ทบทวน...ในความรู้สึก


หลายวันที่ไม่ได้เข้ามาแวะเวียนชม..คนเล่าเรื่องใน GotoKnow มีภาระกิจมากมายหลายอย่าง
ที่ต้องสะสางและทำ...ดำเนินไป ทั้งเรื่อง"ตน" งาน..และสาธารณะ มีเกี่ยงเนื่องเข้ามาตลอด
ณ วันหนึ่งเจอคำถามของเพื่อนคนหนึ่งถาม คุยกันไปเรื่อยๆ ว่า..
ที่เราเหนื่อยอยู่ทุกวันนี้...เราทำไปเพื่ออะไร...ในแต่ละวันๆ
สำหรับคนมีครอบครัว...อาจบอกว่าทำไปเพื่อครอบครัว
แล้วคนไม่มีครอบครัวเล่า..และอยู่ตัวคนเดียว..เขาทำไปเพื่ออะไร
นั่นน่ะสิ...ฉันนั่งถามและเฝ้าเพียรหาคำตอบ อยู่หลายตลบ
คำตอบหนึ่ง...ที่ได้นั่นคือ...
ทำ..ทำ..และก็ทำ...
แม้จะทำได้..หรือได้ทำ ความสำคัญที่เกิดขึ้นในตัวเรา...
นั่นคือ เรารู้สึกมีค่า...ค่าที่เราไม่ปล่อยชีวิตไปตามลมหายใจ ในแต่ละวัน
วันแล้ววันเล่า...โดยที่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลยสำหรับเราเอง
หากแต่เมื่อใดที่เราได้ทำงาน...คุณค่าอยู่ตรงที่เราลุกขึ้นมาทำ
มากกว่าการปล่อยชีวิตไปเรื่อยตามห้วงแห่ง...กาลเวลา

หมายเลขบันทึก: 39993เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2006 09:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

การที่เราทำ ทำ และทำ มันจะทำให้คนเราดูมีค่า และมีความหมายในชีวิต..  มิใช่อยู่ไปวัน ๆ ..แต่ถ้าเราอยู่ไปวัน ๆ เราก็จะไม่ทำ ทำ และทำ  ??  และชีวิตก็จะไม่มีเป้าหมาย และขาดการเรียนรู้ในที่สุด

ขอบคุณคะ

"หากแต่เมื่อใดที่เราได้ทำงาน...คุณค่าอยู่ตรงที่เราลุกขึ้นมาทำ"

ชอบตรงนี้ค่ะ คุณค่าของคนทำงานไม่ได้อยู่ที่สถานภาพสมรสแน่นอน

  • ทำงาน คือ มีคุณธรรมในงาน  ธรรมะ คือ ธรรมชาติ 
  • ดังนั้น ทำงาน ก็คือ งานที่เป็นธรรมชาติ 
  • ชีวิต เป็น ธรรมชาติ  ทำงานอย่างธรรมชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพ หรือ สถานะใด ก็คือชีวิตเหมือนกัน ครับ
  • เข้ามาทักทายครับ
  • เจอธรรมมะท่านอาจารย์ Pandaเข้าไปอึ้งครับ
  • สาธุ สาธุ
ผมจดไว้แล้วครับ ท่านอาจารย์ Panda ขอบพระคุณมากครับ

คุณ"น้องนิว"

ทำและทำ...ทำและทำ...ทำและทำ...ชีวิตมีค่า..
เฉกเช่น...ที่เราทำ..และทำอย่างมีใจที่อยากทำ..

ขอบคุณเช่นกันนะคะ...

คุณ"จันทรรัตน์"

ชอบความเห็นของอาจารย์มากเลยนะคะ...
"คุณค่าของคนทำงานไม่ได้อยู่ที่สถานภาพสมรสแน่นอน"
โห..โดนใจอย่างยิ่งเลยคะ...
ให้ใจ..ไปเลยเต็มร้อยคะ (ยิ้มๆๆ)

คุณ"Panda"

ท่านมาพร้อมธรรมะ..ที่กระทบใจดิฉันอย่างจัง...
นิ่งๆ...และลึก..ในความรู้สึกและปัญญา
การมอง..ความเป็นไป..แห่งธรรมชาติ...
นี่แหละคือท่าน Panda ที่ดิฉันนับถือเสมอ

คุณ"ขจิต"

พักหลังไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะ...
ดิฉันก็อึ้งเช่นเดียวกัน...
ท่าน Panda เฉียบคมเสมอคะ

ขอบคุณนะคะที่แวะเวียนมาทักทายไม่ให้ได้ลืมกัน

คุณ"ผอ. บวร"

วันนี้เราเจอกันสองรอบแล้วนะคะ
หากท่าน ผอ.บวร ได้เจอท่าน Panda (ไม่ทราบว่าท่านเคยเจอหรือยังนะคะ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ก่อนนะคะ..หากผิดพลาด) ท่านจะทึ่งยิ่งกว่านี้คะ เพราะท่าน คือ คนคุณภาพจริงๆ...ขอยกนิ้ว

พี่ตกหล่นบันทึกนี้ไปได้ยังไง สงสัยจัง.....อ่านแล้วคิดถึงสมัยพี่ยังโสดอยู่จริงๆ เมื่อสิบปีที่แล้วพี่ก็ทำงานจัง
ไม่มีใครให้ดูแลก็ทำแต่งาน จนใครๆบอกว่าจะทำงานไปถึงไหน จนแต่งงานมีครอบครัว การทำงานหาลดลงไม่ บ่อยครั้งยังชวน samee ไปช่วยทำงานในวันหยุดอีก จนมีลูกสองคน ก็ยังทำเหมือนเดิมเป็นปกติ เรียกว่าทำจนเข้าเส้น มีความสุขดี ที่เปลี่ยนไปจากตอนโสดก็คือ มีคนคอยงอนให้รำคาญใจเวลาทำแต่งาน   

- มองการไกล -

ตั้งแต่ต้นยุคที่โลกกำเนิดเซลล์ๆแรกจนถึงทุกวันนี้ เราอาจคิดว่าเราเป็นผู้ทรงภูมิที่สุด ...แต่เหมือนว่าเราไม่ได้มีอะไรต่างจากยุคเริ่มเลยแม้แต่น้อย...เมื่อเทียบกับกาลเวลาที่เป็นอนันต์ เราเท่ากับเม็ดอะไรเล็กจนมองไม่เห็นบนเส้นเทปบันทึกที่ไม่มีวันหมดม้วน...แล้วก็คงสิ้นยุคมนุษย์...ในที่สุด...แม้เราจะรักษามันไว้ด้วยปัญญาอันล้ำเลิศแต่มันแค่ยืดเวลาการบันทึกเท่านั้น

เราทิ้งอะไรไว้ ?

เหมือนซากฟอสซิล คือ "คำทำนายแห่งอนาคต" ทำให้สิ่งที่เกิดรุ่นหลังได้ตระหนักถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยอมรับมันว่าต้องเป็นไปอย่างนั้นไม่เปลี่ยน

เรามีชีวิตแค่ในช่วงหนึ่งของเวลาอันเป็นอนันต์เราจะทิ้งอะไรไว้ให้สิ่งมีชีวิตรุ่นหลังกันดี -_-"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท