โคลนตมและดอกบัว


ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้านอนไม่หลับ ... เป็นอาการที่เกิดยอมรับต่อตนเองว่าไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้ มีความสะเทือนเข้าไปในใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง...

แม้ว่า...ใจนี้จะไม่ได้ปรากฏเป็นความรุ่มร้อน หากแต่ว่า เกิดเป็นความสลดในใจที่มองไปทางไหนเจอแต่ความแห้งแล้ง ... อีกนานเท่าไรนะผืนแผ่นดินนี้จะชุ่มชื่น

ผืนแผ่นดินในความหมายของข้าพเจ้านั่นน่ะหมายถึงจิตใจของผู้คน...

ความแห้งผากที่เกิดขึ้นทำให้เราไร้เรี่ยวแรงที่จะเยียวยาตนเองและเผื่อแผ่ไปสู่ผู้อื่น

การที่จะแก้ไขในเรื่องนี้ได้ทุกคนต้องกลับมาที่ลมหายใจ ดำรงตนอย่างมีสติต่อสภาวะที่เป็นอยู่ และละออกจากโลกธรรมที่เป็น "ลาภ - ยศ - สรรเสริญ - สุข" และลุกขึ้นมาช่วยกันเยียวยาโลก...โลกที่รุ่มร้อนไปทุกขณะ

เมื่อเช้า ณ ลานธรรม

พระภิกษุที่นั่งอยู่หัวแถว ต้องมีหน้าที่ในการเทศนาสอน...

แต่...คำพูดที่เปล่งออกมาช่างบั้นทอนจิตใจเด็กๆ จังเลย นั่นน่ะเป็นเพียงความคิดชั่วขณะที่เกิดขึ้นในมุมลบของอารมณ์และความรู้สึกของข้าพเจ้า

เด็ก...ที่มาฟื้นฟูที่วัดจะได้กลับบ้านสามคน...ทุกคนจะได้เสื้อสามารถที่เราช่วยกันคิดออกแบบในหมู่เด็ก...เสื้อที่เราเลือกออกแบบคือ ตัวเสื้อสีดำพื้นหนังสือสีขาวเขียนว่า "ชีวิตดีแล้ว"... สะท้อนให้เห็นว่าด้านหนึ่งของชีวิตที่เราเคยผิดพลาดคือ สิ่งที่เราเคยประสบเปรียบได้ดั่งผืนพื้นเสื้อสีดำแต่ก็อีกนั่นแหละอีกเสี้ยวของชีวิตได้มาสัมผัสรสแห่งพระธรรม... เปรียบได้กับอักษรสีขาว

แต่พระท่านก็ตอกย้ำลงไปอย่างไม่น่าชื่นชมนักว่า "เสื้อสีดำนั้นคือ สัญลักษณ์ของความชั่วร้ายของสิ่งไม่ดี...มีแต่คนไม่ดีนั่นแหละที่สวมเสื้อสีดำ" และท่านก็พูดอย่างเยิ่นยาว... ณ ขณะหากว่าข้าพเจ้าไร้สติ ก็อาจจะโพล่งออกกลางลานธรรมเพื่อโต้แย้งท่านว่า "ขอโอกาสนะเจ้าคะ... ความดีหรือชั่วไม่ได้อยู่สีของผ้าที่สวมใส่ บุคคลที่สวมใส่เสื้อสีขาวหากแต่ไร้เมตตาธรรมและขาดซึ่งน้ำจิตน้ำใจต่อการเกื้อกูลสรรพชีวิต ก็มีมากมาย..." ทำให้นึกถึงแม่ชีและแม่ออกที่พยายามผลักดันในเรื่องขับไล่เด็กยาเสพติดให้ออกจากวัดไม่ให้ทางวัดทำโครงการนี้และได้รับการสนับสนุนจากพระภิกษุหลายท่านที่ไม่เห็นด้วยในการให้การช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กยาเสพติด แต่ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พูด...ณ ตอนนั้นข้าพเจ้าได้แต่ดำรงอยู่กับลมหายใจเข้าและออก...

จนสภาวะแห่งภายในสงบ...

ข้าพเจ้าก็ได้ตื่นรู้...และปรากฏเป็นเสียงแห่งภายในว่า "อืม...พระท่านไม่เข้าใจในนัยที่เราพยายามสื่อ สิ่งที่ท่านพูดออกแม้นำพามาซึ่งความไม่ชอบใจเรา แต่...นั่นน่ะคือ สิ่งที่สะท้อนออกมาจากความรู้สึกนึกคิดของท่าน ...ที่บ่งบอกสภาวะจิตใจและภูมิรู้ของท่าน ณ ปัจจุบันขณะที่ท่านพูดเปล่งออกมา" จากความพยายามที่จะอธิบายก็เงียบลงไป แปรเปลี่ยนกลับมาที่เด็ก ... ข้าพเจ้าเดินเข้าไปหาเด็กๆ หลังจากที่เสร็จภารกิจถวายภัตรหารเช้าแล้ว ถามไถ่ความรู้สึกของเด็กๆ ซึ่งรู้สึกเสียกำลังใจอย่างยิ่ง ทั้งที่วันนี้เขาจะก้าวเดินออกจากวัดเพื่อกลับไปคืนสู่ครอบครัวและสังคม...

เขาปรารถนาที่จะได้รับคำอวยพรและกำลังใจ

ข้าพเจ้าบอกต่อเด็กๆ ว่า...

"อย่าได้เสียกำลังใจเลย ... ความดีชั่วไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อ"...

กำลังใจหายไปทั้งๆ ที่เด็กๆ เหล่านี้ได้ใช้แรงกายช่วยพัฒนาวัดหลายอย่างและตั้งใจว่าจะกลับเข้ามาช่วยที่วัดอีก ... และในความปรารถนารวมถึงความคาดหวังของข้าพเจ้าเอง อยากจะให้ที่นี่เป็นที่พักพิงใจของเด็กๆ เมื่อไรที่เขาประสบปัญหาอยากให้เขาได้มีที่พึ่งพิงที่จะนำพาเขาให้รอดไปจากอบายภูมิได้

เด็กเหล่านี้วัคซีนแห่งชีวิตเขาต่ำเขาจึงได้คลุกอยู่กับวงจรของยาเสพติด

เราหากว่ามองเห็นแล้ว เราต้องยื่นมือช่วยเหลือเขา หากเปรียบไปแล้วก็คล้ายกับว่าเราไปเจอคนที่กำลังจะจมน้ำ หากเราไม่ช่วยแล้วเราจะยังเรียกว่าเราเป็นมนุษย์อยู่หรือ... ความขาดหรือไร้ซึ่งเมตตาธรรมจะทำให้การดำรงอยู่ด้วยลมหายใจนี้มีค่าไปได้อย่างไร

เราไม่ได้เกิดและดำรงอยู่เพียงลำพัง ทุกอย่างคือความเกื้อหนุนกัน เป็นโยงใยทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ... ทุกอย่างเป็นดั่งกันและกัน เป็นเหตุปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างยากที่จะแยกออกจากกัน เราจึงไม่สามารถปฏิเสธสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราได้เลย...

สิ่งสำคัญ "ความรักและความเข้าใจ" ... คือยาที่จะสามารถช่วยเยียวยาจิตใจอันรุ่มร้อนจากการถูกความคิดและอารมณ์ทางลบนำพาให้ไปหายาเสพติด การที่เราช่วยกันตอกย้ำรอยด่างของชีวิตเขาไม่ได้ทำให้เกิดพลังอะไรเลย...ในชีวิต

ความชุ่มฉ่ำเย็นต่างหากที่จะช่วยทำให้ความร้อนในมิติจิตวิญญาณของเขาดำรงไปในทิศทางอันเป็นพลังด้านบวกที่ภาษาธรรมเราเรียกว่า "กุศลกรรม"...ซึ่งเป็นพลังแห่งความร่มเย็น...ต่อชีวิต

 

ณ ขณะข้าพเจ้าได้ทบทวน

และได้ตื่นรู้ถึงการได้รับธรรมจากพระรูปนั้น

ในเห็นซึ้งลงไปในเรื่องของดอกบัวและโคลนตมที่อาจแปรเปลี่ยน "รูป" กันได้

ณ วันหนึ่งดอกบัวต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นโคลนตม

และโคลนตมก็แปรเปลี่ยนกลายไปเป็นดอกบัว

เพราะทั้งโคลนตมและดอกบัวต่างอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์

ที่เรารู้กันในนามว่า "อนิจจัง"

 

๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓

 

 

หมายเลขบันทึก: 417058เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2010 23:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2013 06:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

ในมุมมองของธรรม ให้สิ่งดี ๆ กับชีวิตเสมอ
รู้ผิด รู้ชอบ เพียงแต่ว่าทุกคนจะปฏิบัติได้หรือเปล่าเท่านั้น ?

ส่งสุขรับปีใหม่ใกล้มาถึงนะคะ

 

 

เช้าวันนี้ข้าพเจ้าสวมเสื้อสีดำ "ชีวิตดีแล้ว"...  ไปวัด...

ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อที่สวมใส่หรือโลกธรรมที่ครอบเราอยู่ หากแต่อยู่ที่เนื้อจิตเนื้อใจเราต่างหาก...

..........

ขอส่งกำลังใจให้...แด่ต้นกล้า ทั้งหลาย....เพื่อฝึกใจให้แกร่ง.....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท