อื่น บุคคลที่มีความจริงใจ จะสามรถสัมผัสความรู้สึกและความต้องการของตนเองและผู้อื่นได้ 


  

1. อ่านแล้วรู้สึก ประทับใจ กับพี่น้องคู่นี้มากที่พี่น้องมีความรักความห่วงใยให้แก่กันและมีความผูกพันธ์กัน ถึงแม้พี่สาวจะแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ตามแต่ก็ไม่เคยลืม และ ทอดทิ้งน้องชายและพ่อแม่ของตนเองและประทับใจน้องชายในวัยเด็กที่มีความเสียสละยอมรับผิดแทนพี่สาวและยอมทิ้งอนาคตของตนเองเพื่อให้พี่สาวได้เรียนต่อส่วนตนเองก็ทำงานเพื่อหาเงินส่งให้กับพี่สาวของตนเองและน้องชายเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายถึงแม้จะแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ตามแต่คนที่เขารักที่สุดก็คือพี่สาวของเขา

2. ความเสียสละ เป็น สิ่งที่ดีถ้าเรารู้จักเสียสละให้กับผู้อื่นเราก็จะได้สิ่งที่ดีๆตอบคืนมา เช่น น้องชายได้รับความรักความหว่งใยจากพี่สาว ส่วน พี่สาวก็ได้รับความรักความห่วงใยจากน้องชายเช่นกันและพี่สาวยังเป็นคนที่น้องชายรักมากที่สุดในชีวิตมากกว่าภรรยาของเขาเสียอีก

3. ความรู้จาก บทที่ 4  จากการศึกษาตนเองทำให้ตนเองสามารถรู้จัก จุดเด่น จุดด้อย ของตนเอง เช่น พี่สาวที่มีจุดด้อย คือ การที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ส่วนน้องชายมี จุดเด่น คือ มีความเสียสละยอมรับผิดเเทนพี่สาว ยอมทิ้งอนาคตของตนเองเพื่อให้พี่สาวได้เรียนต่อ

คิดถึงอาจารย์ค่ะ อย่างได้เกรด สวย ๆ ค่ะ

1. อ่านแล้วรู้สึก ถึงความรักความห่วงใยระหว่างพี่สาวกับน้องชายและความผูกพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้ที่น้องชายมีความเสียสละยอมรับผิดแทนพี่สาวและยอมให้พี่สาวได้เรียนต่อจนจบซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากๆ

2. อยากให้พี่มีความเสียสละให้น้องชายได้เรียนส่วนตนเองก็มาทำงานแทนน้องชายเพราะในฐานะพี่ต้องมีความเสียสละให้กับน้อง

3. จากบทที่ 4 ทำให้รู้จักความเสียสละ รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองและรู้จักตัวตนของผู้อื่น เห็นความรักที่พ่อ แม่ มีให้แก่ลูก

1.เมื่อได้อ่านข้อความข้างต้นแล้วรู้สึกว่าประทับใจของพี่น้องคู่นี้มากที่มีความรักกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ซึ่งเป็นความรักที่น้องชายมีให้กับพี่สาวของตัวเองดูแล้วรู้สึกว่ามันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มหาศาลซึ่งน้อยคนนักที่จะรักกันและเสียสละได้ถึงเพียงนี้แม้แต่การเรียนซึ่งเป็นอนาคตของตัวเองยังสามารถเสียสละให้กับพี่สาวที่ตนเองรักมากได้ 2.ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ ความรักของพ่อและแม่ที่มีให้กับลูกทั้งสองที่อยากให้ลูกทั้งสองมีการศึกษาที่สูง ความรักและความเสียสละของน้องชายที่มีให้กับพี่สาวอย่างจริงใจและไม่หวังสิ่งตอบแทนแม้พี่สาวจะยื่นโอการที่ดีให้ก็ตาม ได้เห็นความขยันอดทนต่อการทำงานของน้องชายที่จะทำงานหาเงินส่งให้พี่เรียนหนังสือจนจบ 3.จากบทที่4 การศึกษาตนเอง การที่เราคนพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเราของตัวเองจะทำให้เราเข้าใจตัวเองทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคมซึ่งจะนำไปสู่การยอมรับการปรับปรุง การพัฒนาตัวเอง และพัฒนาความสัมพันที่ดีต่อกัน เมื่อเราค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเราแล้วจะทำให้เราจะทำให้เรานั้นสนุกกับสิ่งที่เราทำไม่ว่าสิ่งที่เราทำนั้นจะมีอุปสรรคแค่ไหนก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคนั้นไปได้ด้วยดีและจะทำให้ตัวเรารู้สึกสนุกกับงานที่ทำเพราะเราได้เลือกแล้วว่ามันคือตัวตนที่แท้จริงของเราจะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้ดี และทำให้ตัวเราประสบความสำเร็จกับงานที่ตนเองนั้นชื่นชอบ

1. ตอนที่อ่านเรื่องรู้สึกว่าความรักความห่วงใยความเสียสละของพี่สาวกับน้องชายคู่นี้ดูว่าจะมีให้กันโดยตลอดมาซึ่งน้องชายจะเป็นคนที่รักและเป็นห่วงพี่สาวของตนเองตลอดจะเห็นได้จากการที่โดนตีเพราะพี่สาวขโมยเงินไปซื้อผ้าเช็ดหน้าแต่ก็ต้องมาโดนตีซึ่งตนเองไม่ได้ทำและก็ยังเสียสละเพื่อที่จะให้พี่สาวของตนเองเรียนและก็ยังเป็นห่วงพี่ว่าแฟนมาบ้านครั้งแรกต้องทำให้แฟนของพี่สาวประทับใจจึงต้องมาเปลี่ยนกระจกทำความสะอาดบ้านเพื่อพี่สาวของเขาเองโดยที่น้องชายไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้นและพี่สาวของเขาก็จะเป็นคนที่เป็นห่วงน้องชายเหมือนกันเห็นได้จากที่จะให้น้องของตนเขาทำงานบริษัทได้เป็นนายใหญ่โตแต่น้องชายกลับไม่รับตำแหน่งและดูได้จากการเสียสละของพี่สาวที่ให้ถุงมือน้องชายในเวลาที่หนาวที่สุดข้าพเจ้ารู้สึกว่าการที่พี่น้องทั้ง2คนมีความรักความห่วงใยความเสียสละให้กันย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอและเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้ง2รู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกันทำให้รู้ว่าการที่จะสบายต้องผ่านความลำบากมาก่อนทั้งสิ้น

2. ข้อคิดที่ได้คือทำให้เห็นถึงความรักความเสียสละความห่วงใยของทั้ง2พี่น้องคู่นี้ว่าการเสียสละให้ใครซักคนหนึ่งซึ่งเขาคนนั้นเป็นคนที่เรารักทำให้เขามีควาสุขได้และก็ทำให้เขาคนนั้นมีความสุขได้เราก็ควรทำในสิ่งนั้น

3.         จากเรื่องนี้จะโยงเกี่ยวกับบทที่4ได้ว่าน้องชายเป็นผู้ที่ค่อยให้ความช่วยเหลือและเป็นผู้เสียสละและเป็นผู้ที่เห็นตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้โดยที่ไม่ต้องมีผู้ใดมาบอกว่าให้ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นว่าเรียนมาแค่ไหนควรทำงานอย่างไรไม่ใช่เป็นคนที่จะเห็นแก่ตัวจะเอาแต่ตำแหน่งที่ดีดีแต่ไม่มีความรู้เลย

             ส่วนพี่สาวก็จะมีจุดบกพร่องของตนเองคือไม่กล้ายอมรับความผิดที่ตนทำน้องต้องมายอมรับแทนแต่ก็ยังมีการพัฒนาตนเองขึ้นมาและยังมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมีความเสียสละอยู่แล้วในการช่วยเหลือนั้นก็ช่วยให้น้องชายได้มีงานที่ดีทำแต่น้องนั้นไม่สามารถรับความช่วยเหลือของพี่สาวเองและในการเสียสละคือตอนที่ให้ถุงมือกันหนาวให้น้องซึ่งเป็นการที่ให้ทั้ง2มีความรักกันช่วยเหลือกันภายในครอบครัวทำให้ครอบครัวมีความสุขได้

 

ตอบคำถามนะค่ะ ข้อ1 มีความรู้สึกว่าประทับใจในการเสียสละและความรักของสองพี่น้องคู่นี้แม้บางครั้งการที่เราเป็นผู้เสียสละเพื่อให้คนที่เรารักได้ประสบความสำเร็จแต่เราจะต้องเป็นผู้สูญเสียโอกาสอันนั้นไปมันก็อาจทำให้เรามีความสุขกับการประสบความสำเร็จของคนที่เรารักโดยที่เรายืนมองความก้าวหน้าของเขาอยู่ข้างหลังและเราเองก็มีส่วนเป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวหน้าและน้องชายเองก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองว่าสิ่งไหนคือตัวตนที่แท้จริงสิ่งไหนที่เป็นตัวตนในอุดมคติ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ข้อ2 ข้อคิดจากเรื่องนี้คือ การที่เราได้ให้อาจจะมีความสุขกว่าการที่เราได้รับ แม้บางครั้งเราจะต้องสูญเสียบางอย่างไปแต่สักวันจากการที่เราเป็นผู้ให้อาจจะเปลี่ยนมาเป็นผู้รับ เพียงแต่วันนี้เราทำให้ดีที่สุด พึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ แล้วชีวิตจะมีความสุข ข้อ3 จากบทเรียนบทที่4เรื่องเรื่องการศึกษาตนเอง จุดมุ่งหมายของบทนี้คือ ให้เรามีความเข้าใจในตนเองทุกๆด้านทั้งทางด้านสังคม ทางร่างกาย อารมณ์สติปัญญาและสังคมทำให้เรารับรู้จุดบกพร่องของตนเองสิ่งที่เป็นจุดเด่นจุดด้อยของตังเองเพื่อนำมาพัฒนาตนเองทำให้เราได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ตัวเราเป็นและสิ่งไหนที่ไม่ใช่ตัวเราถ้าเราสามารถรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้เราก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่ถ้าเรายังยึดติดกับตัวตนในอุดมคติคิดทะเยอทะยานคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขเพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา จากเรื่องที่ได้อ่านตัวน้องชายจะเป็นคนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ รู้จักการเสียสละไม่ทะเยอทะยานทำให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ส่วนตัวพี่สาวก็เป็นที่ไม่กล้าจะยอมรับความจริงแต่ก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงว่าตัวเองเป็นใครไม่ทะเยอทะยานไม่ลืมพ่อแม่ไม่ลืมน้องชาย รู้ว่าตัวเองมาจากจุดไหน
1.อ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งในความรักของครอบครัวนี้มากๆเพราะทุกคนต่างรักใคร่กันดีและรู้สึกยกย่องน้องชายที่ยอมเสียสละให้พี่สาวคนเดียวของเขาได้เรียนหนังสือแถมตัวเองยังยอมเสียสละหนีออกจากบ้านไปทำงานเก็บเงินส่งพี่สาวของเขาเรียนจนจบโดยไม่เสียดายโอกาสที่เขาก็จะได้เรียนเหมือนกันและเมื่อพี่สาวของเขาเรียนจบแล้วเขาก็ยังคอยดูแลเป็นห่วงพี่สาวของเขาทุกอย่างพอรู้ว่าพี่สาวจะพาแฟนมาที่บ้านเขาก็รีบกลับมาจากที่ทำงานเพื่อทำความสะอาดบ้านเพื่อสาวของเขาจะได้ไม่อายและแฟนพี่เขาจะได้ไม่รังเกียจพี่สาวของเขาซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องชายทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลยขนาดพี่เขยของเขาได้ตำแหน่งเป็นประธานบริษัทและพี่สาวของเขาก็อยากให้น้องชายของเขาทำงานในตำแหน่งที่ดีจึงจะให้น้องชายมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแต่น้องชายของเขาไม่ขอรับตำแหน่งนี้เพราะกลัวคนในบริษัทจะนินทาพี่เขยและพี่สาวของเขา ทำให้เห็นว่าการทำดีหรือเสียสละนั้นไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทนเสมอไป 2.ทำให้ดิฉันรักครอบคัวมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะดิฉันมีพี่สาวและพี่ชายทำให้รู้ว่าพี่รักเรามากขนาดไหนถึงแม้พี่เขาจะไม่เคยพูดก็ตามว่ารักเราแต่จากการกระทำของเขาก็บอกอยู่แล้วว่าเขารักและเป็นห่วงน้องคนนี้เสมอและที่สำคัญการเสียสละไม่จำเป็นที่จะต้องหวังสิ่งตอบแทนกลับมา 3. จากบทที่ 4 ทำให้มีการรู้จักกับตัวเองบางที่เราก็ยังไม่รู้จักตัวเองดีพอทำให้เรารู้จักตัวเองดีขึ้นและทำให้รู้ว่าบางที่ปัญที่เกิดมันเกิดจากตัวเราเอง เช่น ที่อาจารย์ให้ทำโครงงานพัฒนาตนซึ่งจะเป็นการทำให้เรารู้จักสำรวจตัวเอง จุดเด่น จุดด้อยของตัวเองในสายตาของตัวเองและผู้อื่นและทำให้รู้จักวิธีการปรับพฤติกรรมของตนเองว่ามาจากสาเหตุอะไรและเทคนิคในการปรับพฤติกรรมตน
ตอบคำถามข้อ 3 จากความรู้ในบทที่ 4 การศึกษาตนเองแสดงถึงความเข้าใจตนเองและผู้อื่นได้ดี คือน้องชายสามารถที่จะรู้ว่าจุดอ่อนของครอบครัวตัวเองคือพ่อแม่มีปัญหาเรื่องเงินที่จะส่งเสียให้ทั้งสองคนได้เรียนต่อแต่น้องชายก็มีความเข้าใจพ่อแม่เลยตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อทำงานแล้วส่งเงินให้พี่สาวได้เรียนต่อ การตัดสินใจของน้องชายก็สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้เรียนต่อกลับต้องไปทำงานได้รับความยากลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยอาจจะมีท้อบ้าง จากเรื่องนี้ก็สรุปคือ น้องชายสามารถที่จะเข้าใจตนเองและผู้อื่นได้และยอมรับตนเองสามารถที่จะรู้จุดอ่อนจุดแข็งของครอบครัวตัวเองเป็นความรู้สึกด้านคุณสมบัติ รูปสมบัติ และสมบัติแวดล้อมอื่นๆประกอบเข้าเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา

1. ความรู้สึก เมื่ออ่านตอนต้นเรื่องรู้สึกว่าทำไมพี่สาวจึงเห็นแก่ตัวจัง ทำไมปล่อยให้ความกลัวเข้าครอบงำ ไม่กล้าบอกความจริงกับพ่อ ให้น้องชายต้องรับผิดแทนจนโดนพ่อตี แต่เรื่องนั้นก็ทำให้พี่สาวรู้สึกผิด กลายเป็นเรื่องที่ฝังใจ ทำไมน้องชายจึงเสียสละได้มากขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกได้ถึงความรักที่พี่น้องมีต่อกัน รู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก ต้องการให้ลูกเป็นคนดี ได้เรียนหนังสือ แต่พออ่านจบเรื่องจึงรู้ว่าเหตุที่น้องชายมีความเสียสละ ก็เนื่องมาจากน้องชายได้รับความเสียสละนั้นจากพี่สาวก่อน

 

2. ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ คือ         

-การรู้จักการเสียสละ

-การเป็นคนดีไม่ได้วัดจากการมีการศึกษาสูง แต่วัดจากตัวตนของคน ความรู้สึกนึกคิดตลอดจนการกระทำ

-ได้รู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก

-ยอมรับสภาพของคนที่เรารักได้แม้ว่าเขาจะมีสภาพอย่างไร

-การรักใครสักคนต้องรักคนที่เขารักด้วย

-การมีความกตัญญู เช่นตอนที่พี่สาวได้ดีก็จะรับพ่อแม่และน้องชายมาอยู่ด้วย

 

3.จากเรื่องสามารถโยงเข้าบทที่ 4 ได้ คือ

            การรับรู้ตัวตนที่เป็นกับตัวตนในอุดมคติคล้ายกัน เป็นผลให้บุคคลนั้นสามารถปรับตัวไปในทางที่ดีได้ คือน้องชายสาบานกับตนเองว่าตลอดชีวิตจะดูแลพี่สาวให้ดีและจะทำดีกับเธอ และเขาก็สามารถทำได้ดังที่สาบานไว้ด้วย

             น้องชายมีลักษณะของผู้ที่เห็นคุณค่าแห่นตนในระดับสูงคือ

-สามารถจัดการกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ โดยไม่อยู่กับความซึมเศร้าหรือโกรธแค้น เห็นได้จากตอนที่ยอมรับผิดแทนพี่สาว จนโดนพ่อตี

-เป็นบุคคลที่สามารถให้และรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้

             การศึกษาบุคคลจากประวัติการพัฒนาและผลงาน ศึกษาจากสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้สอดคล้องกับ สิ่งแวดล้อมภายหลังการคลอด ก็คือการเลี้ยงดูพี่น้องคู่นี้ได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ ตลอดจนการอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ดีๆแก่ลูก การต้องการให้ลูกได้เรียนหนังสือ

 

อ.โอ๋ผมกลับมาตอบข้อที่สาม เพื่อให้เข้าใจในตนเองโดยรวมทุกด้าน เช่นทางด้านจิตใจ สังคม รวมไปถึงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น อันจะนำไปสู่การยอมรับ การปรับปรุง และพัฒนาความสัมพันธ์อันดีต่อกัน สำหรับในเรื่องนี้ที่ได้อ่านก็จะกล่าวในเรื่องปัจจัยที่ส่งเสริมความเข้าใจตนเองและผู้อื่นที่สำคัญ ได้แก่อัตมโนทัศน์ การเห็นคุณค่าแห่งตน และการเปิดเผยตนเอง

       อ่านแล้วรู้สึกถึงความรักของน้องที่มีต่อพี่ ความเสียสละ  ความภาคภูมิใจของความรักระหว่างสายเลือด ที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ห่วงใยซึ่งกันและกันเสมอถึงแม้จะมีอุปสรรค์ใด ๆ ก็ไม่เคยย่อท้อ และสู้ต่อไป

       ข้อคิดที่ได้คือความรัก  ความเสียสละที่น้องชายมีให้กับพี่สาว  น้องชายอดทนทำงาน อดทนต่อความรำบากเพื่อให้พี่สาวประสบกับความสำเร็จ

       บทที่ 4 การศึกษาตนเองทำให้รู้ตัตนที่แท้จริง และตัวตนในอุดมคติ  รู้จักการสร้างความเข้าใจตนเองและผู้อื่น  ศึกษาบุคคลด้วยวิธีการทางจิตวิทยา  พฤติกรรมและคุณลักษณะที่สมบูรณ์

สวัสดีค่ะนักศึกษาทุกท่าน

อนาคตของไทย...สวยงามจริงๆค่ะ

รักนะเด็กสู้ !!!

piglet 'จารย์ก็คิดถึงหนูและอยากให้หนูและเพื่อนได้เกรดสวยๆ เหมือนกันจ้ะ

 - รุ้สึกคล้ายชีวิตจริงเพระข้าพเจ้ามีน้องชายด้วยแต่ในเรื่องนี้พยายามสอนให้พี่น้องรักและเสียสละให้กันสามารถทำทุกอย่างให้คนที่เรารักได้เสมอและยังจะสอนให้เราเป็นคนดีไปตลอดชีวิต

 - สอนให้เราเป็นคนเสียสละให้คนอื่น

 - ทำให้เรารู้จักตนเองมากขึ้น

ตอบคำถามค่ะ

1.ซึ้งใจในความรักที่น้องชายมีให้กับพี่สาวซึ่งมันจะทำให้เรามองย้อนกลับมาที่ตัวเราว่าเรามีความรักเช่นนี้ให้กับพี่สาวของเราหรือไม่ และทำให้มีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นพี่เป็นน้องกัน

2.ความรักของพี่น้องร่วมสายเลือดเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถเสียสละแม้กระทั่งชีวิตให้กันได้

3.ทำให้รู้ว่าเรามีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหน  และรู้จักตนเองมากขึ้น 

1.มีความรู้สึกซาบซึ้งในความรักที่สองพี่น้องนั้นมีต่อกัน  น้องชายยอมเสียสละเพื่อให้พี่สาวได้มีอนาคตที่ดีโดยที่ตัวเองนั้นกลับไปเป็นกรรมกรทำงานหนักเพื่อให้พี่ได้เรียนต่อมหาลัย   และเมื่อได้อ่านข้อความนี้จบทำให้ดิฉันคิดถึงน้องชายของดิฉัน รู้สึกรักน้องชายมากขึ้นค่ะ

2.ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือการเสียสละและความรักของพี่และน้องที่มีให้กัน

3.จากเรื่องถ้าเรานำมาศึกษาตัวเองเราจะรู้ว่าน้องชายนั้นเป็นคนที่มีสติปัญญารอบคอบ  ยึดมั่นในอุดมคติของเขา   รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรที่จะไม่ทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท