ดร.บี.อาร์. อัมเบดการ์ (Dr.B.R. Ambedkar) ถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวมหาร์ วรรณะจัณฑาล ที่ยากจนค้นแค้นเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๔ บิดาชื่อ สุเภทาร์ รามชิ สักปาล มารดาชื่อ ภิมาไบ ณ หมู่บ้านมาหู รัฐมัธยมประเทศ อินเดีย ท่านอัมเบดการ์มีนามเดิมว่า ภิม (Bhim)
พ.ศ. ๒๔๔๙ แต่งงานกับรามา ไบ
พ.ศ. ๒๔๕๐ จบการศึกษาจากระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียน เอลฟิสโตน (Elphistone) เมืองบอมเบย์หรือมุมไบ ในการจัดงานแสดงความยินดีที่สำเร็จการศึกษา ท่านกฤษณชิ อรชุน เกลุสการ์ ได้มอบหนังสือ เรื่อง "พุทธจริต" เป็นเหตุให้ท่านได้รู้จักประวัติของพระพุทธเจ้าและความสำคัญของพระพุทธศาสนา
พ.ศ. ๒๕๕๖ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาภาษาเปอร์เซียและอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยบอมเบย์
พ.ศ. ๒๔๕๖ ได้รับทุนการศึกษาของมหาราชาไคกวาร์ แห่งเมืองบาโรด้า เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา จบการศึกษาในปี พ.ศ.๒๔๕๘
พ.ศ. ๒๔๕๙ เรียนปริญญาเอก โดยเขียนวิทยานิพนธ์ชื่อ "The National Divident of India - A Historical and Analytical Study" สำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐
พ.ศ. ๒๔๖๐ ดำรงตำแหน่งปลัดฝ่ายความมั่นคง แห่งเมืองบาโรด้า
พ.ศ.๒๔๖๓ เป็นศาสตราจารย์ทางเศรษกิจการเมือง ที่วิทยาลัยการค้าและเศรษฐศาสตร์ ไซเดนฮัม (Sydenham College) เมืองบอมเบย์
พ.ศ.๒๔๖๓ กลับไปศึกษาต่อ ณ London School of Economics and Political Science จบปริญญาเอก โดยเขียนวิทยานิพนธ์ชื่อ "The Problem of Rupee-its Origin and its Solution" และสำเร็จการศึกษาด้านกฏหมายเป็นเนติบัณฑิต
พ.ศ. ๒๔๖๗ เป็นผู้พิพากษาสูง ของเมือง บอมเบย์
พ.ศ. ๒๔๗๐ เริ่มพิธีสัตยาเคราะห์(ประท้วงอย่างสันติ) ณ บ้านมหัท จังหวัดโกลาบะ เพื่อเรียกร้องสิทธิให้กลุ่มคนจัณฑาลเข้าไปใช้น้ำในสระสาธารณะโชว์ดาร์
พ.ศ.๒๔๗๑ เป็นศาสตราจารย์ ของมหาวิทยาลัยกฏหมายแห่งรัฐ เมืองบอมเบย์ และได้เลื่อนเป็นอธิการบดีในปีนี้เอง
พ.ศ.๒๔๗๕ เป็นตัวแทนของกลุ่มคนจัณฑาล เข้าร่วมประชุมโต๊ะกลม ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นกรรมการร่วมของรัฐสภาเพื่อการปฏิรูปรัฐธรรมนูญอินเดีย
พ.ศ.๒๔๗๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยกฏหมายแห่งรัฐ เมืองบอมเบย์ ครั้งที่ ๒ และเป็นศาสตราจารย์ด้านปรัชญาและกฏหมาย
พ.ศ.๒๔๘๙ เปิดสิทธารถวิทยาลัยเพื่อศิลปะและวิทยาศาสตร์ เมืองบอมเบย์
พ.ศ.๒๔๘๙ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญแห่งอินเดีย
พ.ศ.๒๔๙๐ อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ ดร.อัมเบดการ์ได้รับเลือกจากพรรคคองเกรส เข้าสู่สภาร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับคณะรัฐมนตรีชุดแรกของอินเดีย ซึ่งมี พณฯ ยวาหลาล เนห์รู เป็นนายกรัฐมนตรี ดร.อัมเบดการ์ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอินเดีย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ก่อตั้งองค์กร "ภารติยพุทธชนสังฆะ" หรือ สมาคมชาวพุทธอินเดีย
พ.ศ.๒๔๙๕ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่ท่าน ในวาระครบรอบ ๒๐๐ ปี ของมหาวิทยาลัย
พ.ศ.๒๔๙๗ เข้าร่วมประชุมใหญ่ขององค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ล.ส.) ครั้งที่ ๓ ณ นครย่างกุ้ง ประเทศสหภาพพม่า
พ.ศ.๒๔๙๘ ก่อตั้ง "ภารติยพุทธมหาสภา" หรือ พุทธสมาคมแห่งอินเดีย
พ.ศ. ๒๔๙๙ เขียนหนังสือเรื่อง "The Buddha and His Dhamma" และ "Revolution and Encounter-revolution in Ancient India"
พ.ศ.๒๔๙๙ จัดพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ ณ เมืองนาคปูร์ รัฐมหาราษฎร์ พร้อมกับบริวารประมาณ 500,000 คน โดยมีพระมหาเถระจันทรมณี จากมหาวิหาร กุสินารา เป็นประธานสงฆ์ประกอบพิธี
๖ ธันวาคม ๒๔๙๙ ได้ถึงแก่อนิจจกรรมที่บ้านพัก กรุงนิวเดลี และได้มีรัฐพิธ๊เผาศพ ที่เมืองบอมเบย์หรือมุมไบ
ท่าน ดร.บี.อาร์.อัมเบดการ์ นำประชาชนประมาณ ๕ แสนคน กล่าวคำปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ณ บริเวณทิกษาภูมิ เมืองนาคปูร์ รัฐมหาราษฎร์ เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๙๙(๒๕๐๐) โดยมีคำปฏิญาณ ๒๒ ข้อ ดังนี้
๑. ข้าพเจ้าจะไม่บูชาพระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุอีกต่อไป
๒.ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระราม พระกฤษณะ เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เคารพนับถืออีกต่อไป
๓.ข้าพเจ้าจะไม่เคารพบูชาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูอีกต่อไป
๔. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อลัทธิอวตาร คือการแบ่งภาคลงมาเกิดอีกต่อไป
๕. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้า คืออวตารของพระวิษณุอีกต่อไป
๖. ข้าพเจ้าจะไม่ทำพิธีสารท และบิณฑบาตแบบฮินดูอีกต่อไป
๗. ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า
๘. ข้าพเจ้าจะไม่เชิญพราหมณ์มาทำพิธีทุกอย่างอีกต่อไป
๙. ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน
๑๐. ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน
๑๑. ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน
๑๒. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศน์ โดยครบถ้วน
๑๓. ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก
๑๔. ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น
๑๕. ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม
๑๖. ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด
๑๗. ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา
๑๘. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในทาน ศีล ภาวนา
๑๙. ข้าพเจ้าจะเลิกนับถือศาสนาฮินดู ที่แบ่งชั้นวรรณะ
๒๐. ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่เป็นศาสนาที่แท้จริง
๒๑. ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าหันมายอมรับนับถือพระพุทธศาสนานั้นเป็นการเกิดใหม่อย่างแท้จริง
๒๒. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะปฎิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด
หลังจากปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะแล้ว ดร.อัมเบดการ์กล่าวว่า "ข้าพเจ้าเกิดมาเป็นฮินดู เพราะข้าพเจ้าควบคุมไม่ได้ แต่จะไม่ขอตายในฐานะฮินดู แต่ขอตายในฐานะชาวพุทธ"
สวัสดีครับ
แวะมาอ่านครับ
ขอบพระคุณครับ...
ขอบคุณครับที่อุตส่าโพสต์ข้อความให้กำลังใจ
เพื่อความชัดเจน ผมขออธิบายเสริมเรื่องชนชั้นในสังคมฮินดูนิดหน่อย ศาสนาฮินดูแบ่งคนออกเป็น 4 วรรณะ คือ
1.กษัตริย์ ได้แก่ นักปกครอง นักการเมือง และข้าราชการ
2. พราหมณ์ ได้แก่ นักบวช นักวิชาการ และครูอาจารย์
3. แพทย์ ได้แก่ พ่อค้า นักธุรกิจ
4. ศูทร ได้แก่ กรรมกร เกษตรกร ชนใช้แรงงาน
ส่วนท่าน ดร.อัมเบดการ์ เกิดในกลุ่มจัณฑาล คนกลุ่มนี้มีสถานภาพต่ำกว่าพวกวรรณะศูทรอีก เป็นชนที่ 2 วรรณะต้นดูถูกเหยียดหยามมาก ขนาดห้ามมีการสัมผัสแตะต้องกัน จัณฑาลจึงถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ชนที่แตะต้องไม่ได้ (untouchable person) ภายหลังท่านมหาตมะ คานธี ต้องการแก้ไขความผิดพลาดของฮินดู ท่านจึงเรียกคนกลุ่มนี้ว่า หริชน แปลว่า คนของพระเป็นเจ้า
สำหรับคนอินเดียแล้ว ดร.อัมเบดการ์เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งครับ ทางการประกาศให้วันเกิดของท่าน 14 เมษายน เป็นวันหยุดราชการ
เคยไปชมพิพิธภัณฑ์ของท่านที่ปูเน่ น่าสนใจมาก
ขอบคุณสำหรับข้อเขียนถึงคนดีของโลกครับ
ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
ความสนใจในตัวท่านดร.อัมเบดการ์เริ่มตั้งแตผมยังไม่ได้เข้าศึกษาปริญญาตรี ซึ่งเกิดขึ้นจากการได้อ่านหนังสือชื่อ"ดร.อัมเบดการ์ รัฐบุรุษจากสลัม" เมื่อไปศึกษาปริญญาโทต่อที่อินเดียผมได้ไปกราบสักการะท่านที่ทิกษาภูมิ เมืองนาคปูร์ และในช่วงศึกษาปริญญาเอกผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกิจกรรมของกลุ่มชาวพุทธ ที่ทำงานเพื่อสังคมตามแนวทางของท่าน ดร.อัมเบดการ์ โดยมีสถาบันฝึกอบรมอาสาสมัครชื่อ "สถาบันนาครชุน" แล้วสร้างเป็นเคลือข่ายครอบคุมทั่วทั้งอินเดีย และมีการร่วมมือกับองค์กรพุทธระดับสากลของท่านสังฆรักขิต ชาวอังกฤษด้วย
ระหว่างอยู่ที่อินเดีย ผมสังเกตุเห็นอย่างหนึ่งคือ ตามหมู่บ้านในชนบททั่วอินเดียจะมีรูปปั้นของท่านดร.อัมเบดการ์ ถือรัฐธรรมนูญ ส่วนรูปปั้นและรูปภาพของท่านมหาตมะ คานธีจะมีเฉพาะในสถานที่ราชการเท่านั้น น่าคิดนะครับ
“ผมยกย่องท่านในฐานะที่เป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้เพื่อนร่วมชาติที่ถูกละเมิดมานานนับพันปี “ (ขอพระคุณที่ท่านนำเสนอชีวประวัติบุคคลที่ควรสรรเสริญเป็นแบบอย่างครับ)
เจ้าคนนายคน ชนชั้นล่าง เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด ผู้ดีเดินตรอก ระบบลูกพี่ ไม้กันหมา อาสาเจ้าจนตัวตาย ซื่อสัตย์อย่างพันท้ายนรสิงห์ ฯลฯ วลีเหล่านี้