ในขณะที่รูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนก็เปลี่ยนไป ตัวผู้เรียนเองก็เปลี่ยน ทุกคนทราบดีว่าการจดจำเนื้อหาไม่ใช่การเรียนรู้ที่จะสร้างให้ผู้เรียนมีจิตวิทยาศาสตร์ แต่อะไรคือวิธีที่ดีกว่านี้
นอกจากการทดลองวิทยาศาสตร์ที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ยังมีการเรียนรู้ในรูปแบบใดอื่นใดอีกบ้างที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และสามารถสื่อความหมายทางวิทยาศาสตร์ได้ดี
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๕๓ ดิฉันมีโอกาสได้ไปรับฟัง รศ.ศิลปชัย บูรณพานิช
บรรยายในหัวข้อ การสื่อความหมายเพื่อพัฒนากระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โจทย์ที่น่าสนใจ คือ การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในยุคนี้จะดำเนินไปอย่างไร ในขณะที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ และความเปลี่ยนแปลงของโลก (ซึ่งเป็นที่มาของเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์) กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาจารย์ศิลปชัยแนะนำว่ากิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับการฝึกการสื่อความหมายให้กับผู้เรียนก็คือการนำเรื่องที่พบเห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน มาชวนกันอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ เช่น นำประเด็น “เหมืองชิลีถล่ม” เข้ามาในชั้นเรียน เพื่อเรียนรู้ว่า
หรือนำประเด็นใกล้ตัวอย่างเรื่องของ “น้ำท่วม” มาอภิปราย รายงาน หาเหตุผลทางวิทยาศาตร์มาอธิบายว่า
เมื่อคุย คิด ค้นคว้ามาแล้วก็นำไปสื่อความในชั้นเรียน ซึ่งข้อมูลต่างๆนี้ยังสามารถนำมาทำเป็นจุลสารประจำห้องเพื่อรายงานข่าววิทยาศาสตร์ที่พบจากสื่อต่างๆ ได้ตลอดปีการศึกษา หรือทำในรูปของโปสเตอร์ ติดไว้ที่ชั้นเรียนก็ได้
โดยมีพื้นที่ให้นักเรียนได้เขียนสะท้อนคิด (reflection) ด้วยว่านักเรียนที่ทำการค้นคว้าเรื่องนั้นๆ มามีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องที่ทำ และบันทึกเอาไว้ด้วยว่าเข้าถึงข้อมูลนี้เมื่อไหร่
อีกกิจกรรมหนึ่งที่อาจารย์แนะนำไว้ คือ การทำหนังสือเล่มเล็ก (science notebook) ของนักเรียนแต่ละคน ในเรื่องเกี่ยวกับความคิด และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในทุกวัน โดยให้นักเรียนออกแบบรูปเล่ม และวิธีการจดบันทึกของตนเอง ทั้งที่เป็นข้อความ เป็นภาพ เป็นตาราง หรืออื่นๆ
เรื่องที่พบได้ในสมุดบันทึก มีได้ตั้งแต่
กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างการเรียนวิทยาศาสตร์ให้มีความหมายต่อชีวิตของผู้เรียน และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ทั้งกับเพื่อน กับครู และกับพ่อแม่ คู่ขนานกันไประหว่างที่มีการจดบันทึก
ประโยชน์สำหรับครูคือ
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆที่นำเสนอ
เป็นแนวทางที่ดีมากๆเลยครับ
แต่หลักสูตรการเรียนการสอนยังยึดติดกับเนื้อหาความรู้พื้นฐาน
มากกว่าการสร้างความรู้จากประสบการณ์จริงในปัจจุบันหรือคิดต่อไปในอนาคต
อย่างที่ท่าน รศ.ศิลปชัย บูรณพานิช นำเสนอ
คงต้องร่วมกันกลั่นกรองความรู้พื้นฐานที่จำเป็นเพื่อให้มีเวลาทำกิจกรรมเรียนรู้จากสถานการณ์
เพื่อสร้างผู้เรียนให้มีจิตวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงและยั่งยืน
อันจะส่งผลให้เกิดนักวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยพัฒนาและแก้ปัญหาของโลกใบนี้สืบต่อไป