3. การบริหารโครงการ : ทักษะง่าย ๆ ที่ผู้บริหารโครงการควรรู้
"การบริหารโครงการ :
ทักษะง่าย ๆ ที่ผู้บริหารโครงการควรรู้"
ในปัจจุบันการบริหารจัดการเน้นไปที่การบริหารแบบโครงการ
(Project Management)
โดยได้ดำเนินการกำหนดโครงการต่าง ๆ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผลสัมฤทธิ์ให้เกิดแก่องค์กร
การบริหารโครงการจึงถือเป็นความสำคัญประการหนึ่งที่ถูกละเลยมิได้และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเพิ่มทักษะและความรู้ให้แก่บุคลากรขององค์กรไม่ว่าจะเป็นระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับบริหารอยู่เสมอ...
ในปัจจุบันบุคลากรองค์กรจำนวนมากเรียนรู้วิธีการบริหารโครงการจากการทดลองปฏิบัติงานจริง
แต่ต้องไม่ลืมว่าการบริหารโครงการ
ควรคำนึงว่าจะต้องใช้งบประมาณควบคู่กันไปด้วย
หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจะทำให้เสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้น
การรู้เทคนิคในการบริหารโครงการจะช่วยลดการสูญเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นตามไปด้วย
ดร.มาฆะ ภู่จินดา จึงขอนำเสนอวิธีการบริหารโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีขั้นตอนทั้งหมด 8 ขั้นตอน
ได้แก่...
1.
การทำความรู้จักกับโครงการ
ขั้นตอนในการกำหนดโครงการมีทั้งหมด 4
ขั้นตอนตามลำดับ ได้แก่
1.1
กำหนดขอบเขตของโครงการ
1.2 การวางแผนปฏิบัติ
1.3 วิธีการนำไปสู่การปฏิบัติ และ
1.4 การทำให้โครงการประสบความสำเร็จ
ในแต่ละโครงการจะต้องมีการกำหนดแผนและกิจกรรมย่อย ๆ
เป็นส่วนประกอบ ผู้ปฏิบัติจึงจำเป็นต้องรู้จักวิธีการจัดการกิจกรรมย่อยให้เสร็จตามเวลาเพื่อให้แผนบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเวลาที่กำหนด
นอกจากนั้น ความเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่โครงการกำลังดำเนินอยู่
เช่น งบประมาณ
บุคลากรและกระบวนการการทำงานก็ถือเป็นอุปสรรคสำคัญและอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการจัดการโครงการ
ดังนั้น
คุณสมบัติของผู้บริหารโครงการประการหนึ่ง คือ
ความสามารถในการบริหารความเปลี่ยนแปลง
2.
ค้นหาความต้องการของลูกค้า
ในขั้นตอนของการกำหนดขอบเขตของโครงการ
ผู้บริหารโครงการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงเวลา
ค่าใช้จ่ายและคุณภาพของงานที่ลูกค้าสามารถรับได้
โดยต้องไม่ลืมคำนึงว่าในแต่ละโครงการมีส่วนประกอบสำคัญ 3
ส่วน ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ได้แก่...เวลา ค่าใช้จ่ายและคุณภาพของงาน
ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 3 ส่วน
จัดว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
แต่ความเป็นจริงหากพิจารณาถึงความคิดของลูกค้าแล้ว ทั้ง
3
ส่วนอาจไม่จำเป็นต้องมีความสำคัญเท่ากันทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น...
หากผู้บริหารโครงการกำลังดำเนินโครงการ
เรื่อง การอบรมด้านความปลอดภัยในโรงงาน
ผู้บริหารโครงการอาจสอบถามลูกค้าได้ว่า
หากต้องการให้บรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง
ก็จำเป็นจะต้องเพิ่มงบประมาณในโครงการนี้ ดังนั้น
ส่วนประกอบด้านงบประมาณมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น
การค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในช่วงการเจรจาโครงการจึงมีความสำคัญที่ผู้บริหารโครงการจำเป็นต้องคำนึงถึง
3. การวางแผนโครงการ
เป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น
คือ เมื่อนำแผนไปสู่การปฏิบัติแล้ว
แผนนั้นก็อาจมีความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ดังนั้น การวางแผนโครงการจึงไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง
แต่ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการนำแผนไปสู่การปฏิบัติ
ซึ่งเทคนิคที่อาจช่วยในการวางแผน ประกอบด้วยคำถามเหล่านี้
เช่น ในแผนนั้นมีกิจกรรมอะไรบ้างที่ต้องทำ
ในแต่ละกิจกรรมจะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใด
จะต้องทำอะไรบ้าง
จะต้องเตรียมการอะไรล่วงหน้าก่อนที่จะเริ่มดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ
ต้องใช้ทรัพยากรที่จำเป็นอะไรบ้างและต้องใช้งบประมาณจำนวนเท่าใด
4.
การตรวจสอบการดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง
ในการดำเนินกิจกรรมแต่ละครั้ง จะต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่า
อะไรคือ ความเสียงในแต่ละกิจกรรม
หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นจะทำอย่างไร และอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
ดังนั้น
การประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินกิจกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินกิจกรรม
เช่น
หากดำเนินกิจกรรมหนึ่งแต่ไม่สามารถทำให้สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนดได้
ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากอุปสรรคบางประการเกี่ยวกับกำลังคน
นักบริหารโครงการก็จำเป็นต้องวางแผนกำลังคนสำรองไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนกำลังคน
5.
การให้สมาชิกในทีมมีส่วนร่วม
การมีส่วนร่วมจะก่อให้เกิดพันธะสัญญาของสมาชิกในทีมที่จะดำเนินโครงการให้สำเร็จได้
ดังนั้น ผู้บริหารโครงการจึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้สมาชิกในโครงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง
ๆ เช่น การวางแผนโครการ
ผู้บริหารโครงการอาจแยกออกเป็นแผนย่อย ๆ
และแบ่งให้สมาชิกในทีมมีส่วนร่วมในการวางแผนแต่ละส่วน
ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละแผนย่อย
การกำหนดทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ
และหาแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้มาจากไหน
6.
ให้ความจริงจังกับการปฏิบัติตามแผน
หากผู้บริหารโครงการไม่ได้มีการควบคุมอย่างเคร่งครัด
อาจเกิดปัญหาตามมาเกี่ยวกับ เวลา งบประมาณ
และคุณภาพของแผนได้ ดังนั้น ผู้บริหารโครงการควรมีการนัดประชุมเพื่อตรวจสอบการดำเนินการตามแผนเสมอ
พยายามกระตุ้นหรือหาแรงจูงใจให้สมาชิกในทีมเกิดความตื่นตัวและพร้อมที่จะแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่กำลังดำเนินการตามแผน
หากสมาชิกในทีมไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้
ผู้บริหารโครงการก็ควรสนับสนุนให้สมาชิกเหล่านั้นถามถึงแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อป้องกันไม่ให้กิจกรรม
แผนหรือโครงการเกิดความเสียหายหรือไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนดโดยไม่จำเป็นได้
7.
ควบคุมการดำเนินโครงการอย่างเคร่งครัด ผู้บริหารโครงการควรทำความตกลงกับสมาชิกในทีมให้ชัดเจนว่า
เมื่อได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว
ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงกระบวนการต่าง ๆ
ที่ได้วางเอาไว้ได้
นอกเสียจากว่าสมาชิกในทีมจะนำปัญหามาถกเถียง
และเมื่อผู้บริหารโครงการเห็นชอบ
ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างเช่น
เมื่อดำเนินการตามกิจกรรมที่ได้วางไว้แล้ว
สมาชิกอาจควบคุมให้กิจกรรมสำเร็จตามเวลาที่กำหนดได้หรือกิจกรรมนั้นอาจใช้เวลามากเกิดกว่าที่ได้กำหนดเอาไว้
นอกจากนั้น
สมาชิกก็ควรประเมินว่าปัญหาเช่นนี้จะหาวิธีการป้องกันอย่างไร
ดังนั้น
ความสามารถในการควบคุมการดำเนินโครงการจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ
8.
การทำให้โครงการสำเร็จอย่างมืออาชีพ
กุญแจที่สำคัญที่สุดของผู้บริหารโครงการ
คือ จะต้องสร้างความแน่ใจให้ได้ว่า
ลูกค้าเกิดความพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินโครงการ
ผู้บริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพจะต้องสามารถประเมินโครงการเป็นระยะ
ๆ อยู่เสมอ
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการดำเนินไปตามความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ การตรวจสอบและการประเมินโครงการยังช่วยทำให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการและความพยายามที่จะทำให้โครงการประสบผลสำเร็จของสมาชิกในทีม
การให้กำลังใจและการชื่นชมสมาชิกในทีมถือเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเป็นแรงกระตุ้น
แต่การตรวจสอบและประเมินผลสมาชิกในทีมก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
เพราะผู้บริหารโครงการจะต้องไม่ลืมว่า ความพึงพอใจของลูกค้า คือ
ความสำเร็จของการบริหารโครงการแบบมืออาชีพ...
คัดลอกบางส่วนมาจาก Aspaden. J., (2006) Manage a
Project,
Pepople Management,
12, 23
ที่มา
: ดร.มาฆะ ภู่จินดา หนังสือกระแสคน
กระแสโลก สำนักงาน ก.พ.
หน้า 33
- 37 เล่ม 5 กันยายน
2553
(เปิดโลกความรู้
พัฒนาทุนมนุษย์)
เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์
ฉบับประจำวันที่ 6 12 มีนาคม 2552