เมื่อวานนี้เป็นวันที่ผมต้องรีบเร่งตั้งแต่เช้าครับ รีบตื่น รีบขับรถ รีบตรวจคนไข้ รีบกลับบ้าน จนถึงตอนเย็นเป็นเวลาที่ผมไม่ต้องรีบทำอะไรมากแล้วแต่เพราะรีบมาทั้งวันจนชิน ช่วงหัวค่ำผมอยากให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารมื้อดึกพร้อมกับฟุตบอลโลก ขณะทานอาหารผมเผลอกัดปากอย่างแรงครับ ซึ่งคงเป็นเพราะความรีบเร่งตลอดวันทำให้ผมชินกับการที่ต้องทำอะไรรีบ ๆ ตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าเวลาไหนเป็นเวลา "พัก"และเวลาไหนเป็นเวลา "งาน" วันนี้ผมยังคงเจ็บกับแผลในปากแต่คุ้มครับ เพราะได้ idea ใหม่ ๆเกี่ยวกับความรีบเร่งที่มีผลกับเด็กในปัจจุบัน เลยอยากมาแบ่งปันให้อ่านกันบ้าง
ที่คลีนิคพ่อแม่หลายคนมักพามาด้วยอาการที่แทบจะเหมือนในตำราเรียน คือ "ซน" "อยู่ไม่นิ่ง" "ทำอะไรไม่เสร็จ" "ทำงานพลาดบ่อย ๆ " "ขี้ลืม" "โมโหง่าย" และที่พูดเหมือนกันทุกคนคือ "สงสัยว่าลูกเป็นสมาธิสั้น" เป็นคำตอบสุดท้ายในการพามาพบจิตแพทย์เด็ก ปรากฎการณ์เช่นนี้ครับ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการที่พ่อแม่ "สรุป" เองว่าลูกเป็นอะไรก่อนพามาหาหมอ ถามว่าพ่อแม่รู้ได้ไงว่าต้องมาหาหมอ ก็คงดูจากสื่อต่าง ๆ และข้อเสนอแนะจากทั้งครูและผู้ปกครองคนอื่น ๆ ที่แนะนำว่า โรคสมาธิสั้นมีอาการ ซน อยู่ไม่นิ่ง ....... ฯลฯ .... เมื่อดูไปดูมาเห็นว่าอาการคล้ายกับลูกตัวเองก็เลยพามาพบหมอกันยกใหญ่ครับ
อาการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถามว่าจะเจอได้มั้ยในเด็กทั้ว ๆ ไป คำตอบคือ "เจอได้ครับ" เพราะว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการที่ได้จากการสังเกตจากคนภายนอก (subjective symptoms) ดังนั้นเมื่อมีการรับรู้ก็ย่อมมีการตัดสินร่วมด้วยว่า เด็กนี้น่าเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่า??? เด็กหลายคนที่มาก็มีอาการสมาธิสั้นชัดเจนครับ แต่ก็ไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นสมาธิสั้นแต่อย่างใด ทำให้พ่อแม่หลายคนคิดว่าเป็น "สมาธิสั้นเทียม" (สงสัยพ่อแม่คิดว่าเหมือนคำว่า "แดงเทียม" ที่ได้ยินในทีวีบ่อย ๆ ) ซึ่งไม่ได้เป็นการวินิจฉัยทางการแพทย์ครับ ทางการแพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็นหรือไม่เป็นสมาธิสั้นเท่านั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องทีเดียวผมจะมาอธิบายว่ามันต่างกันอย่างไร
ก่อนอื่นต้องอธิบายถึง "สมาธิสั้นแท้ ๆ" โรคสมาธิสั้นคือโรคทางสมองโรคหนึ่งครับ พูดง่าย ๆ ว่าสมองผิดปกติทำให้พฤติกรรมผิดปกติ คำอธิบายคือสมองส่วนที่ทำหน้าที่ในการควบคุมสมาธิหรือการเรียงลำดับขั้นตอนในการทำงานยังพัฒนาการได้ไม่เต็มที่ ทำให้เด็กมักอยู่กับงานไม่ได้นาน ๆ นั่งกับที่ไม่ได้และทำงานไม่เสร็จ เมื่อสาเหตุอยู่ที่สมองการรักษาก็พุ่งเป้าไปที่สมองด้วย การรักษาที่ดีที่สุดคือการ "รอ" ให้สมองค่อย ๆ พัฒนาตามพัฒนาการของร่างกาย ดังนั้นอาการของโรคสมาธิสั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเข้าวัยรุ่น แต่ปัญหาก็คือ "เราจะทำอะไรระหว่างรอ" เพราะคงไม่มีใครที่พอใจกับการที่ลูกของตัวเอง "ป่วน" มากนัก การที่ทำให้เด็กสงบจึงต้องใช้ยาเพื่อควบคุมสมองให้ทำงานอย่างสมดุลครับ
ต่อมาจะพูดถึง"สมาธิสั้นเทียม"บ้างครับ อาการเหมือนกับสมาธิสั้นแท้ทุกประการต่างกันที่ "สาเหตุ" ครับเพราะว่าโรคสมาธิสั้นเทียมมีสาเหตุจากอะไรก็ได้ที่ "ไม่ใช่จากสมอง" ซึ่งสาเหตุที่สำคัญที่สุดคือสาเหตุทาง "การเลี้ยงดู" เคยได้ยินคำว่า HURRIED CHILD มั้ยครับ คำนี้เป็นคำที่นิยามสภาพเด็กที่ทำทุกอย่างด้วยความรีบเร่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเด็กที่โตมากับสภาพแวดล้อมในเมือง มีการแข่งขันกับเวลาเดี๋ยวก็ต้องรีบไปเรียนพิเศษ เมื่อเด็กต้องทำงานแข่งกับเวลาตลอดโดยที่พัฒนาการของเด็กยังไม่พร้อมทำให้ออกมาเป็นอาการทำงานผิดบ่อย ๆ ขี้ลืม เหม่อลอย บ่อยครั้งที่เด็กพบกับความผิดหวังที่ทำไม่ได้ทันเวลาก็จะเป็นปัญหาทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย เบื่อหน่าย
นอกจากการเลี้ยงดูแล้ว สาเหตุอีกอันคือ "เทคโนโลยี" โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่โฆษณาว่าทำให้"เราใกล้กันมากขึ้น"คือโทรศัพท์มือถือและ internet ทุกวันนี้เทคโนโลยีทำให้เราไม่รู้จักรอคอย ทำให้เราไม่รู้จักวางแผน และทำให้เรากลายเป็น "สมาธิสั้นเทียม"ไป ข้อสังเกตอันหนึ่งคือ อวัยวะที่เด็กในยุคนี้ใช้มากที่สุดคือ "นิ้วโป้ง" เพราะว่านิ้วโป้งเป็นนิ้วที่สามารถให้ความสุขกับเราได้เร็วและง่ายที่สุด คิดถึงใคร อยากโทรจิกใคร BB หาใคร เราก็ใช้นิ้วโป้งเริ่มต้นจิ้มปุ่มสี่เหลี่ยม (เดี๋ยวนี้ต้องจิ้มหน้าจอ touch screen แทนแล้วครับ) อยู่ที่ไหน กินก๊วยเตี๋ยวข้างถนนก็ถ่ายรูปลง facebook (ตูไม่ได้อยากรู้เลยว่าทำไรอยู่) ผมขอเรียกวัฒนธรรมเหล่านี้ว่า "THUMB GENERATION" หรือวัฒนธรรมแห่งการใช้นิ้วโป้งเพื่อคลายเหงา เมื่อเด็กรับเทคโนโลยีเข้าไปมาก ๆ ก็เลยคล้ายกับ"สมาธิสั้นเทียม"ไปครับ
สุดท้ายนี้ไม่ว่าเด็กหรือลูกของคุณจะมีอาการอย่างไร คล้ายหรือไม่คล้ายสมาธิสั้นก็ตามครับ สิ่งที่ผมอยากฝากไว้คือการที่เรามองเด็กคนหนึ่ง อย่าไป focus กับความผิดปกติของเด็กมานักไม่งั้นเราจะเห็นว่าเด็กทุกคนเข้าข่ายสมาธิสั้นไปหมด (รัฐบาลคงต้องมีนโยบายใส่ยารักษาสมาธิสั้นในน้ำประปา) แต่อยากให้มองเด็กตามพัฒนาการตามวัยเค้า ให้แรงจูงใจเมื่อเค้าทำได้ และช่วยเมื่อเค้าทำไม่ได้ ผมว่าเพียงเท่านี้ก็จะทำให้เค้าเติบโตมาตามวัยที่เค้าควรจะเป็นแล้วครับ
ลูกสาวของดิฉัน วัย 4ขวบครึ่ง ก็โดนป้าสรุปว่าสมาธิสั้น ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจแต่คิดว่าไม่ใช่ค่ะ
ลูกสาว4ขวบซนมากแพทย์รพ.ช.วินิจฉัยว่าเป็นโรคADHDค่ะยังไม่เคยรับการตรวจกับจิตแพทย์กำลังหาข้อมูลและสถานที่รักษาค่ะ
ตอนนี้ลูกสาวอายุ5 ขวบแล้วเค้ามีโรคประจำตัวคือเป็นฮอโมนไทรอยต่ำรู้ตั้งแต่3วันแรกที่เค้าเกิดแล้วก็หาหมอมาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้เค้าซนมากไม่เคยอยู่นิ่งยกเว้นเวลาหลับแล้วก็จะนอนยากมากแล้วก็จะตื่นเร็วได้ยินเสียงนิดเดียวก็ตื่นจะชอบทำตรงข้ามที่บอกแล้วก็ก้าวร้าวนี่ก็ข้างต้นนะคะเคยปรึกษาคุณหมอประจำโรคเค้าแล้วแต่คำตอบก็คือไม่เกี่ยวกับโรคไทรอยอยากทราบว่าอาการอย่างนี้ควรจะหาจิตแพทย์ดีมั้ยคะกลุ้มใจมากลูกไม่เหมือนเด็กปรกติ ช่วยตอบด้วยนะคะ
การที่แพทย์ท่านเดิมบอกว่าไม่ได้เป็นจากไทรอยด์ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้เป็นสมาธิสั้นครับ อาการที่กล่าวมาทั้งหมดเข้ากับโรคได้ครับ ยกเว้นเรื่องการนอนเพราะเด็กสมาธิสั้นจะนอนได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามหมอแนะนำว่าควรพาน้องไปพบจิตแพทย์เด็กครับ
นพ. ทรงภูมิ เบญญากร
สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ เลยส่งเมล์ไปปรึกษาคุณหมอที่ อีเมล์ [email protected] นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ คุณหมอ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ลูกชายอายุ 7 ขวบค่ะ เมื่อเริ่มไปโรงเรียนจะเดินรอบห้อง ไปหากองหนังสือที่ตัวเองชอบค่ะ ไม่ได้สนใจที่ครูสอน แต่เรียนได้ ตอบได้ทุกอย่าง สนใจความรู้รอบตัวมาก เลยมีเพื่อนน้อย เพราะเพื่อนจะไม่เข้าใจที่เค้าคุย เวลาเรียนหนังสือจะเหม่อลอยบ่อย ว่าก้อแล้ว ดุเสียงดังก้อแล้ว ไม่ได้ผลเลย เหนื่อยปล่าว แบบนี้เข้าข่ายสมาธิสั้นมั้ยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
แนะนำให้เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/pages/SuperSun-Special-Edu/322023247856832
ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันก็คิดว่าลูกตัวเองสมาธิสั้น พาไปปรึกษาคุณหมอมา ๒-๓ ครั้งแล้ว อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองมีมุมมองต่อลูกชายวัย ๖ ขวบต่างไปจากเดิม คือ คิดว่าแม่เองก็มีส่วนทำให้ลูกเข้าข่ายสมาธิสั้นจากการให้ดูการ์ตูนเสริมพัฒนาการทางภาษามากไป ขณะที่ลูกชายก็เป็นเด็กที่มีชีวิตชีวาในการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก แต่เขาซนแบบระวังไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ ปีนต้นไม้แบบระมัดระวัง เวลาคุยกับผู้ใหญ่ก็พูดรู้เรื่อง มีเหตุผล เข้าใจใช้คำพูดโต้ตอบ (คนอื่นชมให้แม่ฟัง)
เห็นมีหลายความเห็นเข้ามา หมอไม่ได้อัพเดทนานมาก ๆ ครับเพราะช่วงหลังย้ายไปที่เฟสบุ๊คเพจ "โลกหรือโรคสมาธิสั้น?" https://www.facebook.com/pages/%E0%B9%82%E0%B8%A5%... ถ้าเข้าไม่ได้ลอง search ชื่อ "โลกหรือโรคสมาธิสั้น?" ในเฟสบุ๊กดูนะครับ เป็นเพจให้ความรู้ ไม่แสวงหากำไร อยากให้มีคนไลค์และแชร์เยอะ ๆ ครับ จะได้มีกำลังใจในการเขียน ^ o ^
ลูกอายุ7ขวบคะเรียนชั้นป.1แต่ต้องซำชั้นอ่านไม่ได้คำนวนเลขไม่ได้จำเลขสลับกันช้าเข้าใจอะไรยากดื้อเงียบทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบถ้าไม่อยากทำอะไรก็เงียบไปเลยไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไรคะช่วยตอบหน่อยนะคะ
คือ หนูอายุ 17 หาไม่ก้าวร้าว ไม่มีซน แต่หนูขี้ลืม ลืมปากกา ลืมเข็มขัด นร ลืมใส่ถุงเท้ามา รร หนูชอบวาดรูปแต่หนูไม่มีจินตนาการ หนูเลียนแบบบางอย่างมาโดยไม่รู้ตัว หนูติดโทรสับ หนูไม่ชอบจด หรือ สนใจเนื้อหาที่ รร ไม่ชอบฟังสิ่งที่มีใน หนังสือ แต่ถ้าเรื่องที่ชอบหนูก็จะสนใจน่ะ ไม่ชอบนั่งอยู่กับที่ กว่าจะทำการบ้านเสร็จหนูลุกไปที่อื่นตลอดไม่เกิน 5 นาทีก็ลุกล่ะสักพักก็ไม่ทำเลย ปล่อยไปแบบนั้นเลย หนูมีเพื่อนสนิทแต่เพื่อนไม่ค่อยเข้าใจ ชอบมองหน้าต่าง ชอบนั่งตรงหน้าต่างจะได้มองออกไปด้านนอก ครูสอนอยู่ ก็ชอบก้มหน้า เปิดหนังสือไปเรื่อยๆ หรือทำอย่างอื่นไปแต่ไม่ค่อยจดจ่อได้อ่ะ ชอบน้อยใจคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก แค่ไม่สนใจหนูนิดเดียวหนูก็ชอบร้องไห้ตลอด
นี่คือพฤติกรรมที่หนูเป็นบ่อยๆค่ะ ว่าได้ว่าทุกวันเลย หนูอยากทราบว่าหนูมีแววเป็นโรคไหมค่ะ หนูจะได้ไปตรวจ แต่หนูกลัวเป็นอ่ะ ทุกคนต้องไม่เข้าใจแน่เลย
ยาย..อ่านๆๆดูๆๆ....เลยคิดเหมือนกันว่า..คงเป็นโรค..สมาธิสั้น..ฝรั่งบอกว่าไม่เป็นแต่เด็ก..แก่ก็เป็น..
กลัว..ๆ..ว่าไปหาหมอแล้วคงต้องกินยา..เลย..เป็นโรค..หายเอง..เป็นเอง..ไม่ต้องหาหมอกินยา..๕..
ชอบที่คุณหมอเขียนเจ้าค่ะ...ยายธี