ไข้หวัดหมา !


ตอนนี้เราก็ทำใจไว้ 50:50 แล้วว่า คงมีสักวัน ที่เขาจะอ่อนแรงแล้วจากเราไป แต่เราก็จะเสียใจน้อยลง หากว่าก่อนที่พวกเราจะต้องจากกัน เราได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่เค้าแล้ว

ไม่สบายอีกแล้วง่ะ ..
 เซ็งเลยจริงๆ!

ในรอบเดือนครึ่งมานี้.. วนเวียนอยู่กับหวัด attack ซะรอบที่สามแล้ว   อาการเดิม คัดจมูก น้ำมูกใส เสมหะเหลือง  ไข้ต่ำ ไอ เจ็บคอ แต่คราวนี้ที่เพิ่มขึ้นมาคือ มันปวดเมื่อยตามตัว แล้วก็ปวดตามข้อ

นี่ถ้าไข้สูงกว่านี้ ต้องนึกถึง ไข้หวัดใหญ่แล้วล่ะ

ยิ่งช่วงนี้โรคที่กำลังระบาดอยู่คือ ตาแดง กับ ไข้หวัดใหญ่

ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่เนี่ย ต้องซักถามประวัติกันดีๆ  เพราะว่า มีการเฝ้าระวัง "หวัดนก"  กันอยู่  แต่เราคิดว่าเราคงไม่เป็นไข้หวัดนกหรอก  แต่ถ้า "ไข้หวัดหมา" ล่ะไม่ว่า -_-'

ถ้าในโลกนี้มีไข้หวัดหมา เกิดขึ้นมาจริงๆละ ยุ่งเลยนิ  เพราะตัวเราคงเสี่ยงมากๆ  เนื่องจากช่วงนี้ชูจังก็ไม่สบาย (แต่เค้าไม่สบายหลังเรานะ  ของเราเริ่มเป็นเมื่อต้นเดือน พค. แต่ของชูจังเริ่มมาป่วยเอา กลางเดือน พค.) 

เอ๊ะๆๆ.. รึว่าชูจังเป็น "ไข้หวัดคน" ?

ไม่หรอกๆ.. ชูจังตอนนี้เริ่มออกอาการทางระบบทางเดินน้ำดีชัดเลย   ความจริงก่อนหน้านี้ (เมื่อเดือนที่แล้ว)  ฉี่เค้าก็เหลืองเข้มแล้วล่ะ  แต่ตอนนั้นเรานึกว่าเค้าไม่ยอมกินน้ำ ทำให้ฉี่เข้ม  แต่ตอนนี้มันชัดมากๆ ว่าฉี่เหลืองเข้มข้น อย่างกับคนที่เป็นดีซ่านเลย  อุจจาระก็สีซีดลง แล้วเราดูว่า..เค้าดูเหลืองๆนะ ลิ้น และตา มันมีเหลืองซ่านๆปนออกมา   ล่าสุดยังไม่ได้พาไปหาหมอ เพราะตัวเรายังพาเค้าออกไปไหนไม่ไหว อย่างดีก็พาลงมาเดินเล่น ข้างๆหอพัก

ชูจังยังไม่ยอมกินอะไรเองเหมือนเดิม  ราวกับลิ้นหรือปากเค้ามีปัญหา  คือ เค้าตวัดลิ้นกินอะไรลำบาก เหมือนเสียจังหวะยังไงยังงั้น  หรือไม่ก็อาจจะปัญหาที่ฟัน เพราะขนาดป้อนน้ำ ยังเคี้ยวๆอยู่พักนึง.. พอรู้ว่าจังหวะกลืนเป็นยังไง จึงค่อยกลืนได้  บางทีส่งอาหารที่เป็นชิ้นให้ พอเค้ารับเข้าปาก ก็เคี้ยวด้วยท่าทางลำบากแล้วสุดท้ายก็คายออกมา

ชูจังจึงต้องใช้อุปกรณ์ช่วยกินคือไซริ้งค์  ตอนนี้ต้องป้อนน้ำ ป้อนนมกับไซริ้งค์  แต่สงสัยว่า ถ้าหากเขาเป็นดีซ่านจริงๆ (ไม่รู้จากเป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือว่าจากภาวะตับอักเสบ หรือว่า เป็นพวกก้อนหรือมะเร็งในระบบทางเดินน้ำดี ซึ่งปัญหาจากสาเหตุเหล่านี้ ทำให้เกิดการอุดตันของท่อน้ำดี แล้วนำมาซึ่งอาการดีซ่านได้.. คิดว่าแม้หมาจะไม่ใช่คน แต่คิดว่าระบบในร่างกายของสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนม ก็คงมีส่วนคล้ายๆกันนั่นแหล่ะ)

ถ้าชูจังเป็นดีซ่านจริงๆ คงต้องงดนมให้เขาสักพัก  เพราะนมมีโปรตีนและไขมันสูง  โปรตีนจะทำให้ตับทำงานหนัก  หากว่าเป็นตับอักเสบ อาจจะนำไปสู่ภาวะตับวายได้  ส่วนไขมันนั้นในการย่อยต้องใช้น้ำดี  หากท่อน้ำดีอุดตัน ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ลำไส้มาย่อยไขมันได้ ก็จะเกิดภาวะท้องอืด ท้องเสีย เพราะอาหารไขมันไม่ย่อยได้

ดังนั้นอาหารหลักๆที่คงให้ได้ ก็คงเป็นพลังงานจากแป้งและน้ำตาล   น้ำตาลจากน้ำหวานกลูโคส ให้ง่าย แค่ละลายน้ำแล้วป้อนกับไซริ้งค์  แต่ปัญหาก็คือ  น้ำตาลถ้าให้เยอะๆ อายุเค้าก็มากแล้ว เดี๋ยวก็เสี่ยงเป็นเบาหวานเอาได้  ส่วนแป้ง..ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะป้อนเค้าในรูปไหนดี เพราะว่า มันป้อนกับไซริ้งค์ได้ยาก 

อาหารพวกแป้งคงสามารถใช้ซีรีแล็กซ์ ที่เป็นอาหารเด็กมาป้อนได้ เพราะมันเป็นพวกข้าวบด แต่ชูจังชอบคายมาก  ทำให้ 1 ออนซ์ ป้อนให้เค้ากิน ก็จะบ้วนทิ้งเลอะปาก เลอะขนข้างปาก ได้กินจริงๆไม่รู้ถึงครึ่งออนซ์ไหม  ป้อนมากเค้าก็จะขย้อนทิ้ง  เวลาป้อนซีรีแลกซ์ให้เค้าทีไร   นายกับหมาเป็นได้ทะเลาะกันทุกที

ยอมรับว่าปล้ำเรื่องกินกับเค้ามาก วันนึงต้องคอยป้อนเค้าราวๆ 4-5 มื้อ เพราะต้องป้อนครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งแทน (ไม่นับมื้อย่อยที่ต้องป้อนน้ำ)  ถ้าเป็นนม หรือกลูโคส ก็ปรุงง่ายหน่อย  ชงใส่ขวดไว้สักครั้งละ 3-4 ออนซ์ใส่ตู้เย็น แล้วค่อยเอามารินป้อนให้เค้าครั้งละ  20-30 ซีซี แต่ถ้าเป็นซีรีแลกซ์ขั้นตอนจะลำบาก  เพราะนอกจากซีรีแลกซ์แล้ว เราจะใช้ฟักทอง หรือไม่ก็แครอทที่ต้มจนเปื่อยแล้วนำมาบดผสมกับซีรีแลกซ์ในอัตรา 1:1  เพื่อเพิ่มกากอาหารให้เค้าถ่ายง่ายหน่อย

ถึงแม้ว่า.. เค้าจะยังไม่ได้ดีขึ้น (มิหนำซ้ำ.. อาการของโรค ดูเหมือนจะยิ่งชัดเจนขึ้น)  แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีอยู่บ้างคือ  อาหารที่เราให้เขา นับว่าช่วยเค้าไม่ให้เพลียลงกว่าเดิม   ชูจังยังเดินได้  (แม้ขาจะดูอ่อนๆเล็กน้อย) วิ่งได้ (แม้จะไม่เร็วนัก)  ขึ้น-ลงบันไดเองได้โดยไม่หมดแรงเสียก่อน  ยังกระดี๊กระด๊าเวลาชวนพาไปเที่ยว ยังส่งเสียงเห่าได้ เวลาเราแกล้งถามเค้าว่า "ใครมา?"

แต่นั่นแหล่ะ.. เราก็คงต้องขยันป้อนเค้า  วันไหนเขารับจำนวนมื้อได้ดี จะสังเกตว่าเค้าดูสดชื่นมีแรงดี  แต่ถ้าหากวันไหนที่เราเพลียมาก ลงเวรมาหลับเป็นตาย หรือเราไปทำงานกลับห้องสาย ชูจังก็จะดูเพลียระโหยโรยแรงลงไปนิดหน่อย  มีน้ำลายเหนียวไหลยืดอยู่ข้างปาก เพราะไม่ยอมกินน้ำ (แต่ถ้าเราอยู่ห้อง เราจะตื่นขึ้นมาป้อนน้ำให้เค้าบ่อยๆ ก็จะไม่มีน้ำลายเหนียวไหลยืดแบบนี้)

อาจจะเป็นเพราะต้องคอยเอาใจใส่เค้า และเครียดเรื่องเค้ามั้ง เลยทำให้ภูมิต้านทานตัวเราลดลง แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ.. จะปล่อยให้เค้าค่อยๆเพลีย หมดแรงลงไป ทั้งที่เราไม่ช่วยเค้าหรือ.. เราก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน

ก็ได้แต่ภาวนาล่ะนะว่า.. ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง

ตอนนี้เราก็ทำใจไว้ 50:50 แล้วว่า คงมีสักวัน ที่เขาจะอ่อนแรงแล้วจากเราไป

แต่เราก็จะเสียใจน้อยลง หากว่าก่อนที่พวกเราจะต้องจากกัน  เราได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่เค้าแล้ว

คิดว่า ถ้าเราพอมีแรงกว่านี้สักหน่อย ก็จะพาเขาไปหาหมอ  แต่ถ้าว่าต้องผ่าตัด หรือทำอะไรให้เค้าต้องเจ็บตัว หรือว่าเสี่ยงที่จะ "ไป" ก่อนเวลาอันควร  เราคงเลือก..ให้เค้าค่อยๆไปอย่างสบาย  ไม่ห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายหรอกนะ สำหรับชูจังน่ะ เท่าไหร่เท่ากันอยู่แล้ว  แต่เราห่วงความรู้สึกของเขา ไม่อยากให้เขาเจ็บ ไม่อยากเร่งรัดให้เขาตาย (ถ้าขึ้นเขียงดมยาผ่าตัด  โอกาสไปกับอยู่มันเท่ากันเลย)   อยากให้อยู่อย่างสบายๆ แล้วก็ไปอย่างสบายๆดีกว่า
 
กลางเดือนหน้า (19 ส.ค.) ชูจังก็จะสิบขวบแล้ว ..หวังว่าหนูคงมีโอกาสได้ฉลองวันเกิดครบสิบขวบนะชูจัง  T_T

(รอยยิ้มของชูจังสดใสมาก..อยากเห็นอีกจังเลย
แล้วก็อยากกอดชูจังตอนอ้วนๆแบบนี้อีก
)



 

......................
คำสำคัญ (Tags): #หมา#หวัด#ไม่สบาย
หมายเลขบันทึก: 39898เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2006 19:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 11:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท