ฝากท้องกับใคร ที่ไหนดี
พอเริ่มเข้าเดือนพฤษภาคม สุขภาพแพรไม่ดีเลยค่ะ ป่วยเป็นไข้หวัด ไข้ขึ้นสูง ไอ จามอย่างแรง หนักเข้าก็คออักเสบ กินยาจนเหนื่อยค่ะ 3 วันดี 4 วันไข้ พอหายก็ป่วยอีก ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป่วยบ่อยขนาดนี้ ร่างกายอ่อนแอจนเห็นได้ชัด อ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ ไม่รู้ทำไม (สงสัยเมื่อตั้งครรภ์)
พอปลายเดือนพฤษภาคม ก็เริ่มสงสัยเพราะเมนส์ไม่มาเดือนกว่าแล้ว ก็เลยให้สามีช่วยไปซื้อเทสต์ตั้งครรภ์มาตรวจตอนเช้า โอ้โฮ! ขึ้น 2 ขีด สีชมพูค่ะ ไชโย ท้องแล้ว สามีดีใจมากเลยค่ะ กระโดดกอดเลย ลูกคนนี้ที่รอคอย คุณพ่อตื่นเต้นมากๆ แต่แพรก็กังวลใจค่ะ เพราะก่อนหน้านั้นกินยาเยอะมาก กลัวส่งผลต่อลูกในท้องเยอะ ไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ อยากไปหาหมอแล้วค่ะ
แพรวางแผนฝากท้องค่ะ กับคุณหมอคนเดิม คือ รศ.ดร.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร อาจารย์หมอโรงพยาบาลศิริราชค่ะ เพื่อนแพรแนะนำคุณหมอมาตั้งแต่แพรท้องน้องพริมลูกสาวคนแรกแล้วค่ะ คุณหมอน่ารัก ใจดี ดูแลดีค่ะ น้องก็แข็งแรง ปลอดภัยดีค่ะ ท้องนี้ก็เลยตั้งใจจะไปฝากท้องกับคุณหมออีก แพรเปิดเนตเช็ตตารางแพทย์ออกตรวจคลินิกพิเศษ สูติ-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช http://www.si.mahidol.ac.th/th/timetable/treat_s/show_treat.asp พบว่า คุณหมอออกตรวจทุกวันจันทร์ค่ะ แต่ช่วงนั้นมีสถานการณ์ไม่สงบในกรุงเทพฯ คลีนิกพิเศษงดตรวจค่ะ (แย่จังเลย) ก็เลยต้องรอไปก่อนค่ะ
การเลือกคุณหมอและโรงพยาบาล ถ้าเอาง่ายๆแบบไม่คิดอะไรมาก ถ้าคิดว่าโรงพยาบาลที่ไหน คุณหมอคนไหนก็ดีเหมือนกันหมด ก็เลือกที่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวกไว้ก่อนค่ะ ง่ายดี แต่ถ้าไม่คิดว่าชีวิตมันง่ายขนาดนั้น ก็ลองเลือกใหม่นะคะ
ก่อนที่แพรจะตัดสินใจว่า เลือกโรงพยาบาลนี้กับคุณหมอคนนี้ แพรก็มีวิธีคิด การจะเลือกฝากท้องนั้น
1. ชื่อเสียงคุณหมอ ถ้าได้คุณหมอเก่งๆ มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญ มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ เราก็น่าจะสบายใจมากกว่าจริงไหมค่ะ ความปลอดภัยของคุณแม่และลูกก็น่าจะมีมากกว่านะคะ ลองสอบถามเพื่อนๆที่ผ่านประสบการณ์มาแล้ว เช็คข้อมูลหาคุณหมอน่ารัก ใจดี และเก่งกันก่อนไปฝากครรภ์ด้วยนะคะ อย่างแพรก็เลือกอาจารย์หมอที่ศิริราช ที่เพื่อนเคยไปฝากท้องไว้แล้วค่ะ
2. ชื่อเสียงโรงพยาบาล มีผลต่อความน่าเชื่อถือนะคะ และชื่อเสียงในทางที่ดีของโรงพยาบาล บอกถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ การดูแล การรักษา การบริการ และนโยบายของโรงพยาบาล ส่วนมากโรงพยาบาลดีๆ จะมีหมอดีๆเก่งๆอยู่ด้วย โรงพยาบาลรัฐ ชื่อเสียงดี แต่ต้องรอนานมาก บริการไม่ประทับใจ แต่ค่าใช้จ่ายถูก กับโรงพยาบาลเอกชนที่ชื่อเสียงดี บริการประทับใจ สะดวกรวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ก็เลือกเอาตามความพอใจและความพอเพียงนะคะ
3. ค่าใช้จ่ายในการฝากท้อง ก็มีส่วนนะคะ แพรฝากท้องกับคุณหมอโรงพยาบาลศิริราชนะคะ ค่ารักษาแต่ละครั้ง ไม่เกิน 500 บาทค่ะ ยกเว้น วันนั้นมีการอัลต้าซาวน์ ค่ารักษาก็จะขึ้นไป 1,400 กว่าบาทค่ะ แต่ก็น่าจะถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชนนะคะ อาจจะรอนานสักหน่อยก็ไม่เป็นไรนะคะ พี่ๆเพื่อนๆบางคนก็เลือกฝากท้องที่คลีนิคหรือโรงพยาบาลเอกชนที่คุณหมอเก่งๆไปทำงานพิเศษอยู่ที่นั้น ถึงค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐหน่อย แต่ก็สะดวกสบายกว่ากันเยอะเลยค่ะ ถึงเวลาคลอดค่อยไปคลอดในโรงพยาบาลรัฐที่คุณหมอสังกัดอยู่ก็ดีเหมือนกันค่ะ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูก ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยค่ะ
4. ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร แพรขอยกตัวอย่างโรงพยาบาลศิริราชนะคะ เมื่อปี 2550 ลูกคนแรกแพรต้องผ่าคลอดเพราะน้องพริมไม่เอาหัวลงคะ ยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้องพักพิเศษนะ ถ้ามี 4 เตียง คืนละประมาณ 700 บาท เตียงเดี่ยวพิเศษ คืนละประมาณ 1,700 บาท ยังไม่รวมค่าเตียงเด็กแรกเกิดนะคะ รถเข็นเล็กๆที่เราเห็นนั่นนะคะ คืนละ 600 บาทค่ะ เห็นไหมค่ะ ไม่ธรรมดาค่ะ แต่ถ้าคลอดเอง แล้วน้องแข็งแรงอยู่โรงพยาบาล 3 วันแล้วออกค่าใช้จ่ายอาจจะไม่เท่าไร ของแพรนะคะ ผ่าคลอด นอนดูอาการทั้งแม่และเด็ก น้องพริมมีอาการตัวเหลืองด้วย (ส่วนใหญ่เด็กคลอดใหม่จะตัวเหลืองนะคะ) แต่ไม่เป็นมากขนาดต้องส่งไฟ เราอยู่โรงพยาบาลกัน 6 วัน รวมค่าห้อง ค่ายา ค่ารักษา ทุกอย่างแล้ว เกือบ 30,000 บาทค่ะ ก็สูงไม่ใช่เล่นนะคะ ขนาดโรงพยาบาลรัฐยังค่าใช้จ่ายขนาดนี้ แล้วโรงพยาบาลเอกชนจะเท่าไรค่ะ ถึงจะบอกค่าใช้จ่ายแบบเหมาคลอดไว้ คุณแม่ คุณพ่อก็ต้องเช็คนะคะว่าค่าใช้จ่ายนี้นอนโรงพยาบาลกี่คืน รวมค่าใช้จ่ายของเด็กแล้วหรือยัง ถ้าลูกเราคลอดออกมาแล้ว คุณแม่หรือคุณลูกมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงกว่าราคาเหมาที่บอกเราไว้แน่ๆ ต้องเช็คเรื่องค่าใช้จ่ายดีๆนะคะ จะได้เตรียมงบประมาณได้ถูกค่ะ แต่ถ้ารวยแล้ว อาจจะไม่ซีเรียสก็ได้
5. การเดินทาง ถ้าได้โรงพยาบาลใกล้บ้าน การเดินทางก็สะดวกกว่ามากค่ะรวมทั้งประหยัดทั้งเงินและเวลาด้วยค่ะ ลองเลือกหาคุณหมอและโรงพยาบาลดีๆใกล้บ้านก่อนนะคะ ถ้าเป็นอะไรไปจะได้หาหมอง่ายๆค่ะ
หลังจากนั้นนะคะก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาอ่านอีกรอบ เพื่อทบทวนความจำค่ะ
แพรพยายามโทรติดต่อนัดคิวเพื่อตรวจรักษาตามเบอร์โทรศัพท์ที่เผยแพร่ไว้ อยากจะบอกว่าไม่เวิรค์ค่ะ โทรไปสายไม่ว่างตลอด หรือสายว่างแต่ก็ไม่มีใครมารับโทรศัพท์ค่ะ โทรไปทุกวันก็เป็นแบบนี้ (แย่มากๆ) สุดท้ายก็ต้องไปเลยค่ะ ไปเอาคิวที่โรงพยาบาลเลยค่ะ ฤกษ์ดี ฤกษ์สะดวกที่จะได้พบคุณหมอคือ วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 53 ค่ะ
ไปถึงโรงพยาบาลศิริราชนะคะ ถ้ายังไม่มีบัตรก็ไปทำบัตรก่อนค่ะ ถ้ามีแล้วก็ไปที่ คลินิกสูติ-นรีเวชวิทยา อาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีฯ อยู่ชั้น 1 หน้าร้านหนังสือนายอินทร์ค่ะ ยื่นบัตร ขอคิวตรวจ ระหว่างนั้นพยาบาลจะให้กระดาษเทสต์ปัสสาวะ ให้คุณแม่คนใหม่ฉี่ใส่เพื่อตรวจหาความผิดปกติก่อน แล้วค่อยมาชั่งน้ำหนัก วัดความดัน แล้วรอเรียกตรวจค่ะ พอถึงคิวจะมีพยาบาลพาไปตรวจกับคุณหมอที่ชั้น 11 ค่ะ
ฝากท้องครั้งแรกเตรียมใจได้เลยค่ะ นอกจากคุณพยาบาลจะซักประวัติ ตรวจเต้านม ให้คำแนะนำต่างๆแล้ว เราต้องโดนกินน้ำตาล (แทบจะอาเจียนออกมาตอนนั้นเลย) 1 ชั่วโมง ต้องโดนเจาะเลือดเพื่อตรวจน้ำตาลกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 4 โรค และโรคธาลัสซีเมียด้วยค่ะ แพรตรวจโรคธาลัสซีเมียตั้งแต่ท้องแรกแล้ว ผลออกมาปกติ คราวนี้ก็เลยไม่ต้องตรวจค่ะ แต่ยังไงก็ต้องตรวจเลือดอยู่ดี
พอถึงคิวได้พบคุณหมอ คุณหมอจะตรวจสอบประวัติ ถามวันที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย แพรจดไว้ วันที่ 28 มีนาคม 2553 เลยรู้กำหนดวันคลอด ได้วันที่ 4 มกราคม 2554 ค่ะ คุณหมอตรวจร่างกาย น้องในท้องอายุ 9 สัปดาห์แล้วค่ะ คุณหมอให้คำแนะนำต่างๆ ให้เราสบายใจมากขึ้น พอตรวจเสร็จนะคะ ลงไปจ่ายเงินที่ชั้น 1 แล้วรับวิตามิน B1 กับโฟเลต ไปทาน แล้วก็ไปเจาะเลือดกันค่ะ ดีนะคะ มีสามีมาช่วยดูแล ถือของให้ก็เลยไม่ลำบากเท่าไรค่ะ
กลับมาบ้าน ยังไม่ได้บำรุงคุณแม่คนใหม่เลยค่ะ เพราะทั้งคุณแม่และคุณพ่อต้องมารับศึกหนักกับอาการแพ้ท้องค่ะ ช่วงนั้นแพรก็เริ่มมีอาการแพ้ท้องแล้วค่ะ ง่วงนอน เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ท้องอืด สารพัด หนักมากค่ะ
แล้วจะมาเล่าให้ฟังวันหลังนะคะ
อ่านต่อตอนต่อไปนะคะ
ความเห็น (3)
สวัสดีค่ะ
ขอแวะมายินดีกับคุณแม่ด้วยนะคะ ขอให้น้องและคุณแม่แข็งแรงๆ นะคะ :)
ขอบคุณค่ะ คุณมะปรางเปรี้ยว
พึงไปฝากท้องกับคุณหมอท่านนี้มาเหมือนกันค่ะ อยากทราบว่าคุณหมอทำคลอดด้วยรึเปล่าค่ะหรือแค่รับฝากท้องอย่างเดียว