ระหว่างที่ยืนรอคิวจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ...ตาและหลานคู่หนึ่งที่ยืนรอเช่นกัน เมื่อถึงคิวของทั้งสอง ผู้เป็นตาก็รีบกุลีกุจอควักเงินออกมาเตรียมจ่าย แต่เมื่อพนักงานแจ้งจำนวนเงินของราคาขนมของหลานชาย...ผู้เป็นตามีใบหน้าตระหนกตกใจ ระร่ำระลักบอกว่าเงินไม่พอ ตายแล้ว...เงินไม่พอ
ในมือของตามีเงินทั้งหมดแปดสิบบาท แต่ราคาของที่มาซื้อ 87 บาท
ตาเลยตัดสินใจ คืนสินค้าในส่วนที่เป็นของตา เหลือเพียงขนมของหลาน
ข้าพเจ้าเห็นว่าด้วยจำนวนเงินที่ไม่มาก ก็เลยขอโอกาสผู้เป็นตาว่า ... มีแบ่งให้ได้ พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าล้วงหยิบเหรียญสิบบาทออกมายื่นให้ตา
แววตา...ของตาที่มองมาด้วยความซาบซึ้ง และข้าพเจ้ากุลีกุจอให้ตารับไปเพราะเป็นจำนวนที่เราแบ่งให้ได้ "สิบบาท" ... พอได้เงินทอนมาสามบาทตาจะคืนให้ ข้าพเจ้าก็เลยยื่นให้เจ้าหลานตัวเล็กที่ยืนอยู่อย่างไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลย...
"เจ็ดบาท"...
ช่างมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ น้องพนักงานเก็บเงินยิ้มจนแก้มปริ ข้าพเจ้าก็ยิ้มจนใจนี้ฉีกออกอย่างเบิกบาน และที่สำคัญเจ้าหลานตัวน้อยก็ได้ขนม ตาก็ได้แหนมซึ่งดูเหมือนยายจะให้ซื้อกลับไปด้วย
ข้าพเจ้าเดินตามหลังตาหลานออกมา เห็นขับมอเตอร์ไซด์กลางเก่ากลางใหม่ไป
ในใจของข้าพเจ้านึกถึงคำว่า "โลกแห่งการแบ่งปัน" ในสังคมบริโภคนิยมทุกวันนี้เราค้นหาสิ่งนี้ยากมากในหมู่ผู้คน
เช้าวันที่ไม่มีแดด
แต่...ใจนี้สดใส
๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓
อ่านแล้วชื่นใจจังค่ะ
เป็นเรื่องราวที่ดี จริงๆ ครับพี่กะปุ๋ม
ชอบทุก ๆ เรื่องราว ที่เล่า
ชอบทุก ๆ เรื่องเล่า ที่เขียน
รักทุก ๆ บันทึก ที่ให้บทเรียน
ช่างงดงาม และฉุดผมให้เปลี่ยน กับมุมมอง ...
********
ขอบพระคุณอาจารย์ครับ