เรื่องสั้น " ร้าวฉานการศึกษา(2)"


วิทยายุทธขั้นที่แปด เป็นที่ยอมรับทั่วแผ่นดิน

ความเดิมตอนที่แล้ว ....บ้านเมืองเกิดกลียุค ความเห็นแก่ตัวของผู้คนมีมาก สิ่งล่อลวงต่างๆสิ่งสู่เยาวชน คนพาลแสวงหาอำนาจ   หนุ่มสาวไร้อุดมการณ์ ความวุ่นวายเริ่มฉายฉาน

ตอนที่ 2 ......(ผู้กล้าจากแดนไกล)

               ท่ามกลางความโกลาหลนั้น  เหล่าผู้กล้าทั้งห้าจากแดนไกลเดินทางมาถึง  พวกเขามิอาจทนเห็นสภาพบ้านเมืองที่ “ผลิกแผลก” เช่นนั้นได้  เหล่าผู้กล้าทั้งห้าจึงมีความคิดจะจัดตั้งสำนักขึ้น เพื่อกำจัดคนพาล อภิบาลคนดี และทำนุบำรุงสภาพบ้านเมืองให้เข้าสู่สภาวะเฉกเช่นโบราณกาล เหล่าผู้กล้าทั้งห้าล้วนเป็นจอมยุทธที่เชี่ยวชาญในยุทธภพ  ประกอบไปด้วย  
              “ซู ผง เหลียง”  เป็นผู้นำในการตั้งสำนัก ฉายา ในยุทธจักร คือ อวนหลงผง   เป็นผู้มีฝีปากกล้า ยากที่ใครจะเทียบ เคยท่องยุทธภพ มากมาย ปะคารมกับเหล่าเทพมาเป็นประจำ แต่มิว่าจะพ่ายแพ้หรือมีชัย เขาไม่เคยหวั่น กลับโอ้อวดโอหังในคารมตนเสมอ  จนเหล่าเทพ พากันเอื่อมระอา

             “ซง นอง หลี่”  จอมยุทธ ปีศาจสุรา เชี่ยวชาญในการดื่มกิน ยากที่คนในแผ่นดินจะต่อกร เขามิอาจไม่ดื่มได้ เป็นจอมยุทธท่องยุทธภพมาเป็นเวลานาน เคยฝึกวิชาเทพอาคม  แต่ยังไม่ถึงขั้นสุดยอด กลับหยุดกลางคัน  เคล็ดวิชามิอาจสิ้นสุดการฝึกได้  ทำให้เกิดลมปราณแผ่ซ่าน  จึงกลับกลายเป็นปีศาจสุราในที่สุด  ผู้คนมักกล่าวถึงท่านอยู่เสมอในด้านความกล้าหาญ แต่มิมีผู้ใดชื่นชมในทางที่ดีมากนัก  
               “อ้าว ผง  เหวียง”  ยอดยุทธจักร ด้าน ซินซาบวย  เชี่ยวชาญด้านศิลปะจนเป็นที่กล่าวขานในมณฑล เก๋  ซา เล็ก  มีความคิดลุ่มลึกเยี่ยงศิลปินผู้โอหัง คิ้วที่ดกใหญ่หนา ทำให้ผู้คนที่พบเห็นกริ่งเกรงยิ่งนัก
             “ ตุย  ชวง ซิน”  จอมยุทธหน้าเหลี่ยมผู้อหังการ ด้านการใช้ทวนคู่ธนูและเกาทัณฑ์ เป็นที่เกรงขามในหมู่คนพาลยิ่ง ฉายา “ พิฆาตนารี ” ดูเหมือนสตรีใดก็มิกล้าสบตามัน อาวุธที่สำคัญของมันคือ กระบี่ ตง หนี่ เป็นที่กล่าวขานของผู้คนในหย่อมย่าน   
             “โชว เหม่ย ชวง”  จอมยุทธไร้นารี  ผู้มิเคยสนใจ “อิระสตรี” ใดในโลกหล้า  กลับชมชอบบุรุษรูปงาม เป็นอาจิณ  เป็นจอมยุทธด้านการต่อสู้ด้วยอาวุธหลากหลาย  แต่มิอาจกล่าวได้ว่ามีความเป็นเลิศทางด้านใด บางครามันกลับชมชอบไม้ดอกไม้ประกับ บางครากลับชอบการพนันยิ่ง

                 เหล่าผู้กล้าจอมยุทธทั้งห้า ได้เข้ามามีบทบาทในการปรบปรามเหล่าร้าย ด้วยการตั้งค่ายกล ภายใต้ชื่อ “หวง คง ต่าย”  ณ  ริมแม่น้ำอันแห้งขอด  และได้ประกาศรับผู้คนผู้มีความประสงค์จะฝึกวิทยายุทธ ให้สามารถเข้ามาฝึกได้โดยไม่คิดค่าวิชา  ในปีแรก ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจมากนัก  เหล่าเยาวชนคนหนุ่มสาวต่างไม่สนใจ และเดินเลยผ่านไปร่ำเรียนในสำนักอันห่างไกล   เหล่าจอมยุทธทั้งห้า ไม่เคยย่อท้อ กลับนำผู้กล้าจากแดนไกลมาสมทบ เพื่อฝึกปรือเคล็ดวิชาแก่ยุวชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกมันเหล่านั้นกลับสั่งสอนและฝึกเคล็ดวิชาต่างๆให้เหล่ายุวชนจนเป็นที่ยอมรับในเขต กวง จ๋อ และใกล้เคียง

                สามปีผ่านไป  จอมยุทธ " ตุย  ชวง ซิน" ได้ฝึกวิทยายุทธถึงขั้น “โปวเหลงฮวง” สำเร็จจากสำนัก  "หลวงเพ็งเหลย" ซึ่งเป็นวิทยายุทธขั้นที่แปด เป็นที่ยอมรับจากทั่วทุกหย่อมย่าน  ในเพลานั้นเหล่าจอมยุทธทั้งสี่ จึงลงความเห็นให้  "ตุย  ชวง ซิน"  เป็นเจ้าสำนัก 

(โปรดติดตามตอนที่ 3  วิชามารประสานมิตร)

หมายเลขบันทึก: 406936เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2010 12:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 21:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ตอนที่ 2 มันส์...ดีเหมือนกันครับ โปวเหลงฮวง แปลว่าอะไร ? ชื่อแปลกดี

โปว เหลง ฮวง ...แปลว่า...??..... ไม่บอก ปล่อยให้งง....5555

ตอนที่ 2 เรื่องราวเหมือนจอมยุทธ จากหนังเรื่อง "กระบี่ไร้เทียมทาน" เมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว

คุณ นุชนารถ คงเคยดูหนังเรื่องนี้ ผมก็เคยดูเหมิอนกัน สมัยเด็กๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท