คำว่า "ความสุข" แม้จะเป็นคำง่าย ๆ แต่เชื่อเถอะว่าหากมีใครมาถามเรา หรือเราลองถามตัวเองดูสิ ว่า "ความสุข คือ อะไร" เราก็จะได้คำตอบมากมาย ยิ่งมีคำตอบมาก นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ชีวิตของเราเต็มไปด้วยยความสุข หากนึกไม่ออกแสดงว่าเราเครียดเกินไปเ้สียแล้ว แก้ง่าย ๆ เพียงเดินไปที่กระจกในบ้านแล้วกระซิบถามคนในกระจกเบา ๆ ว่า "คุณชื่ออะไรจ๊ะ" สักสามรอบ ความสุขก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้นขึ้น(อย่าถามบ่อยเน้อ)
คุณหญิงท่านหนึ่งเล่าให้ท่าน ว.วชิรเมธี ฟังว่า ตนเองเคยช้อปปิ้งจ่ายเงินหมดเป็นแสน เป็นล้านเป็นเรื่องปกติ(บางรั้งไปต่างประเทศกลับมาก็ยากจนเลยก็มี) อยู่มาวันหนึ่งมีโอกาสสนองงานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ต่างจจังหวัด ร่วมบริจาคขาเทียมขาละหมื่น ไป ๓๐ ขา
ครั้งนี้ต้องโดยเสด็จไปมอบด้วย จากปกติเวลามีใครมาขอบริจาคก็จะช่วยไป แต่ไม่ไปร่วมงาน เพราะไม่ค่อยติดดินสักเท่าไร นับเป็นการออกงานเป็นครั้งแรก เพราะโดยเสด็จกับสมเด็จท่าน
เมื่อถึงเวลามอบบขาเทียม คุุณหญิงได้มองเห็นคนยากจน คนขาขาดหลายร้อยคนที่ประสบอุบัติเหตุบ้าง เหยีบกับระเบิดบ้าง มารับขาเทียม เกิดธรรมสังเวชสลดขึ้นมาว่า "โอ้ตายลละมนุษย์ในเมืองไทย มีคนพิการเยอะขนาดนี้เชียวหรือ"
ขณะน้น มีแม่ลูกคู่หนึ่งมารับขาเทียมจากคุณหญิง ลูกเดินกระเพก ๆ มากับแม่ แม่ก็แก่แแล้วสุขภาพก็ไม่ค่อยดี เมื่อคุณหญิงยื่นขาเทียมให้ เด็กชายก็รับมาสวม แม่ก็ช่วยสวมให้ สวมเสร็จเด็กชายก็ลุกขึ้นเดิน พอเดินได้ ก็วิ่งทั้งที่ยังไม่ถนัด โดยลืมไปว่ามีใครอยู่บ้าง เด็กน้อยวิ่งกลับเข้ามากอดแม่ พร้อมกับพูดว่า "แม่ครับ ผมเดินได้แล้ว" สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ด้วยความดีใจ
คุณหญิงยืนนิ่งมองภาพสองแม่ลูกที่อยู่ข้างหน้า น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ภาพสองแม่ลูก กลายเป็นภภาพแห่งความสุข ที่ประทับอยู่ในหัวใจคุณหญิงมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ทุกวันนี้นึกถึงเมื่อไร น้ำตาก็เอ่อล้นทุกที ความสุขที่เกิดขึ้นจากการช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะเพียงน้อยนิด แต่เกิดคุณค่าต่อชีวิตตนเองมากมายเหลือเกิน
ทุกวันนี้วิถีชชีวิตของคุณหญิงนักช้อป เปลี่ยนไปสนใจธรรมะ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอยู่เสมอ ทำให้ได้รู้ว่า "เมื่อไดที่ได้นึกถึงผู้อื่น และได้ช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อนั้นความสุขก็ได้เดินเข้ามาหาเรา"
เจริญพรขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เนต