ดิฉันไม่สบายมาร่วมสองสัปดาห์ อาการที่ว่าก็ยังไม่ค่อยดีนักเพราะมีอาการไอ(มาก)ร่วมด้วย...แต่ดีที่ว่าไม่มีไข้สูงร่วมด้วย จึงพอที่จะพยุงตัวมาที่ทำงานได้ หลังจากที่ประเมินสภาพตนเองแล้ว...แต่อาการไอนี่สิเป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารของดิฉันเหลือเกิน...ไอมากพูดก็ไม่ได้ เสียงไม่มี และเวลาพูดต้องตะเบ็งเสียงแล้วก็จะมีอาการไอตามมา..
โชคดีที่ว่าดิฉันได้เพื่อนร่วมงานที่ดีมาก ช่วงวันแรกพี่เบิร์ดทนไม่ได้ เอายาอมแก้ไอทุกขนานมาให้ทั้งยาจีย ยาไทย ยาฝรั่ง มาให้อม...ก็พอช่วยได้บ้าง ประกอบกับการดื่มน้ำอุ่น แต่ก็ยังไม่ดีมาก อาจเป็นเพราะว่า "ทุน"..สุขภาพตนมีน้อยเพราะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย เวลาไม่สบายจึงเป็นหนัก..จากนั้นคุณแม่ก็ทั้งบ่น พี่สาวก็บ่น..ว่าให้ไปหาหมอเอายามาทาน แต่ดิฉันเป็นนักเชื่อ "ธรรมชาติ" เป็นเองหายเอง...ประมาณนั้น ด้วยความดื้อนี่เองอาการจึงหายช้า คุณแม่ทนไม่ไหวต้องไปหาหมอ(ที่รู้จัก)เอง เพื่อขอยามาให้ทาน จากนั้นน้องที่ทำงานไม่ว่าจะน้องหนุ่ย น้องหนิง พี่หน่อยน้อย พี่นาง ต่างเขี่ยวเข็ญให้หยุดงานพักผ่อนที่บ้าง...จริงๆ ก็ควรหยุดเพราะเป็นการแพร่กระจายเชื้อ แต่ก็ไม่หยุด จนมาถึงวันนี้น้องหนุ่ย น้องหนิงทนไม่ไหว...เอายาโดยคุณหมอพิสิษฐ์(สามีน้องหนุ่ย) เป็นคนสั่งยามาให้ฉีดและทาน...อาการไอ..ทุเลาดีขึ้น พร้อมกับมีเสียบแนบท้ายสายโทรศัพท์มาแบบดุๆ ด้วยว่าให้ดื่มน้ำอุ่นมากๆ เดี๋ยวยาที่หมอสั่งจะไม่มีประสิทธิภาพ
น้องหนิงเป็นคนฉีดยาให้มือเบามาก ในชีวิตดิฉันเชื่อมืออยู่สองคนคือ พี่ป้อม(พี่สาว) และน้องหนิงที่จะยอมให้เจาะเลือด และฉีดยาให้เพราะทั้งสองท่านนี้มี Tacit Knowledge หรือขุมความรู้เรื่องการฉีดยาที่เบามือมาก และชำนาญไม่ค่อยพลาดแม้เส้นหายากก็ตาม ปกติดิฉันท้วมๆหน่อยเส้นเลือดหายาก...จะมีสองท่านนี้เท่านั้นแหละคะที่สามารถพิชิตเส้นเลือดของดิฉันได้...เป็นว่าวันนี้ด้วยความรักความห่วงใย...ที่เรามีต่อกันนี้ก็สามารถช่วยให้ดิฉันรู้สึกทุเลา...จากอาการไอได้อย่างชะงัด..ดีทีเดียวเลยล่ะคะ..แม้จะมีบ้างปะปรายแต่คาดว่าคืนนี้ ดิฉันจะหลับได้สบายขึ้น โดยไม่ต้องตื่นลุกขึ้นมาไอกลางดึกเป็นแน่แท้...
ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ แล้วก็พักผ่อนมาก ๆ นะคะ (ดึกแล้วนะเนี่ย คืนนี้)
ดิฉันก็เป็น "นักเชื่อธรรมชาติ" เช่นกัน มีเป็นหวัดบ้างแต่ก็หายเองทุกครั้ง ด้วยน้ำอุ่น มะนาวผสมน้ำผึ้ง อาบน้ำต้มใบมะขาม สารพัดที่จะนำมาใช้แทนยา จนคนข้างเคียงเข้าใจว่า "กลัวการกินยา" แต่ไม่ใช่เลยไม่กลัว แต่มีความเข้าใจซึ่งไม่รู้ผิดหรือเปล่า ว่า ถ้ากินยาตัวที่ 1 ครั้งที่ 1 เข้าไปปราบเจ้าไวรัสตัวนี้แล้ว หากเป็นครั้งที่ 2 เจ้าไวรัสตัวนี้จะต้องใช้ยาที่ advance ขึ้น ฉะนั้นถ้าเรากินยาบ่อย ๆ เราก็ต้อง advance ความแรงของยาขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันจึงทำตัวไม่ข้องแวะกับยา หรือหมอ เลย ในรอบ 1 ปี จะกินพาราสักเม็ดน่าจะได้ นอกนั้น อดทนบวกน้ำมะนาว มะขาม ฯลฯ ที่ว่า คนข้างเคียงซะอีกที่กินยาเป็นว่าเล่น ขนาดตัวเองเป็นนักกีฬา เจ็บโน่นนิด นี่หน่อยก็ไปร้านยา ซื้อยามากิน เขาบอกเขากลัวเป็นหนัก "กินกันไว้ก่อน" เป็นเรื่องให้ต้องขัดใจกันทุกครั้งเวลาที่ ลูกซึม ๆ พี่แกก็จะเอา "พาราเด็ก" มาให้กินกันไว้ก่อน เพราะคิดว่าลูกจะไข้ ก็มันขัดกับนักเชื่อธรรมชาติ อย่างดิฉัน "ต้องรูดใบมะขามต้มกับหัวหอมอาบก่อนซักต้นก่อน" ไม่หายค่อยไปหาหมอ ค่ะ
คุณ"รัตติยา"
คุณพระคุณมากนะคะที่แวะมาเยี่ยมเยียนและทักทาย
ตื่นขึ้นมาเขียนบันทึกคะ...เขียนเสร็จก็นอนคะ...
คุณ"เมตตา ชุมอินทร์"
มาเจอแล้ว...คนที่มีแนวปฏิบัติกคล้ายกัน...
ยึดถึอวิถีตามธรรมชาติ....และความเชื่อส่วนตนคะ
นิยมไม่ทานยา....
แต่หากชอบเน้นป้องกัน...
นี่ก็หลายปีมาแล้วที่เพิ่งจะป่วยเป็นไข้หวัด...น่ะค่ะ
ก็คิดว่าวิถีตามความเชื่อตนก็พอใช้ได้
อ.จันทรรัตน์
ขอบคุณนะคะ..ตอนนี้หายดีแล้วคะ..จะมีก้แต่อาการไอ..ไอ...ไอ...(คะ)