-การดูดน้ำ -ยางพาราเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ มีรากเป็นระบบรากแก้ว ซึ่งจะเจริญเติบโตได้เต็มที่เมื่ออายุประมาณ 3 ปี โดย รากแก้วเจริญเติบโตในทางลึกได้ประมาณ 1.5 เมตร และทางกว้างได้ประมาณ 6 เมตร ส่วนรากแขนงจะลงไปในทางลึกประมาณ 80 ซม. แต่รากที่ทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุอาหาร จะเป็นรากขนอ่อนที่มีขนาดกว้างประมาณ 1 มม.ซึ่งอยู่ในระดับลึกประมาณ 30 ซม.
-การลำเลียงอาหาร -ยางพาราลำเลียงน้ำและแร่ธาตุอาหารเข้าสู่ลำต้นด้วยท่อน้ำ(xylem) และลำเลียงสารอาหารที่ปรุงแล้วจากใบ ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของลำต้นด้วยท่ออาหาร(phloem)
-การให้น้ำยาง -น้ำยางของยางพาราจะอยู่ในท่ออาหารของเปลือกลำต้นด้านใน มีลักษณะเวียนจากขวาลงมาซ้าย
-การออกดอก -ดอกจะออกตามปลายกิ่งหลังจากที่ต้นยางผลัดใบ โดยออกพร้อมๆ กับใบยางที่แตกใหม่หรือหลังจากที่ยางแตกใบสมบูรณ์เต็มที่แล้ว
ยางพาราออกดอกเป็นช่อ ซึ่งมีดอกตัวผู้ และดอกตัวเมียแยกกันอยู่คนละดอก แต่อยู่ในช่อดอกเดียวกัน
ปกติยางพาราจะออกดอกปีละ 2 ครั้ง โดยจะออกดอกราวเดือน กุมภาพันธ์- มิถุนายน ครั้งหนึ่ง และจะออกเดือนสิงหาคม-ตุลาคม อีกครั้งหนึ่ง การออกดอกครั้งแรกเป็นการออกดอกตามฤดูกาล ซึ่งให้ผลและเมล็ดมากกว่าการออกดอกครั้งที่สอง
-การผสมเกสร -ยางพาราจะผสมเกสรข้ามดอก อาจจะเกิดในช่อดอกเดียวกัน หรือคนละช่อดอก หรือคนละต้นก็ได้
-การติดเมล็ด -ดอกที่ผสมติดแล้ว รังไข่จะขยายตัวออกช้า ๆ และจะโตเร็วขึ้นภายในระยะ 2 เดือน เมื่อผลมีอายุ 2.5- 3 เดือน จะโตเต็มที่ -เมล็ดจะใช้เวลาถึง 5 เดือน นับจากวันผสมเกสร จึงจะพัฒนาเป็นเมล็ดแก่
-เมล็ดยางพาราจะมีเปอร์เซนต์ความงอกน้อยลงทุกวันๆ ละ 4-5 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ร่วงหล่นลงมา นั่นคือ เมล็ดยาง จะรักษาความงอกไว้ได้ประมาณ 20 วันเท่านั้น
(ชยพร แอคะรัจน์ -เรียบเรียง)
...
...
ไม่มีความเห็น