พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้ากองมหาดเล็ก นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ ตำแหน่งสมัยนั้นได้แจ้งกับผมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ผมเข้าเฝ้าฯ เพื่อช่วยแก้ไขหุ่นขี้ผึ้งพระพุทธรูปปางประทานพร ตามแบบเดิมที่ช่างปั้นได้ทำการหล่อเป็นโลหะไปแล้ว ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์
ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เข้ามาทอดพระเนตรการปฏิบัติงานภาคปกติของผมด้วยความละเอียดถี่ถ้วนที่แน่นอนแม่นยำของพระองค์ท่าน ได้รับสั่งกับผมว่า พระเศียรเอียงไปนิดหน่อย
ผมได้กราบบังคมทูลว่า "ก่อนหน้าที่พระองค์ท่านเสด็จฯ เข้ามา ข้าพระพุทธเจ้าตรวจทิ้งดิ่งแล้วพระพุทธเจ้าข้า ไม่เอียง" ท่านก็ไม่ว่าอะไร พอจะเสด็จฯ ออกจากห้อง ทรงรับสั่งอีกครั้งหนึ่งว่า "ยังเอียงนะ" แล้วเสด็จฯไป
ผมอยู่ทางนี้ก็นึกเอะใจ จึงมีการตรวจทิ้งดิ่งอีก คราวนี้ผมตกใจที่สุดรีบแก้ไข และตกแต่งใหม่จนเรียบร้อย และนั่งคิดอยู่ว่าเป็นความผิดอย่างยิ่งของผม ถ้าเป็นสมัยโบราณ ถ้าไม่ได้รับพระเมตตา พระราชอาญาคงไม่พ้นเกล้าฯ แน่ๆ
วันรุ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เข้ามาในห้องอีก ผมรีบเข้าไปกราบแทบพระบาทของพระองค์ท่าน และกราบบังคมทูลรับสารภาพผิดว่า "เมื่อวานนี้ข้าพระพุทธเจ้าอาจมีการแต่งเติมเพียงนิดหน่อย หนักมือไปเลยเอียง ขณะนี้ได้แก้ไขเรียบร้อยแล้วพระพุทธเจ้าข้า"
พระองค์ท่านทอดพระเนตรตรวจอีกครั้งหนึ่ง รับสั่งว่า "ดีแล้ว"
ด้วยพระอาการพระเมตตา ซึ่งทำให้ผมต้องจดจำไปตลอดชีวิต
ที่มา : ที่สุดของหัวใจ
สำนักพิมพ์ : กันตนา