ลมเอ๋ย.....ลมรำเพย


เป็นสายลมที่ชาวเบื้องบน ท่านแสดงความกรุณาต่อมนุษยชาติ

   ค่ำคืนของฤดูร้อน มักมีสายลมชนิดหนึ่ง โบกโบยโชยมาพัดวีให้มวลมนุษย์ที่อยู่ตามเขตป่าเขาลำเนาไพร ได้มีเวลาผ่อนคลายทุเลาร้อนลงไปได้บ้าง ช่วยพริ้วผิวกาย ให้เหงื่อซึมนั้นแห้งหายไป จากนั้นไม่นาน หยาดน้ำค้างก็จะพร่างพรม แผ่ซ่านความเย็นมาให้ และแล้วคืนนั้น นิทรากาลอันบรมสุขก็เกิดขึ้น

   โบราณเรียกสายลมนี้ว่า ลมรำเพย ใครที่เคยอยู่ชนบท จะรู้จักกันดี ช่วงหัวค่ำจึงพากันออกมานั่งสนทนากัน เมื่อลมรำเพยมาเมื่อไหร่ ดูเหมือนยุงก็พลอยหลบหลีกไปด้วย นั่งสบาย เย็นสบาย ดอกไม้กลิ่นหอมในยามค่ำคืนมีหลายชนิด ส่งกลิ่นฝากสายลมมาประกอบการสนทนา ให้สุนทรีย์ยิ่งขึ้น

   คิดถึงวันที่พักอยู่ที่กุสินารา ประเทศอินเดีย ผู้เขียนกลับไปได้สัมผัสลมรำเพยที่นั่นอีกครั้ง  ห้องที่พักมีเพียงพัดลมเพดาน แต่เมื่อถึงเวลาไฟฟ้าดับ(ที่อินเดียไฟจะดับวันละหลายๆครั้งทุกเมือง) ทุกสรรพสิ่งก็สงัดลงทันที จำได้ว่าไฟฟ้าจะดับช่วงเข้านอนพอดี ผู้เขียนอยู่ตั้งแต่เดือนมีนาคม -ปลายเดือนเมษายน ก็ย่างเข้าฤดูร้อนนั่นเอง ยามค่ำคืนที่กุสินารา เหมือนชนบทบ้านเรา มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแต่ทุ่งข้างสาลี โล่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้าคืนเดือนมืด ก็มองเห็นเป็นพื้นสีเข้มไปทั้งผืน แต่ถ้าคืนเดือนหงายละก้อ เหมือนทุ่งรวงทองเลย ผู้เขียนก็จะยืนมองออกไปนอกหน้าต่างแบบนี้เสมอ จะนอนก็นอนไม่หลับ เพราะอากาศร้อน แต่ไม่นาน เหมือนรู้ใจ ลมรำเพยก็มาปลอบประโลม ให้ผู้เขียนลืมความอบอ้าวไป ด้วยสายลมเย็นพริ้วนั่นเอง

  บางคืนที่เงียบเหงาที่นั่น ผู้เขียนก็คิดถึงบ้านป่าในยามเด็ก มันเป็นการใกล้ชิดธรรมชาติอย่างที่สุด หอมดิน กลิ่นหญ้า เป็นเช่นนี้เอง แสงเดือน แสงดาว ก็สวยงามเหมือนเดิม ดังนั้นในแต่ละวันที่กุสินารา ผู้เขียนจึงรู้สึกว่าใจเราอ่อนโยน เบิกบานกว่าปกติ เพราะต้องอยู่กับความเป็นจริง ความเป็นธรรมชาติมากที่สุด


  3 ปีผ่านไป ผู้เขียนยังไม่ได้กลับไปกุสินาราอีกเลย คืนนี้ที่นี่มีลมรำเพยผ่านมา จึงรู้สึกคิดถึงกุสินาราอีกครั้ง บางสถานที่ ก็อาจเป็นเพียงทางผ่าน ทางเริ่มต้น หรือทางประจำของใครก็ตาม เพียงเราจดจำไว้ เก็บรายละเอียดที่มีความสุขในทุกช่วงเวลา ก็ถือว่า ไม่ผ่านไปอย่างเปลี่ยวดาย และคุ้มค่าที่ได้สัมผัสมาแล้วนะคะ

  ลมรำเพยมีอานุภาพขจัดปัดเป่าความร้อนลุ่ม ทำให้เรารู้สึกสุขสบายขึ้นมา หรือลมนี้ อาจเป็นสายลมที่ชาวเบื้องบน ท่านแสดงความกรุณา ต่อมนุษย์ชาติก็ได้นะ...

ลมเอ๋ย....ลมรำเพย.....

หมายเลขบันทึก: 446467เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 23:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับ

ยามเย็นหากมีเวลาว่างเดินออกมา ข้างนอก

จะเห็นอดีตที่ผ่านมาทำใหับางคนในเวลานี้รู้สึกหดหู่ เหงา ว้าเหว่

ลมรำเพยอาจจะช่วยได้บ้างไหมหนอ

สวัสดีค่ะ

มาตอลบันทึกดึกไปหน่อย

แต่ตั้งใจตอบนะคะ

...ลมรำเพย เป็นสายลมพิเศษ

ที่คอยปลอบประโลมให้หายเหงา

ทั้งยังพัดพาเอาความรู้สึกเป็นสุข

มาฝากอย่างอ่อนโยน

เมื่อใดที่เราปล่อยให้สายลมผ่านใจเราไป

เมื่อนั้นความทุกข์โศกเดียวดาย ก็มลายไปด้วยค่ะ

ภาพอดีตสร้างความเหงาเสมอ

ทั้งทุกข์และสุข

เพราะ.....สิ่งเหล่านั้นมันจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

แม้จะรอคอยอีกนานเท่าใดก็ตาม...ไม่มีวัน ไม่กลับมาค่ะ...

สวัสดีค่ะคุณpoo

ฝากลมรำเพยไปถึงว่า คิดถึงเสมอค่ะ

เมื่อไหร่จะพบกันอีก..หนอ.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท