My name is Nooyui


พ่อกับแม่จะดูแลและรับผิดชอบชีวิตลูกไปจนกว่าวันที่เราจะตายจากกัน

          สวัสดีค่ะวันนี้ยุ้ยจะมาเปิดอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวยุ้ยให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะชื่อจริงของยุ้ยก็คือ นิรัญญา โพธา ส่วนชื่อเล่นก็คือ "ยุ้ย" ในที่นี้จะขอเรียกตัวเองสั้นๆว่ายุ้ยละกันนะคะ ยุ้ยเกิดวันอังคาร ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2529 ที่โรงพยาบาลลำปาง ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของพ่อ ต่อมาไม่นานก็ย้ายตามพ่อมาอยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของแม่ แหะๆเพื่อนๆอย่าเพิ่งงงนะคะ ครอบครัวของยุ้ยเป็นครอบครัวเล็กๆประกอบด้วย พ่อ แม่ ยุ้ย และก็น้องสาว พ่อของยุ้ยมีอาชีพรับราชการ(ตำรวจ)  ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ครอบครัวของเราดำเนินชีวิตกันแบบเรียบง่ายแต่ค่อนข้างไม่ธรรมดา(รึป่าว)   แบบว่า พ่อของยุ้ยเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่  ออกแนวธรรมมะธรรมโม พ่อเป็นคนมองโลกในแง่ดี  ยุ้ยคิดว่ายุ้ยโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ ตอนแรกก็รู้สึกตลกเหมือนกันในการกระทำหรือมุมมองต่างๆของพ่อ พ่อไม่ฆ่าสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่แม้กระทั่งเวลายุงกันพ่อก็จะไม่ตบแล้วไล่มันไป  ครั้งหนึ่งจำได้ว่าพ่อโดนยุงกัดในห้องนอนซึ่งติดมุ้งลวดกันยุงไว้  คุณรู้รึป่าวว่าพ่อทำยังไง พ่อพยายามหาถุงมาครอบยุงไว้แล้วเอาไปปล่อยนอกมุ้งลวด  เวลาแม่จะซื้อของมาทำกับข้าวสัตว์ที่ซื้อมาก็จะต้องเป็นสัตว์ที่ตายแล้วเท่านั้น จะไม่ซื้อของสดๆแล้วมาฆ่าเองเด็ดขาด แล้วถ้าเป็นช่วงเข้าพรรษาทุกๆวันพระพ่อก็จะไปถือศีลที่วัด  

          เพื่อนๆมีความรู้สึกยังไงกับอาชีพตำรวจคะ บางคนเกลียดตำรวจเพราะตำรวจชอบรีดไถเอาตังค์  มีคนเคยบอกว่าตำรจที่ดีมีแค่รูปปั้นที่ยืนอุ้มเด็กอยู่หน้าโรงพักเท่านั้น  แต่สำหรับยุ้ยแล้วคิดว่ายังมีตำรวจที่ดีคนหนึ่งก็คือพ่อของยุ้ยนี่แหละ  ยังไงเหรอคะ  เท่าที่จำความได้พ่อจะสอนอยู่ตลอดว่าเราไม่ควรจะรีดไถใครหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร  พ่อของยุ้ยทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ว่าค่อนข้างจะหารายได้เสริม(ในทางที่ไม่ดี)ได้ง่าย  แต่พ่อไม่เคยทำถึงแม้ว่าจะมีคนมายื่นข้อเสนอให้โดยที่พ่อไม่เคยร้องขอก็ตาม  พ่อบอกเสมอว่า"ลูกจงภูมิใจที่พ่อไม่ไปรีดไถหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับใครถึงแม้ว่าเราจะไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่นก็ตาม"  แล้วพ่อก็พยายามสอนและปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ยุ้ยกับน้องตลอดมาจนถึงทุกวันนี้  บอกตามตรงว่าสิ่งที่พ่อทำที่พ่อสอนตอนแรกยุ้ยก็ไม่คิดอะไรคงเพราะว่าเราเป็นเด็กมั้ง  เค้าสอนเราก็ฟังซะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแต่ไม่ค่อยจะปฏิบัติตามหรอก  พอนานๆเข้าก็เริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มซึมซับแล้วก็เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในที่สุด พอเริ่มทำจนเป็นนิสัยยุ้ยก็ได้พบว่าไอ้คำที่ว่า "ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว" มันเป็นจริงนะและยุ้ยก็ค่อนข้างจะเชื่อมั่นกับคำๆนี้      

          ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนแรกยุ้ยจึงโดนบังคับให้เรียนโรงเรียนใกล้ๆบ้านจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  ด้วยเหตุนี้ยุ้ยจึงมีโอกาสได้สังเกตมุมมองในการดำเนินชีวิตของพ่อกับแม่ในทุกๆด้าน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำเนินชีวิต การใช้เงิน และเรื่องอื่นๆ   พอจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6   ยุ้ยสอบได้โควต้าของคณะวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี  สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ม หาวิทยาลัยราชภัฏชียงใหม่ ซึ่งในขณะเดียวกันยุ้ยก็สอบติดคณะวิทยาศาสตร์และโทคโนโลยี สาขาเทคโนโลยี สารสนเทศ มหาวิทยาลัยแม้โจ้  พ่อกับแม่ดีใจมากที่สอบติดแม่โจ้  ก็จัดการพายุ้ยไปมอบตัวแล้วส่งเข้าหอ ด้วยความที่เราเคยอยู่บ้านกับพ่อและแม่มาตลอดไม่เคยต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว วันแรกที่ยุ้ยไปอยู่หอจำได้ว่าร้องไห้ทั้งวัน โทรกลับบ้านก็ร้องไห้ให้พ่อกับแม่ฟัง  ก็มันไม่สนุกจริงนิเพราะว่าเราเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงด้วยรึป่าวแต่ต้องมาอยู่หอที่ต้องพักรวมกัน 4 คน  แล้วก็พักกับใครก็ไม่รู้ อยู่ไปได้สักพักก็ยังปรับตัวไม่ได้โทรไปร้องไห้ให้พ่อกับแม่ฟังทุกวัน 

          แล้วจุดเปลี่ยนในชีวิตก็มาถึงตอนนั้นยุ้ยเป็นภูมิแพ้ที่ตาถึงขั้นว่ามีเลือดไหลออกจากตาซึ่งก็รักษาต่อเนื่องมาตลอด  มีอยู่วันหนึ่งวันนั้นเป็นวันที่หมอนัดตรวจอาการภูมิแพ้ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รุ่นพี่นัดทำกิจกรรม  ยุ้ยไปขออนุญาตรุ่นพี่พร้อมกับนำใบนัดหมายไปเป็นหลักฐานในการลา รุ่นพี่บอกยุ้ยว่า"วันนี้เรามีกิจกรรม ถ้าน้องอยากเป็นแกะดำในกลุ่มก็ไปสิคะ" พอได้ยินอย่างนี้แล้วยุ้ยก็เลยโทรบอกพ่อกับแม่ว่าไปต้องมารับไปหาหมอละนะเพราะว่ารุ่นพี่พูดว่าอย่างนี้ เราไม่อยากมีปัญหา ไม่ไปละก็ได้ พอพ่อกับแม่ได้ฟังพวกเขาโกรธมากบวกกับความรู้สึกที่เราโทรไปร้องไห้ให้ฟังทุกวันมั้ง พ่อก็เลยถามยุ้ยว่า "ลูกอยากลาออกไปเรียนที่ราชภัฏมั๊ย" ตอนนั้นยุ้ยคิดว่าวันที่พ่อพามามอบตัวเสียตังค์ไปตั้งเยอะแหน่ะ ก็เลยตอบไปว่า"ไม่เป็นไรหรอกพ่อลูกจะอดทนเพราะว่าพ่อเสียตังค์ไปคั้งเยอะละนะ แล้วถ้าเราลาออกเค้าก็จะไม่คืนด้วย" พ่อตอบกลับมาว่า"เรื่องเงินไม่เป็นไรหรอกถ้าไม่ตายก็หาใหม่ได้ไปอยู่ตรงที่ๆลูกอยู่แล้วมีความสุขดีกว่านะ  ถ้าลูกยังฝืนใจอยู่ต่อไปลูกอาจจะเรียนไม่จบก็ได้ พ่อไม่โกรธนะถ้าลูกจะออก เรียนที่ไหนก็เหมือนกันแหละ"  วันนั้นยุ้ยตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้โดยที่ไม่ได้เงินค่ามอบตัวคืนสักบาทแล้วมาเรียนที่ราชภัฏเชียงใหม่ซึ่งยุ้ยได้จ่ายตังค์ค่ามอบตัวไว้แล้วก่อนหน้านั้น   นั้นคือสิ่งแรกที่ยุ้ยคิดว่าทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง(แบบว่าร้ายแรงหน่อย)ที่สำคัญเสียเงินเปล่าๆเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ   ตอนนั้นก็รู้สึกผิดมากยุ้ยเดินไปกราบขอโทษพ่อกับแม่ และสัญญาว่าลูกจะตั้งใจเรียนนะให้สมกับที่พ่อกับแม่ยอมเสียสละอะไรหลายๆอย่างเพื่อลูก หลังจากนั้นยุ้ยก็ไปเรียนที่ราชภัฏและตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องเรียนให้ได้เกรดไม่ต่ำกว่า 3.00

          ยุ้ยใช้ชีวิตนักศึกษาแบบสบายๆถึงเวลามีตังค์จ่าย  ไม่คิดอะไรมากอยากได้อะไรก็ซื้อแพงก็ไม่สน  แต่ยุ้ยไม่เที่ยวผับ ไม่ไปร้านเหล้า(ถ้าไม่มีโอกาสพิเศษ) ใช้เงินไปกับการซื้อเครื่องสำอาค์ ซื้อเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ไม่ได้คิดเลยแหละเรื่องการใช้เงินมีให้ใช้ก็ใช้ลูกเดียว  จนมาถึงวันหนึ่งพอกับแม่มาซื้อของที่เชียงใหม่แล้วมารับยุ้ยไปซื้อด้วย  จำได้ว่าไปส่งพ่อซื้อรองเท้าใส่ไปทำงาน พ่อเลือกรองเท้ามาคู่หนึ่งรู้สึกว่าคู่นั้นจะถูกใจพ่อมากๆ  เราก็เลยบอกว่าชอบก็ซื้อสิคะ สวยดีนะ ยี่ห้อก็ดี พ่อคิดแล้วคิดอีกทำท่าเหมือนไม่อยากจะซื้อแต่ก็ยังอยากได้ ยุ้ยก็เลยถามไปว่า"ทำไมพ่อไม่ชอบเหรอคะ" พ่อตอบว่า"ชอบสิแต่ว่ามันแพงคู่ตั้ง 4,000 กว่าบาท" พอได้ยินคำพูดของพ่อยุ้ยก็เริ่มคิดว่า ทำไมนะทำไมพ่อคิดแบบนี้ทั้งๆที่พ่อเป็นคนทำงานหาเงินแต่ทำไมเวลาเราจะซื้อเราไม่เห็นจะคิดอะไรมากมาย  เข้าข่ายที่ว่าคนหาเงินไม่ได้ใช้ส่วนคนใช้ไม่ได้หา  ยุ้ยคิดแล้วรู้สึกผิดมาก พยายามพูดให้พ่อซื้อรองเท้าคู่นั้น สุดท้ายพ่อก็ซื้อ   และวันนั้นก็คือจุดเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการใช้เงินของยุ้ย   หลังจากวันนั้นเวลาจะใช้เงินแต่ละบาทยุ้ยจะคิดอยู่เสมอว่าเราต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุดเพราะเราไม่ได้เป็นคนทำงานหาเงิน พ่อแม่เราเป็นคนหาต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน ไม่ว่าจะร้อน หนาว ฝนตก  หรือขี้เกียจก็ต้องไปทำงาน  เพราะฉะนั้นเราควรใช้เงินอย่างมีคุณค่า    ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย ยุ้ยจะโทรศัพท์หาพ่อกับแม่ทุกวันในเวลาเดิมๆ คุยกันแต่เรื่องเดิมๆ ใช้คำถามซ้ำๆ  เคยมีเพื่อนถามว่าจะโทรไปทำไมทุกวันเห็นคุยกันถามกันแต่เรื่องเดิมๆ  ยุ้ยตอบไปว่า ไม่รู้นะไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนยุ้ยรึป่าว ยุ้ยคิดว่าก็โทรไปในวันที่ยังมีคนให้โทรหา อย่างน้อยพ่อกับแม่ก็ยังได้รู้ว่าวันนั้นเรายังมีชีวิตอยู่และสุขสบายดี  ในทางกลับกันเราก็ยังได้รู้ว่าพ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่และสุขสบายดี  จนถึงทุกวันนี้ถ้าวันไหนยุ้ยไม่ได้อยู่ที่บ้านก็จะต้องโทรหาพ่อกับแม่ทุกๆวัน  ชีวิตยุ้ยดำเนินไปแบบนี้แหละ แทบจะเป็นแบบเดิมทุกๆวัน เรียนเสร็จละก็กลับหอ วันศุกร์กลับบ้าน วันอาทิตย์กลับมาที่หอ จนจบมหาวิทยาลัยด้วยเป้าหมายที่ตั้งไว้เกรดไม่ต่ำกว่า 3.00 อิอิ

          ตอนนี้ยุ้ยแต่งงานแล้วกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งยุ้ยไม่เคยบอกพ่อเลยว่ามีแฟน เพราะยุ้ยไม่อยากให้พ่อเป็นห่วงว่ามีแฟนจะเรียนไม่จบหรือเรียนไม่ดี   วันแรกที่ยุ้ยบอกว่ายุ้ยมีแฟนก็คือวันที่มหาวิทยาลัยอนุมัติผลว่าเราเรียนจบ   จากนั้นก็พามาพบพ่อกับแม่เพราะคิดว่าเราก็เรียนจบแล้วทำงานแล้ว  การที่จะมีแฟนก็คงไม่เสียหายอะไร   ต่อมาอีกไม่นานยุ้ยก็ตัดสินใจแต่งงานเพราะคิดว่ามันก็ถึงเวลาสมควรแล้วนะเราเป็นผู้หญิงก็อยากทำให้พ่อกับแม่สบายใจอีกอย่างก็คิดว่าเราอยากใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายคนนี้    ยุ้ยตัดสินใจแต่งงานแบบไม่โลเลใจและไม่คิดว่ามันเร็วเกินไป(สำหรับยุ้ยนะคะ)  เพราะว่าต่างคนต่างก็ทำงานสามารถเลี้ยงดูซึ่งกันและกันได้   แฟนยุ้ยมีอาชีพรับราชการ(ตำรวจ) อ่อ!!!!!!ยุ้ยลืมบอกไป  วันแรกที่พ่อรู้ว่ายุ้ยมีแฟนเป็นตำรวจพ่อถามยุ้ยว่า "จะดีเหรอมีแฟนเป็นตำรวจ?????"  ยุ้ยได้ยินแล้วรู้สึกตลกดีสงสัยพ่อคงจะเห็นมาเยอะว่าตำรวจเป็นยังไง  ในวันที่คุยกับพ่อและแม่ว่าจะแต่งงานพ่อกับแม่ก็บอกว่า  "มันคือชีวิตของลูกนะ ลูกต้องตัดสินใจเอง ถ้าลูกรักใครพ่อกับแม่ก็รักคนนั้นเหมือนลูก" 

          วันที่ยุ้ยแต่งงานเป็นวันที่มีความสุขมากๆและก็เหมือนว่าพ่อกับแม่ก็มีความสุขมากๆด้วยเช่นกัน เค้าคงเห็นว่าลูกสาวได้เป็นฝั่งเป็นฝา วันนั้นพ่อกับแม่พูดประโยคหนึ่งซึ่งมันเป็นประโยคที่ยุ้ยฟังแล้วซึ้งใจมาก พ่อกับแม่บอกยุ้ยและแฟนว่า " ถึงแม้ลูกจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วแต่ไม่ใช่ว่าจะหมดความดูและของพ่อกับแม่นะถ้าลูกมีปัญหาอะไรให้คิดถึงพ่อกับแม่ เพราะในความเป็นพ่อแม่แล้วไม่ใช่ว่าพอลูกแต่งงานก็จะหมดภาระหรือหมดความดูและแต่ว่าพ่อกับแม่จะดูแลและรับผิดชอบชีวิตลูกไปจนกว่าวันที่เราจะตายจากกัน" หลังชีวิตแต่งงานยุ้ยก็ยังคงใช้ชีวิตแบบมีครอบครัวเป็นแกนหลักเหมือนเดิม  ยังโทรหาพ่อกับแม่ทุกวัน เพราะว่ายุ้ยย้ายไปอยู่กับแฟนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน  เราใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข คงจะด้วยพื้นฐานของคำว่าพร้อม  เราไม่เคยรบกวนอะไรพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย  ทั้งพ่อแม่ยุ้ยและก็พ่อแม่ของแฟน  ต่างคนต่างทำงานเก็บเงินสร้างรากฐานของครอบครัวให้มั่นคงยิ่งขึ้น ถ้ามีโอกาสก็กลับบ้าน  ยุ้ยพยายามจุนเจือครอบครัวยุ้ยโดยที่พ่อกับแม่ไม่เคยร้องขอ  แต่เราก็อยากทำเพื่อความสบายใจและหน้าที่  คุณเชื่อมั๊ยว่าทำยังไงได้อย่างนั้นจริงๆ จากเมื่อก่อนที่พ่อกับแม่เคยให้ตังค์หรือให้อะไรกับยุ้ยโดยไม่เสียดาย  วันนี้ยุ้ยก็สามารถให้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างกับพ่อและแม่ได้โดยไม่เสียดายเหมือนกัน  ยุ้ยกับแฟนใช้ชีวิตร่วมกันต่างคนต่างทำงานหาเงินเก็บเงินจนเริ่มรู้สึกว่าเราอยากจะมีใครสักคนเข้ามาเติมเต็มชีวิตเราจังเลยนะ ก็เลยคุยกันว่าอยากจะมีลูกตัวน้อยๆสักคน จากนั้นก็ไปหาหมอเพื่อปรึกษาวางแผนครอบครัว  บางคนพอรู้ว่ายุ้ยแต่งงานและมีลูกแล้วก็คิดว่าทำไมเร็วจัง แต่สำหรับยุ้ยยุ้ยคิดว่าไม่เร็วนะ  เพราะก็คิดว่าเรามีความพร้อมในจุดๆหนึ่งของเรา  ซึ่งคำว่าพร้อมในมุมมองของแต่ละคนก็ไม่เหมือน ยุ้ยคิดว่าเราแต่งงานแล้ว เรามีงานทำ เรามีรถมีบ้าน เรามีเงินใช้ เรามีเงินเก็บ (พอสมควรไม่มากมาย) ที่สำคัญเรามีใจที่พร้อมสิ่งอื่นใดก็ไม่สำคัญ   วันที่ลูกชายลืมตามาดูโลกมันเป็นวันที่ยุ้ยกับครอบครัวมีความสุขมากๆ เขาคือคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิต  คือคนที่เราตั้งใจจะมีเขาตั้งใจทำให้เขาเกิดมาเพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดไม่ว่าจะลำบากหรือเป็นยังไงก็ตาม 

          พอมีลูกก็รู้สึกว่าชีวิตเรามันมีความหมายมากขึ้น มีเป้าหมายให้รู้ว่าทุกวันนี้เราทำเพื่อใคร ตอนนี้ลูกชายยุ้ยอายุ 1 ขวบ กับ 1 เดือน ชื่อน้อง"ต้นกล้า" พอเรามีลูกยุ้ยเริ่มขวนขวายหาสิ่งที่มั่นคงให้ชีวิต ยุ้ยอยากรับราชการเพราะคิดว่าอาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง ยุ้ยพยายามมองหาลู่ทางที่จะทำให้เขาได้รับราชการซึ่งมันมีอยู่น้อยมาก  มีอยู่ครั้งหนึ่งยุ้ยไปสอบตำแหน่ง.......(สายทหาร)ตอนนั้นตั้งใจอ่านหนังสือมากอ่านทั้งวันทั้งคืน พอถึงวันสอบยุ้ยก็รู้สึกว่าทำข้อสอบได้นะ แต่พอวันประกาศผลสอบ ปรากฏว่ายุ้ยสอบได้ที่ 2 ซึ่งเขาเอาแค่คนเดียว ตอนนั้นก็ไม่เสียใจเท่าไหร่หรอกค่ะคิดว่าเขาคงเก่งกว่าเรา ไม่เป็นไรคราวหน้าเอาใหม่  แต่พอผ่านไปสักเดือนหนึ่งยุ้ยรู้ว่าคนที่สอบได้ที่ 1 ก็คือภรรยาของคนที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานนั้น บอกตรงๆว่าเสียความรู้สึกมาก  กลับมานั่งร้องไห้ อาฆาต เคียดแค้น โทรมาบอกพ่อกับแม่   พ่อกับแม่บอกว่า  "ช่างเถอะลูกคิดเสียว่ามันไม่ใช่ของเรา บางทีลูกอาจจะได้ทำงานในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก็ได้"

          หลังจากนั้นยุ้ยเริ่มถอดใจกับการสอบเข้าทำงานโดยเฉพาะกับงานที่รับแค่ตำแหน่งเดียว  แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานเดิมต่อไป ยุ้ยจะโทรมาบ่นพ่อกับแม่ประจำว่าเมื่อไหร่จะได้รับราชการกับเขาสักทีนะ จะทำยังไง จะไปเรียน ป.บัณฑิตวิชาชีพครูดีมั๊ย ซึ่งพ่อจะคอยปลอบใจเสมอว่า "ใจเย็นๆอย่ารีบร้อนค่อยเป็นค่อยไปนะ พ่อเชื่อว่าลูกจะต้องได้ทำงานดีๆแน่นอนเพราะพ่อเป็นคนดีไม่เบียดเบียนใคร  ชอบทำทาน  ที่สำคัญพ่อสวดมนต์ให้ลูกทุกวัน ลูกเองก็ต้องหมั่นทำดีสวดมนต์ทุกวันแล้วลูกจะต้องได้ทำงานดีๆแน่"  ยุ้ยฟังคำพูดแล้วคิดว่าตลกดีค่ะคิดว่ามันจะเกี่ยวกันเหรอคะเรื่องที่จะมีงานทำกับการทำดีของพ่อบางครั้งอยากจะพูดแหย่พ่อไปเหมือนกันว่า  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่ต้องทำอะไรสิคะ อยากเป็นหรืออยากได้อะไรก็สวดมนต์ทำทานอย่างเดียว  หนังสือก็ไม่ต้องอ่านก็ได้สิคะสวดมนต์ลูกเดียวเลย  แต่ยุ้ยก็ไม่กล้าแหย่ อิอิ แต่ก็ไม่เชื่อนะคะ ไม่เชื่อของยุ้ยนิก็คือยุ้ยก็ยังพยายามขวนขวายไม่ใจเย็นอย่างที่พ่อบอก   สมัครเรียนนิติศาสตร์ มสธ เรียนด้วยทำงานด้วย  อันไหนคว้าได้คว้าหมดถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสได้รับราชการ  ในขณะเดียวกันยุ้ยก็พยายามทำอย่างที่พ่อบอก ทุกเช้าก่อนไปทำงานยุ้ยจะใส่บาตรทุกวันก่อนนอนก็จะสวดมนต์(บทสั้นๆ)   ตอนแรกๆก็ยอมรับนะคะว่าทำเพราะหวังผล อธิษฐานอยู่นั่นแหละขอให้ได้อย่างนั้นขอให้เป็นอย่างนี้   แต่พอทำไปนานๆมันรู้สึกว่าทำแล้วสบายใจก็ทำไปเรื่อยๆมันจะเป็นผลหรือไม่ยังไงก็ไม่สนใจแล้วแหละค่ะ   ใจเริ่มเย็นไม่คาดหวังอะไรมากปล่อยไปเป็นธรรมชาติไม่รีบร้อน  จนวันหนึ่งเขาประกาศรับสมัครนักศึกษา ทุน สควค ยุ้ยก็ตัดสินใจมาสมัครแล้วก็พยายามตั้งใจอ่านหนังสือ จนในที่สุดตอนนี้สิ่งที่พ่อเคยพูดไว้เป็นจริงแล้วละคะ ยุ้ยสอบติดทุน สควค ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้วก็จะได้บรรจุเข้าเป็นข้าราชการครู วันที่ยุ้ยสอบได้ยุ้ยคิดถึงคำพูดของพ่อที่คอยสอนคอยบอก "จงภูมิใจที่พ่อเป็นคนดีไม่รีดไถใครไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครนะลูก เมื่อพ่อทำดีปฏิบัติดีสิ่งที่ดีๆก็จะเกิดขึ้นกับลูกๆและครอบครัว" เพื่อนๆว่าสิ่งที่พ่อพูดสิ่งที่พ่อเชื่อมันเป็นจริงมั๊ยคะ  หรือว่ามันเป็นดวงชะตาที่ฟ้าลิขิตไว้แล้วไม่ได้เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติดีใดๆทั้งสิ้น แต่สำหรับยุ้ยเชื่อว่ามันคือสิ่งที่พ่อกับแม่พยายามสร้างให้ยุ้ยบวกกับความตั้งใจของเราเองไม่เกี่ยวข้องกับโชคลาภวาสนาใดๆทั้งสิ้น

          ณ วันนี้ยุ้ยมีความสุขมากๆ  สุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ สุขกับอนาคตข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น   สุขใจที่ได้เห็นพ่อกับแม่ได้พักผ่อนจากที่เหนื่อยมานาน  ตอนนี้พ่อเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด(เออรี่)  ด้วยอายุเพียง 53 ปี   พ่อกับแม่ได้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเร่งรีบไปทำงาน มีเวลาให้ดูแลตัวเอง มีเวลาปฏิบัติธรรม  อยู่กับหลานตัวน้อยๆวัยกำลังน่ารัก อยู่กับความสุขในใจที่ว่าลูกสาวสองคนของพ่อไม่มีอะไรที่จะต้องให้ห่วงมากมาย   ยุ้ยลืมบอกไปค่ะว่ายุ้ยมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อน้องยิ้มอายุห่างจากยุ้ย 2 ปี   ตอนนี้น้องสาวของยุ้ยเรียนอยู่ชั้นปีที่ 6 คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(ตอนนี้เป็นเอ็กเทิร์นอยู่ที่โรงพยาบาลนครพิงค์)   เพื่อนๆคิดว่าคนที่ป็นพ่อกับแม่จะมีความสุขมากแค่ไหนคะที่อีกหนึ่งปีข้างลูกสาวทั้งสองคนของเขาจะได้รับราชการทั้งคู่ ได้งานที่มั่นคง คงสุขใจแบบหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้เลยแหละ  ตอนนี้ยุ้ยไม่อยากให้พ่อกับแม่ทำอะไรหรือคิดอะไรมาก อยากให้ถนอมตัวถนอมใจไว้คอยดูความสำเร็จของลูกๆทั้งสองคน วันนี้ยุ้ยจะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งหน้าที่แม่ หน้าที่ลูก และหน้าที่นักศึกษา สควค และเชื่อว่าถ้าตั้งใจทำดีแล้วผลที่ตามมาก็ต้องดีเสมอเช่นเดียวกับสิ่งที่ยุ้ยได้พบได้ประสบมา อนาคตมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์ไม่ได้ แต่ยุ้ยคิดว่าสามารถทำมันให้ดีได้เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป

          เป็นไงบ้างคะเพื่อนๆคงจะอ่านจนเบื่อกันไปแล้ว เพื่อนๆคงคิดว่าทำไมยุ้ยเขียนถึงแต่เรื่องครอบครัว ก็เพราะว่าชีวิตของยุ้ยไม่ได้ประสบพบเจอในสิ่งที่ตื่นเต้นหวือหวามากๆ ไม่ค่อยได้เจออะไรแปลกๆ ใช้ชีวิตแบบคนทั่วๆไป  ซึ่งบางแง่มุมก็คงไม่ต่างจากชีวิตของเพื่อนๆเท่าไหร่   เรื่องราวต่างๆที่ยุ้ยได้เจอมีครอบครัวเป็นจุดศูนย์กลางทั้งนั้นก็เลยไม่มีอะไรจะเล่านอกจากเรื่องของครอบครัว  บางครั้งมุมมองที่ยุ้ยมองกับมุมมองของเพื่อนๆก็อาจจะไม่ตรงกัน  ถ้าอ่านเรื่องราวของยุ้ยแล้วเกิดความไม่พอใจก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ  แต่เรื่องที่เล่ามามันคือสิ่งที่ยุ้ยอยากเปิดใจเล่าจริงๆและไม่ได้ต้องการที่จะกระทบกระทั่งหรือโอ้อวดใครใดๆทั้งสิ้น  หวังว่าเพื่อนๆคงจะสนุกกับการได้อ่านหรือได้ข้อคิดดีๆจากการได้อ่านเรื่องของยุ้ยบ้างนะคะ  ไว้มีโอกาสยุ้ยจะมาเล่าเรื่องอื่นๆให้ฟังอีกนะคะ วันนี้ต้องขอจบเพียงแค่นี้ "สวัสดีค่ะ"

หมายเลขบันทึก: 438437เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2011 15:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (60)

สวัสดีค่ะคุณ Nooyui

ดีใจแทนพ่อกับแม่ด้วยนะค่ะที่เห็นลูกทั้งสองคนมีอนาคตที่มั่นคงค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีนะคะ คุณ miyoko

สวัสดีครับคุณ Nooyui

เป็นครอบครัวที่มีพอแม่ที่เข้าใจและเป็นผู้ให้จริงจริง

ขอให้เป็นแม่ทีดีของ ต้นกล้า นะครับ แม่ยุ้ย

สวัสดีครับคุณ Nooyui

เป็นบันทึกที่น่าจะเขียนเป็นpocketbook ขายได้เลยนะเนี๊ย สุดยอดจริงๆครับ

สู้ต่อไปนะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ Nooyui

น้องเป็นคนที่โชคดีมากนะคะ

ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีความอบอุ่น

ไม่มีสิ่งใดจะเทียบได้กับความกตัญญูกตเวทีนะคะ

รักครอบครัวของเรานะแหล่ะดีแล้ว

สามี ภรรยา เลิกกันก็กลายเป็นคนอื่น

แต่พ่อแม่พี่น้อง ถึงจะอยู่ไกลกันแต่คำว่าสายเลือดยังไงก็ตัดกันไม่ขาดค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Bio_Zen

พ่อกับแม่มีแต่คำว่าให้จริงๆค่ะ แล้ววันนี้ดิฉันก็ได้รับบทบาทในการเป็นผู้ให้แล้ว

จะพยายามเป็นแม่ที่ดีของหนูต้นกล้าต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณเด็กชายเคมี

บันทึกนี้เขียนออกมาจากใจจริงๆนะคะ

บางทีอ่านจะอ่านแล้วดูวกไปวนมา

ยังไงก็ขอขอบคุณ ที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของดิฉันนะคะ

ที่สำคัญขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณ Nooyui ขอเป็นกำลังใจให้ครับผม :)

สวัสดีค่ะ คุณสาวิตรี

ครอบครัวคือกำลังใจสูงสุดที่น้องมีตอนนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆที่ให้มานะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องBio_Zen

น้องโชคดีมากๆเลยนะที่มีครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารัก

ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง คนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ไปไหนคือพ่อและแม่เรานั้นเอง

และพี่คิดว่าหนูต้นกล้า จะเป็นเด็กดีสำหรับน้องแน่นอน

เพราะเขาจะได้รับความรักความอบอุ่นจากแม่ที่แสนดีอย่างน้องนค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ icando-it

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆที่ให้มานะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องBio_Zen

น้องโชคดีมากๆเลยนะที่มีครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารัก

ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง คนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ไปไหนคือพ่อและแม่เรานั้นเอง

และพี่คิดว่าหนูต้นกล้า จะเป็นเด็กดีสำหรับน้องแน่นอน

เพราะเขาจะได้รับความรักความอบอุ่นจากแม่ที่แสนดีอย่างน้องนค่ะ

สวัสดีคับ พี่ ยุ้ย

ครอบครัวพี่ยุ้ยเป็ครอบครัวที่อุบอุนมากๆ เลย

เราก็นักศึกษา สควค เหมือนกัน

ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ ครับ :)

สวัสดีครับ พี่ Nooyoi

ขอบคุณครับที่เปิดใจ อย่างลึกซึ้งครับ

ก่อนอื่นต้องชื่นชมว่าจะดูแลน้องต้นกล้าให้เต็มที่

แม้ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม

สำหรับสิ่งที่พ่อบอกว่าทำดี สวดมนต์ สิ่งดี ๆ จะเข้ามานั้น

จริงแท้แน่นอนครับ ขอยืนยัน เหมือนสิ่งดี ๆ ก็จะดูดสิ่งดี ๆ เข้าหาครับ

ยินดีกับว่า ที่ข้าราชการ ทั้งสองคนเลยนะครับ มั่นคง พ่อแม่ภูมิใจมาก ๆ ครับ

นอกจากมีอาชีพที่มั่นคงแล้ว อยากเห็น เด็กดี+เก่ง จากครูพี่ยุ้ย ด้วยนะครับ

สวัสดีค่ะคุณ kungnang

ใช่แล้วค่ะคนที่คอยอยู่เคียงข้างเรา

ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนๆ ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง

ก็คือพ่อกับแม่ค่ะ ที่สำคัญมีตาหนูต้นกล้าอีกคนหนึ่ง

เพราะฉะนั้นเวลาที่น้องท้อแท้หรือมีปัญหาอะไร

น้องก็จะคิดถึงบุคคลเหล่านี้ แล้วทำให้มีกำลงัใจขึ้นเยอะเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณลิ้นจี่เมืองฝาง

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆที่มีให้มานะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Surat

สิ่งดี ๆ ก็จะดูดสิ่งดี ๆ เข้าหา จริงๆด้วยนะคะ

หลังจากนี้ก็จะพยายามทำดีต่อไปค่ะ เป็นแม่ที่ดีของ

ตาหนูต้นกล้าด้วย และหวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นครูที่ดีด้วยค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

ยุ้ยจ๊ะ...ใช้เวลานานป่ะเนี่ยะ...ยาวจนพี่อ่านแล้วตาลายหมดเรย..

แต่ครอบครัวน่ารักดี...

ยังไง...อนาคต..ก้อต้องสู้...สู้ต่อไปนะจ๊ะ..น้องสาวของพี่..

แล้วเอาไว้จะพาต้นกล้าไปแอ่วสาวเน้อ...อิอิ

สวัสดีค่ะคุณ Nooyui

โชคดีแล้วคะที่เกิดอยู่บนครอบครัวที่อบอุ่น ธรรมะเป็นหนทางนำความสุขมากให้เราคะ เพราะคุณแม่และคนในครอบครัวหนูก็ปฏิบัติธรรม และศรัทธาในพระพุทธศาสนาเช่นกันคะ

ขอบคุณคะ

พี่ป้อม ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นะคะ นั่งคิดแล้วก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ

มันลื่นไหลไปของมันเองเลยอ่ะค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านบันทึกของน้อง

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณ Nooyui เป็นกำลังใจให้นะครับสู้ ๆ

สวัสดีค่ะ ใช่ คนจะดีจะเลวไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ เพศ อาชีพ หอกค่ะแต่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ค่ะ

สวัสดีครับ ว่าที่คุณครู Nooyui ;)...

ครูมีคำแนะนำครับ

๑. เนื้อหาที่ยาวมากขนาดนี้ อาจจะต้องจัดเอกสารให้อ่านง่ายมากขึ้นครับ

๒. ย่อหน้าที่เนื้อหามากเกินไป ให้ตัดเป็นย่อหน้าใหม่ได้เลย

๓. คำเน้น ใช้ "ตัวหนา" และ "สีของตัวอักษร" ช่วยครับ

๔. การใช้ย่อหน้า (0.5 นิ้ว ในเอกสาร) อาจจะไม่จำเป็นในบันทึก ดังนั้น เลือกชิดซ้ายเลยก็ย่อมได้

๕. ไม้ยมก เคาะหน้า-หลัง และ วงเล็บ ก็อย่าลืมเคาะด้วยครับ ตามหลักที่ครูสอนไว้

ลองแก้ไขดูครับ

 

"... ความเรียบง่าย เป็นพี่น้องกับ ความสุข ..."

ขอให้กำลังใจครับ ;)...

สวัสดีครับคุณหนูยุ้ย

ครอบครัวเป็นสังคมแรกครับที่จะหล่อหลอมบุคคลให้เป็นคนดีในสังคม

ผมเชื่อว่าคุณหนูยุ้ยและแฟนก็ต้องเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดีแน่นอนครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ Nooyui

ครอบครัวของ Nooyui เป็นครอบครัวที่เรียบง่าย...มีความสุข

คอยให้กำลังใจกันและกัน....น่ารักดีค่ะ...

สวัสดีคะพี่ Nooyui

ขอให้มีชีวิตคู่และครอบครัวที่ สมบูรณ์แบบ มีความสุขแบบนี้ตลอดไปนะคะ

ขอบคุณคะ

สู้ๆ เพื่อครอบครัว เพื่อลูก และเพื่อคนที่รัก ก้าวต่อไปด้วยใจที่แข็งแกร่ง อย่ายามแพ้ต่อสิ่งที่ยากลำบาก จะคอยเป็นกำลังใจให้ภรรยาสุดที่รัก

สวัสดีค่ะคุณ Mr.cartoon

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ dekdeeka

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดีๆนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครู Ongkuleemarn

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม และให้คำแนะนำดีๆนะคะ

เดี๋ยวจะลองปรับเปฃี่ยนตามคำแนะนำของคุณครู Ongkuleemarn ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพี่ยุ้ย

ขอให้ความฝันเป็นจริงของให้น้องเขาเติบโตเป็นคนมี่มีอนาคตที่ดีมีความสามารถ และเป็นคนดีของประเทศชาติต่อไป

สวัสดีค่ะคุณ Chakungrao

ใช่แล้วค่ะครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นและรากฐานของชีวิต

ดิฉันได้รับสิ่งดีๆจากครอบครัวมามากมาย และก็จะถ่ายทอดสิ่งดีๆเหล่านั้น

ให้เป็นรากฐานและจุดเริ่มต้นที่ดีแกลูกชายต่อไปค่ะ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดีๆนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Nittaya

ใช่แล้วค่ะกำลังใจที่ดีที่สุดของยุ้ยตอนนี้ได้มาจากครอบครัว

และคนรอบข้างทั้งนั้นแหละค่ะ รวมถึงกำลังใจจากคุณ Nittaya ด้วย

ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับกำลังใจที่ดีที่มีให้กัน

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Nooyui

คุณเป็นคนโชคดีมากที่มีครอบครัวที่อบอุ่น

และดีใจกับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกที่น่ารักและนิสัยดีอย่างคุณด้วยนะค่ะ

ขอให้ครอบครัวของคุณมีความสุขตลอดไป

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะน้อง koon_chadaporn

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรดีๆที่ให้มานะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ ส.ต.ท.ก้อง โพธา

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่แสนดีที่มีให้ตลอดมานะคะ

ขอบคุณสำหรับความห่วงใยที่สมอต้นเสมอปลายของคุณ

แค่ได้กำลังใจจากครอบครัว จากคุณก้อง จากลูกต้นกล้า

และจากเพื่อนๆ แค่นี้ยุ้ยก็มีกำลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาแล้วค่ะ

ขอบคุณนะคะ...>__<

สวัสดีค่ะน้อง ศักดิ์นรินทร์

ขอบคุณมากๆนะคะ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น

และจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ parrot

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมและแลกคำอวยพรดีๆนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีคะ คุณหนูยุ้ย

ชีวิตเรา เราลิขิตเองนะคะ มีแฟนเป็นอาชีพอไรก็ไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าเข้าใจกันมั้ย และซื่อสัตย์ต่อกันก็น่าจะพอแล้ว

ครอบครัวยังไงก็เป็นครอบครัวนะคะ

เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องที่คุณคิดว่ามันท้อ

ขอบคุณคะ

สวัสดีค่ะคุณ moowarn

ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็น คำแนะนำ และกำลังใจดีที่ให้มานะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ Nooyui

ชีวิตของพี่คล้ายๆกับน้องเลยค่ะ ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

สู้ๆนะคะคุณแม่ของน้องต้นกล้า เป็นกำลังใจให้ค่ะ :)

สวัสดีค่ะ คุณNooyui

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตที่นำมาแบ่งปันให้กัน ดิฉันก็เป็นคนนึงที่เชื่อว่า ทำได้ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

อนาคต คือสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่เราสามารถทำให้มันดีได้ด้วยตัวเราเอง สู้ๆ อย่าเพิ่งท้อนะคะ

สวัสดีค่ะ น้อง Nooyui

พี่ยินดีในความสำเร็จของน้องเเละครอบครัวด้วย

ทั้งสวยเเละเก่งเลยนะเนี่ย ขอให้ครอบครัวน้องมีความสุขมากๆ

สวัสดีค่ะ น้อ งKunkru Luna

ใช่แล้วค่ะครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ทุกสิ่งทุกอย่างของพี่เริ่มต้นที่ครอบครัว

และพี่ก็จะต้องสร้างครอบครัวที่อบอุ่นให้

ตาหนูต้นกล้าเช่นกันค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่แสนดีนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ konnarak

ยินดีที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้แชร์กันนะคะ

ที่สำคัญทำดีได้ดีแน่นอนค่ะ ยุ้ยรับประกัน

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้มานะคะ สู้ๆ เช่นกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่ sununtha

ขอบคุณมากๆนะคะ แต่ว่าเล่นชมกันแบบนี้

น้องเขินแย่เลย ยังไงก็ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีด้วย

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณ Nooyui

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เล่าสู่กันฟัง

ชีวิตยังไงก็ต้องเดินต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปครับ

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะ คุณ pittaya

ยินดีค่ะ เราจะก้าวเดินผ่านเส้นทางนี้ไปด้วยกันนะคะ

ครู สควค สู้ๆค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณ Nooyui

เรารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

ยุ้ยเป็นคนนิสัยดี เรียนเก่ง (ความจำดี) และยังเป็นลูกที่ดี เพื่อนที่ดี

ขอให้ตั้งใจเรียนให้จบพร้อมๆกัน พ่อกับแม่จะได้ดีใจ ที่เราได้รับราชการครู เป็นแม่พิมพ์ของนักเรียน

สู้ๆ จนกว่าจะถึงวันนั้นนะ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ คุณ Nooyui

ขอขอบคุุณสำหรับเรื่องราวและประสบการณ์ที่แบ่งปันให้กันค่ะ

อนาคตยังอีกไกล ต้องพบเจออุปสรรคต่างๆ มากมาย ขอจงเข้มแข็งและสู้ต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะว่าที่คุณครู weat

ดีใจที่ได้รู้จักและมีเพื่อนเวธนะ

และดีใจที่สุดที่เราสอบได้ทุน สควค ด้วยกัน

จะไม่ลืมสัญญาที่เคยพูดไว้ว่า"เราจะจับมือกันเดินผ่านเส้นทางนี้ไปด้วยกัน"

ที่สำคัญเราต้องผ่านมันไปด้วยดีด้วยนะจ๊ะ จะเป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือ

เวธเสมอ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะจ๊ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ parichat

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แชร์ประสบการณ์ดีๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีที่ให้มาด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Nooyui

ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ขอให้ครอบครัวยุ้ยมีความสุขตลอดไป

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ POND POOKAK

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่ Nooyui

ครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราค่ะ และยังไงก็ขอให้พี่มีแต่ความสุขนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Nooyui

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Nooyui

คุณเป็นคนโชคดีมากนะคะที่มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น

ขอบคุณประสบการณ์ที่ถ่ายทอดนี้นะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ น้อง Tarika Kuntatun

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมพร้อมกับคำอวยพรที่ดีนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Bluegreenalgae

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แชร์ประสบการณ์ดีๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีที่ให้มาด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ microscope

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แชร์ประสบการณ์ดีๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีที่ให้มาด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท