ความหนาแน่นของอากาศ คือ มวลของอากาศกับปริมาตรของอากาศ มีหน่วยวัดเป็นกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
ตารางแสดงความหนาแน่นของอากาศที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลในระดับต่างๆ
ความสูงจากระดับน้ำทะเล |
ความหนาแน่นของอากาศ |
|
กิโลเมตร (km) |
กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร( g/cm3) |
กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m3) |
0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 |
0.001225 0.001007 0.000819 0.000660 0.000526 0.000414 0.000312 0.000228 0.000166 0.000122 0.000089 |
1.225 1.007 0.819 0.660 0.526 0.414 0.312 0.228 0.166 0.122 0.089 |
ที่มา : (กุณฑรี เพ็ชรทวีพรเดช และคณะ 2546, 301)
ความหนาแน่น (g/cm3) |
0.0013 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.0012 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.0011 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.0010 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.009 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.008 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.007 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.006 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.005 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.004 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.003 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.002 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0.001 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0 |
2 |
4 |
6 |
8 |
10 |
12 |
14 |
16 |
18 |
20 |
รูปที่ 1 กราฟแสดงความหนาแน่นของอากาศที่ระดับความสูงต่างกัน
จากข้อมูลในตารางสรุปได้ว่า
อากาศมีความหนาแน่นมากที่สุดที่ระดับน้ำทะเล (0 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล) มีค่าประมาณ 1.23 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นั่นคือ ถ้าความสูงจากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ความหนาแน่นของอากาศจะมีค่าลดลง ซึ่งค่าที่ลดลงนี้จะลดลงมากในระดับใกล้ผิวโลก แล้วค่อย ๆ ลดน้อยลงเมื่ออยู่ห่างจากผิวโลกมากขึ้น
ความดันอากาศหรือความกดอากาศ
แรงดันอากาศบนพื้นที่ขนาดไม่เท่ากัน จะมีค่าไม่เท่ากัน ถ้าพื้นที่มากแรงดันอากาศที่กระทำต่อพื้นที่นั้นก็มากด้วย ค่าของแรงดันอากาศต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ที่รองรับนั้น เรียกว่า ความดันอากาศ ในการพยากรณ์อากาศนิยมเรียกความดันอากาศว่า ความกดอากาศ
ความดันของอากาศ คือ ค่าของแรงดันอากาศต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ที่รองรับแรงดันนั้น และแรงดันอากาศบนพื้นที่ขนาดต่าง ๆ กันมีค่าไม่เท่ากันคือ ถ้าพื้นที่มากแรงดันอากาศที่กระทำต่อพื้นที่นั้น ก็มากด้วย ซึ่งในการพยากรณ์อากาศเราเรียกว่า ค่าความดันอากาศนี้ว่า ความกดอากาศ
ความสัมพันธ์ระหว่างความดันของอากาศกับระดับความสูง มีดังนี้
1. เมื่อระดับความสูงเพิ่มขึ้น ความดันของอากาศจะลดลง
2. เมื่อระดับความสูงลดลง ความดันของอากาศจะเพิ่มขึ้น
3. ที่ระดับความสูงเดียวกัน (เท่ากัน) ความดันของอากาศจะมีค่าเท่ากัน
ตารางแสดงความหนาแน่นของอากาศที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลในระดับต่าง ๆ
ความสูงจากระดับน้ำทะเล |
ความดันอากาศหรือความกดอากาศ |
|
กิโลเมตร (km) |
มิลลิเมตรของปรอท (mm ของปรอท) |
นิวตันต่อตารางเมตร (N/m2) |
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 |
760 675 600 530 470 410 360 320 280 245 210 185 160 140 |
1.01 x 105 0.90 x 105 0.80 x 105 0.71 x 105 0.63 x 105 0.55 x 105 0.48 x 105 0.43 x 105 0.37 x 105 0.33 x 105 0.28 x 105 0.25 x 105 0.21 x 105 0.19 x 105 |
ที่มา : (กุณฑรี เพ็ชรทวีพรเดช และคณะ 2546, 303)
จากข้อมูลในตารางสรุปได้ว่า
ที่ระดับความสูงมากขึ้น ความดันอากาศหรือความกดอากาศมีค่าลดลงโดยเฉลี่ยความดันของอากาศจะลดลง 1 มิลลิเมตรของปรอท เมื่อความสูงเพิ่มขึ้น 11 เมตร
\ ความสูงของยอดเขา = (760 - ความดันของอากาศบนยอดเขา) x 11 เมตร
สรุป ถ้ายิ่งมีความสูงมากขึ้น ความดันบรรยากาศจะมีค่าลดลงเรื่อย ๆ
ความดันบรรยากาศ (mmHg) |
800 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
750 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
700 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
650 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
550 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
500 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
450 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
400 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
350 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
300 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
250 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
200 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
150 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
100 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
50 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0 |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
ความสูงจากระดับน้ำทะเล (km)
ความดัน 1 บรรยากาศ หรือความกดอากาศที่ระดับน้ำทะเลมีค่า
= 760 มิลลิเมตรของปรอท
= 10.3 เมตรของน้ำ
= 1,013.25 มิลลิบาร์ (นิยมใช้ทางอุตุนิยมวิทยา)
= 10.01 x 105 นิวตันต่อตารางเมตร
การทดลองที่แสดงว่าอากาศมีแรงดัน เช่น การเป่าลูกโป่ง การดูดน้ำจากหลอดกาแฟ วิธีการลักน้ำหรือไซฟอน การทำของเล่นเด็ก (ปืนลูกดอก) เป็นต้น
สำหรับความดันของอากาศใกล้ผิวโลกเรายึดถือว่า ความดันอากาศจะลดลง 1 มิลลิเมตร ของปรอท ทุก ๆ ระยะความสูงขึ้นไป 11 เมตร ซึ่งค่าความสัมพันธ์นี้สามารถนำไปใช้คำนวณหา ความสูงจากระดับน้ำทะเลได้
ตัวอย่างที่ 1 เมื่อเอาบารอมิเตอร์ไปวางบนยอดเขาแห่งหนึ่ง อ่านระดับปรอทได้ 590 มิลลิเมตรของปรอท ยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลเท่าใด
วิธีทำ ความดันอากาศบนยอดเขาลดลง 760-590 = 170 mmHg
ความดันอากาศลดลง 1 mmHg ต่อความสูง 11 m
ถ้าความดันของอากาศลดลง 170 mmHg ต่อความสูง 11x170 = 1,870 m\ ยอดเขาจะสูงจากระดับน้ำทะเล = 1,870 เมตร
การวัดความดันอากาศหรือความกดอากาศ เรานิยมใช้เครื่องมือที่เรียกว่า บารอมิเตอร์ (barometer) ซึ่งมีอยู่หลายชนิดดังนี้
บารอมิเตอร์แบบปรอท (mercury barometer)
บารอมิเตอร์แบบปรอท ประกอบด้วยหลอดแก้วกลวงยาว ปลายด้านหนึ่งปิด บรรจุปรอทเต็มหลอดแก้ว คว่ำปากหลอดแก้วลงในภาชนะที่มีปรอทอยู่จะพบว่าปรอทในหลอดแก้วลดลงเล็กน้อย โดยยังคงเหลือปรอทในหลอดแก้วอยู่สูงเหนือระดับปรอทในภาชนะ 76 เซนติเมตร หรือ 760 มิลลิเมตร ส่วนที่วางเหนือปรอทในหลอดแก้วจะเป็นสุญญากาศ ใช้หลักการที่อากาศสามารถดันของเหลวให้อยู่ในหลอดแก้วได้
แอนิรอยด์บารอมิเตอร์ (aneroid barometer)
แอนิรอยด์บารอมิเตอร์ ประกอบด้วยกล่องโลหะที่สุญญากาศออกเกือบหมด ความดันอากาศภายนอกจะทำให้ตลับยืดหรือหดได้ มีผลทำให้เข็มที่หน้าปัดเปลี่ยนตำแหน่งด้วย เราสามารถอ่านค่าความดันอากาศได้จากเข็มชี้บนหน้าปัดซึ่งมีตัวเลขแสดงความดันอากาศ
แอลติมิเตอร์ (altimeter)
แอลติมิเตอร์ ดัดแปลงมาจากแอนิรอยด์บารอมิเตอร์ ใช้สำหรับวัดความสูง โดยใช้ติดไว้บนเครื่องบินและติดตัวนักกระโดดร่มเพื่อบอกความสูง
บารอกราฟ (barograph)
บารอกราฟ ดัดแปลงมาจากแอนิรอยด์บารอมิเตอร์ ใช้บันทึกความดันอากาศได้ต่อเนื่อง โดยแกนที่ขึ้นลงตามการบุบของตลับโลหะจะดันเข็มชี้ให้เคลื่อนที่
(ผู้สนใจ สามารถดาว์นโหลด ชุดฝึกฉบับเต็มได้ที่ ไฟล์)
ขอบคุณ คุณครูไพวัลย์ มากครับ
ดีจัง ได้ความรู้ด้วยล่ะ
Goodๆๆๆๆๆ มาก
ทำการบ้านเสร็จเลยดีค่ะ
ดีมากๆเลยคับได้ความรู้เยอะเลยคับ
จะสอบเเล้วหาอ่านที่ไหนก็ๆม่มีเลยหาทางgoogleเลยเจอครับสุดยอดมากเลย
ขอบคุณมากนะคะหาคำตอบตั้งนานพอมาเว็บนี้เเล้วรู้เลย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
โหลดไฟล์ยังไงคะ โหลดไฟล์ไม่ได้เลย
สับสนมากคับคือบางอันก็บอกความดันอากาศยิ่งสูงยิ่งมากบางอันบอกยิ่งสูงยิ่งน้อยอธิบายให้เข้าใจหน่อยคับ
ขอบคุณคะคุณครู