"ทางบนภูเขา" ... (การเดินทางในจิตใจ : บทตริตรองชีวิตและธรรมชาติ)


คนเดินภูเขารู้ดีว่า ความอ่อนแอเป็นพี่ชายคนโตของความหวาดกลัว โดยมีความล้มเหลวเป็นน้องคนสุดท้อง

"ทางบนภูเขา" คงเป็นอีกบทหนึ่งจากหนังสือ "การเดินทางในจิตใจ : บทตริตรองชีวิตและธรรมชาติ" ของอาจารย์ธีรยุทธ บุญมี อดีตผู้นำนักศึกษาสมัยตุลา 16 ที่เมื่ออ่านเข้าไปลึกเรื่อย ๆ ของหนังสือเล่มนี้แล้ว หัวใจเราจะค้นพบอะไรบางอย่าง เราอิ่มเอิมใจ ซาบซึ้งใจในมุมมองของอาจารย์ที่ทำให้เราได้เห็น

(ไม้ยืนต้น - ทางบนภูเขา - ความว่างเปล่ากับชีวิตบนทุ่งหญ้าทัสส็อค - แสงบนแม่น้ำเงา - ความสงบในลมหนาว - ฝน - สวนหินในเกียวโต - แกรนิตและปุ่มสน - ทางเดินของชีวิต - ฝน กับความหลัง - คนรักธรรมชาติ - การแสวงหาความจริงสุดท้าย)

 

ลองติตตามอ่านมุมมองของอาจารย์ดูนะครับ ...

 

 

 

ทางบนภูเขา

 

 

(http://www.gotoknow.org/blog/travel-stories/234359)

 

 

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าบนภูเขานั้นเหงา

แต่ในความจริง ภูเขามีเส้นทางมากมายกว่าที่ผู้คนคาดคิด

มีเส้นทางเก่าแก่ที่ไม่รู้ว่าเป็นของคนยุคใด เส้นทางของพ่อค้า ขบวนล่อหรือม้าต่าง เส้นทางที่ชาวบ้านเดินติดต่อกัน และเส้นทางของสัตว์ป่าตัดทับไปมา

บางเส้นทางเป็นทางขนาดใหญ่เพราะมีผู้ใช้ร่วมกันมาก บางเส้นทางเล็กแคบเพราะเป็นเส้นทางเฉพาะของแต่ละคน บางเส้นดูลึกลับมีเล่ห์เหลี่ยมเพราะเป็นทางที่ผู้ล่าใช้ดักซุ่มเหยื่อ

ด้วยเหตุนี้ ภูเขาที่เปล่าเปลี่ยว จึงยังบอกกับเราว่าทุกชีวิตมีเส้นทางของตน แต่ก็อาจตัดทับกันจนสับสน อาจจบกันโดยบังเอิญ แต่แยกจากไปโดยเจตนา อาจเปี่ยมด้วยเพื่อนร่วมทาง หรืออาจเดินไปอย่างโดดเดี่ยว

 

การเดินทางของชีวิตเช่นเดียวกับการเดินทางบนภูเขา ช่วงก่อนถึงจุดหมายปลายทางมีคนไม่น้อยที่มักหวั่นไหว พวกเขากลัวทางแยก วิตกกับความมืด หวาดผวากับสิ่งที่ไม่รู้จัก และกลัวเกรงกับการผิดพลาด

แต่คนเดินภูเขารู้ดีว่า ความอ่อนแอเป็นพี่ชายคนโตของความหวาดกลัว โดยมีความล้มเหลวเป็นน้องคนสุดท้อง

ผมเคยเดินทางบนภูเขามานานหลายปี บางครั้งใช้เวลาวันเดียว บางครั้งใช้เวลาเป็นสิบวัน บางครั้งฝนตกมืดครึ้มติดต่อกันจนเกือบมองไม่เห็นทาง แต่ทุกครั้งจะต้องพบรอยชาวบ้านดักสัตว์ ตัดฟืน ต้องเจอะเจอไร่ข้าว ไร่ข้าวโพด ที่พอจะนำเราไปตามทางเข้าหมู่บ้านเพื่อแวะพักหรือถามไถ่ทาง

ปัญหาที่แท้จริงคือ การไม่รู้จักจบสิ้นของเส้นทางบนภูเขา เช่นเดียวกับที่ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของเส้นทางชีวิต

 

คุณอาจจะปีนป่ายอย่างเหนื่อยล้ากว่าจะถึงยอดเขาสักลูก เพื่อพบว่า ยังมียอดเขาที่สูงกว่าถูกปิดบังซ่อนเร้นอยู่อีก เช่นเดียวกับที่ไม่มีจุดไหนของชีวิตที่จะมั่นใจว่า คุณทุกข์อย่างที่สุดแล้ว สุขอย่างที่สุดแล้ว หรือเมื่อคุณพบกับความสมหวัง ความผิดหวังก็อาจจะตามมา เหมือนสู่จุดสูงก็ต้องไต่ทางลงต่ำ ภูเขาให้ความเข้าใจถึงลักษณะสัมพัทธ์นี้อย่างชัดเจนที่สุด

ผมเองก็เคยเหนื่อยล้ากับการไต่ไปบนเส้นทางภูเขาและชีวิตที่ไม่รู้จักจบสิ้น แต่ภูเขาก็มีคำตอบบางอย่างให้กับชีวิตผม

ภูเขาทุกลูกจะมีทางขึ้นสู่ยอดเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ทางจำเป็นจะต้องเดินผ่าน หลายครั้งผมเคยตามทางเก่าแก่ที่แยกจากทางใหญ่ แล้วพบว่า มันไปจบลงตรงชะง่อนหินริมผา ทั้งหมดเพียงเพื่อจะให้เจ้าของทางได้ชมวิวในมุมกว้างที่งดงามที่สุด

ราวกับจะบอกว่า ความงามก็เป็นสาระสำคัญของเส้นทางเดินของมนุษย์

 

ภาพเขียนของจีนสมัยราชวงศ์ซ่งและถัง มักเป็นมุมมองจากที่สูงและเห็นภูเขาในหมู่หมอก เป็นหลืบซ้อนกันไปไม่รู้จักจบสิ้น อาจมีชายชรานั่งอยู่ในเก๋งเก่าแก่ หรืออาจมีชายแก่ตกปลาอยู่เดียวดาย

ศิลปินในยุคนั้นพยายามบ่งบอกสิ่งเดียวกันกับเราว่าจุดมุ่งหมายของภาพเขียนไม่ใช่มนุษย์หรือภูเขา หากเป็นความเวิ้งว้างอันงดงาม ซึ่งแม้แต่อัตตาของศิลปินก็ถูกกลืนหายไป

และคงเป็นด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่สถานบำเพ็ญธรรมของพระทิเบตซึ่งแม้จะอยู่บนภูเขาหิมาลัยก็ยังต้องเลือกอยู่จุดที่ปะทะกับความว่างที่กว้างไกล เช่นเดียวกับพระสงฆ์หรือฤาษีในอดีตพยายามตัดทางขึ้นไปสู่ยอดเขา เพื่อสร้างพระธาตุบนดอยสุเทพ สำนักสงฆ์บนดอยภูพระบาท ปราสาทพนมรุ้ง

... 

ท่านมุ่งหวังให้มนุษย์ตระหนักถึงสาระของความงามในชีวิต และอาจหวังให้คนไปจาริกแสวงบุญได้ตระหนักว่า ตัวตนนั้นเป็นเหมือนละอองธุลี ท่ามกลางความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่

...

 

 

 

ไฮ-คลาส ปีที่ 9 ฉบับที่ 104 ธันวาคม 2535 หน้า 222 - 223

 

...........................................................................................................................................................

 

"การเดินทางของชีวิต" เช่นเดียวกับ "การเดินทางบนภูเขา" ช่วงก่อนถึงจุดหมายปลายทางมีคนไม่น้อยที่มักหวั่นไหว พวกเขากลัวทางแยก วิตกกับความมืด หวาดผวากับสิ่งที่ไม่รู้จัก และกลัวเกรงกับการผิดพลาด

 

เรามักจะกลัวสิ่งที่ยังมาไม่ถึงก่อนเสมอ หากเราละความวิตกกังวลตรงนั้น เราอาจจะมีความสุขใจมากขึ้นกว่าที่เป็น

 

มุมมองของชีวิตกับธรรมชาติที่งดงามในจิตใจ

เป็นความรู้สึกที่แทบไม่ต้องมีบทสรุปใด ๆ อีก

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)

 

...........................................................................................................................................................

 

ขอบคุณหนังสือเพื่อชีวิต

 

 

ธีรยุทธ บุญมี.  การเดินทางในจิตใจ : บทตริตรองชีวิตและธรรมชาติ.  กรุงเทพฯ: สายธาร, 2550.

 

หมายเลขบันทึก: 452632เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2011 23:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:47 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะคุณ'Wasawat Deemarn'

แวะเข้ามาอ่าน 'ทางบนภูเขา' ปริทรรศน์หนังสือได้น่าอ่านมากค่ะ

ลำดวนอยากบอกว่า...

ได้หนังสือดีๆมาไว้อ่านจากข้อเขียนของคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ผมก็อยากบอกท่าน ศน.ลำดวน ว่า...

ผมเป็นนักอ่านแบบผ่าน ๆ ครับ

ผ่านมา แล้วก็ ผ่านไป

ผ่านไป แล้วก็ ผ่านมา

หากหนังสือที่ผมแนะนำนั้น ดีต่อหลาย ๆ ท่าน

ผมก็ยินดีครับ ;)...

ตอนประเพณีรับน้องขึ้นดอยสุเทพ

คือปฐมบทของการ "เดินตามกระแส" ..:-)

  • อ่านบันทึกนี้แล้วเย็นใจเหมือนได้ร่วมเดินทางไปบนเส้นทางธรรมค่ะ

ตัวตนนั้นเป็นเหมือนละอองธุลี ท่ามกลางความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่

ขอบคุณปฐมบทของคุณหมอ CMUpal นะครับ ;)...

อาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya คงรู้สึกซาบซึ้งและเย็นใจเฉกเช่นผมตอนนี้ ใช่ไหมครับ

ขอบคุณมากครับ ;)...

ทางเดินนี้มีแต่ความงดงาม

ทางเดินบนเขาในภาพสวยเกิ๊น แต่ทางเดินบนเขาเมื่อซาวปีก่อนที่ครูยังเป็นครูดอยวัยละอ่อน ไปประสบพบเจอน่ะน่ะต่างกันลิบลับกับภาพที่เห็นเลยเน้อเจ้า ทางแคบนิดเดียวแถมเส้นทางเดินยังตั้งชันสูงลิ่วเดินไปแบบเส้นทางธรรมดาไม่ได้หรอก มือนี่นะอยู่เหมือนเถาวัลย์คอยกอดกระหวัดพันเกี่ยวต้นไม้เล็กไม้น้อยที่ขึ้นอยู่ริมทางเดินไต่ไปเรื่อยๆ เมื่อยมือเมื่อยขาแบบสุดๆเป้ใบใหญ่และหนักอึ้งที่แบกอยู่ก็คอยรั้งให้ปวดหลังต้องใช้วิทยายุทธในการทรงตัวเพื่อให้ร่างกายเดินไปข้างหน้าให้ได้ เดินไต่ยอดดอยไปถึงจุดสูงสุดลูกนี้แล้วก็ต้องการเดินแบบดิ่งลึกต้องกระดิ๊บๆเดินตะแคงๆไต่ลงมาจากดอยอีกลูกเพื่อไปปีนดอยอีกลูกถ้าเบรคในตัวไม่ดีอาจจะกลิ้งเป็นหมูดอยร่วงลงไปแบบไม่ต้องเดิน ตามเส้นทางยังเต็มไปด้วยตัวทากดินทากบินที่คอยไต่คอยกระโดดมาขอแบ่งเลือดในตัวเราไปเป็นอาหาร ครูนะเดินไปร้องไห้ไปน้ำตาไหลร่วงประดุจดังสายฝนโปรยปราย แต่ก็สู้ไปได้จนถึงจุดหมายปลายทาง แต่ในความยากลำบากยังมีดอกเอื้องสวยๆให้พักสายตามีต้นไม้ใหญ่ให้ตะลึงเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน มีทากคอยเพิ่มความเร็วในการเดิน มียอดดอยบางดอยที่ร้อนระอุต้นไม้หายหมดเพราะชาวเขาตัดทิ้งเตรียมที่ไว้ปลูกข้าว ฟักเขียวฟักทอง มีสายน้ำที่เดินเล่นแบบเพลินๆไม่ได้เพราะอาจจะมีน้ำป่าทะลักเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว และอาจจะมีช้างป่ามาจากไหนไม่รู้เพราะเคยไปพังกระท่อมที่พักของครูโรงเรียนบ้านดูลาเปอเพื่อจะกินฟักทองฟักเขียวที่เก็บไว้ทำอาหารให้เด็กๆๆ 555 เส้นทางบนเขาของครูจึงเป็นเส้นทางที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตเหมือนกันเนอะ

ทางเดินในภาพนี้ เป็นภาพที่ผมบันทึกเอาไว้เมื่อสองปีก่อนครับ บนยอดดอยปุย

ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ

ทางเดินของหนูนะปีนป่ายขึ้นเขาตลอดเลย ก่อนจะก้าวเท้าชักจะเริ่มเหนื่อยและท้อ

เมื่อได้เดินไปสักพักก็เหนื่อยจริง ๆ แต่ก็มีความสุขเมื่อมองย้อนไปข้างหลัง

หนูได้ผ่านมันมาไกลแล้ว..จะต้องข้ามเขาอีกไม่กี่ลูก ก็ถึงจุดหมายแล้วละค่ะ

ครูขอให้กำลังใจนะครับ ดอกหญ้าน้ำ ;)...

ขอให้ทำความดีตลอดไปครับ ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท