อาหารและการดำเนินชีวิตตามฤดูกาล
พื้นถิ่นแต่เดิมของชุมชนหนองบัวนั้น มีแหล่งอาหารจากธรรมชาติหมุนเวียนไปทุกฤดูกาลอย่างอุดมสมบูรณ์ ในฤดูแล้งจะมีอาหารป่า จากแนวป่ากว้างขวางซึ่งแผ่คลุมเชื่อมมาจนถึงพื้นที่ซึ่งเป็นตัวเมืองหนองบัวในปัจจุบัน โดยเฉพาะ หน่อไม้ กลอย ผักหวาน ผักอีซึก ใบย่านาง เห็ดเผาะ บอน อีบุก ยอดหวาย และพืชผักของป่านานาชนิด
หลังหน้าทำนา ชุมชนก็จะมีงานประเพณี งานประจำปีตามวัดของชุมชนต่างๆที่ชาวบ้านจะต้องร่วมกันทำเป็นงานของส่วนรวม รวมทั้งจะเป็นเทศกาลสำหรับงานบวช แต่งงาน ทอดผ้าป่า กฐิน จึงจำเป็นต้องเตรียมหาปัจจัยที่จำเป็นไว้ รวมทั้งอาหารและวัตถุดิบพื้นฐานเพื่อทำเป็นอาหารต่างๆ ทั้งสำหรับกินอยู่ในครอบครัวและเก็บไว้ทำบุญตลอดปี
ดังนั้น เมื่อนวดข้าวและเสร็จหน้าทำนาแล้ว ชาวบ้านก็จะพากันไปหาหน่อไม้และทำหน่อไม้แปรรูปต่างๆอย่างเพียงพอ รูปแบบและวิธีหลักๆก็คือหน่อไม้รวกเผาแล้วต้มในใบย่านางซึ่งจะเป็นวีธีถนอมอาหารให้สามารถเก็บหน่อไม้สำรองไว้ทำอาหารกินได้เป็นเดือน และหน่อไม้ไผ่ตงซึ่งจะฝานให้เป็นริ้วบางๆแล้วขนกลับมาทำหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้อัดเจ้าละ ๑-๒ ไห เก็บไว้ทำเป็นอาหารต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ จะเป็นวัตถุดิบสำหรับทำสูตรอาหารและเมนูอาหารในฤดูกาลต่างๆต่อไปอีกหลายอย่าง เช่น รอปรุงเข้ากับ ไก่ กบ ปลา ในหน้าแล้ง หน้าฝน และหน้าน้ำหลาก ซึ่งในธรรมชาติของท้องถิ่นมีอยู่อย่างไรก็ปรับปรุงการทำอยู่ทำกินให้สอดคล้องไปตามนั้น จนถึงหน้าแล้งของปีถัดไป
วิถีทำกินทำอยู่ที่สะท้อนการเรียนรู้ความสมดุลพอเพียงไปกับธรรมชาติ
หลังดำนาและเป็นจังหวะที่ต้นข้าวหยั่งรากแน่นหนาลงดินซึ่งจะเป็นช่วงประมาณเดือนแปด-เดือนเก้า น้ำธรรมชาติซึ่งสะสมจากฝนที่ตกในหน้าทำนาอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นน้ำหลากไหลบ่ามาจากทางเหนือ ท่วมไปทั่วท้องนาของชุมชนหนองบัว ชาวบ้านตามเส้นทางที่น้ำหลากมานั้นจะมีวิธีบอกกันปากต่อปากถึงปริมาณน้ำ ความเร็วและความแรง และแหล่งที่น้ำหลากมาถึง นับแต่น้ำท่วมมาถึงพิษณุโลกและพิจิตร เมื่อหลากมาถึงหนองบัว ชาวบ้านท้องถิ่นหนองบัวก็จะบอกกันปากต่อปากไปยังชุมชนที่อยู่ทางใต้ถัดไปจนถึงบึงบอระเพ็ด สิงห์บุรี ชัยนาท กระทั่งถึงอยุธยา
การเป็นเครือข่ายสื่อสารอย่างเอื้ออาทรกันในลักษณะดังกล่าวนี้ จะทำให้ชาวบ้านมีเวลาเตรียมการต่างๆได้ทัน หากมีฝนตกต่อเนื่องและน้ำหลากจากทางเหนือมาก ชาวบ้านก็จะรู้ทันทีว่าแถวหนองบัว ชุมแสง และชุมชนที่อยู่ล่างลงไปจะมีน้ำท่วมมาก ต้องรีบเอาวัวควายไปอยู่ตามจอมปลวกที่สูงที่สุด ยกร้านเพื่อเก็บปีกไม้และเครื่องมือทำมาหากินต่างๆมิให้ไหลไปตามน้ำ
เมื่อน้ำหลากมาถึงในระยะแรกก็จะไหลบ่าและระดับยังไม่แน่นอน ข้าวและไม้ไร่ทุกอย่างอาจจมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านจะรอสัก ๓-๔ วัน หากน้ำน้อยก็จะเริ่มเดินไปตามแปลงนาและพังคันนาเพื่อไขน้ำเข้านาทุกแปลงให้ทั่ว หากท่วมมากก็จะต้องรีบเปิดทางน้ำให้กว้างขึ้น ผ่านไปไม่กี่วัน ต้นข้าวซึ่งแต่เดิมอาจจมอยู่ใต้ผิวน้ำ ก็จะเริ่มแทงยอดขึ้นเหนือน้ำและแตกกองอกงงาม กุ้งหอยปูปลาที่มาตามน้ำหลากก็จะเริ่มผุดมากมาย ชาวบ้านก็จะเริ่มนำเอาเรือมายาชันและเริ่มทำอุปกรณ์สำหรับหาปลา
บรรยากาศเมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าน้ำ ก็จะเต็มไปด้วยความสุขความรื่นรมย์ ต้นข้าวกำลังได้น้ำงอกงาม ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยกุ้งหอย ปู ปลา การทำงานฝีมือ การสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมสะท้อนไปเป็นเครื่องมือหาปลา เครื่องจักสาน ประณีตบรรจง งดงาม ดีงาม และมีความจริงของชีวิต ผสมผสานและจรดจารเป็นงานศิลปะแห่งชีวิตที่มีพลังอิ่มเอิบออกจากจิตใจ
การลงเบ็ดหาปลาในนาข้าว ใน
http://gotoknow.org/file/wiratkmsr/view/407499
โดย วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ภาควิชาศึกษาศาสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภูมิปัญญาและความรู้จักธรรมชาติของชาวบ้านหนองบัวที่อยู่ในการลงเบ็ดหาปลา
เบ็ดสำหรับปักหาปลาในหน้าน้ำหลาก
เป็นเครื่องมือที่จะทำขึ้นมาให้เหมาะสมกับการหาปลาในหน้าน้ำหลาก
ลักษณะของเบ็ดกับชนิดของไม้ไผ่จะขึ้นอยู่กับความถนัดในการหาปลาและความรู้จักนิสัยใจคอของปลา
ที่สำคัญก็คือ
(๑)
เบ็ดสำหรับปักปลาดุก ปลาหมอ และปลาที่หากินหน้าดิน
ตัวไม่ใหญ่ คันเบ็ดจะทำที่อๆ ไม่ต้องพิถีพิถัน
แต่เน้นการทำสายเบ็ดให้ยาว
เมื่อปักก็จะปักเรี่ยน้ำเพื่อให้สายเบ็ดหยั่งไปถึงพื้น
เบ็ดแบบนี้และการปักดินในลักษณะนี้
หากมีปลาตัวใหญ่มากินก็มักจะหลุดหรือถอนคันเบ็ดติดไปด้วยทั้งคัน
เพราะแนวการปักเบ็ดทำมุมเกือบขนานไปกับผิวน้ำ
ทำให้ทานแรงดึงของปลาตัวใหญ่ไม่ได้
เบ็ดแบบนี้มักทำเหยื่อด้วยไส้เดือน
(๒)
เบ็ดสำหรับปักปลาช่อน ปลากด
และปลาที่กินปลาเล็กขนาดปานกลาง
คันเบ็ดจะทำให้ยาวและปลายอ่อนยืดหยุ่นสูง
เมื่อปักดินก็จะปักให้เอียงปลายชี้ขึ้นทำมุมกับผิวน้ำประมาณ ๖๐
องศาเหมือนในภาพ
การปักแบบนี้จะทำให้ปลาตัวใหญ่ดึงคันเบ็ดในทางตรงไม่หลุดจากพื้นดิน
อีกทั้งปลายคันเบ็ดจะเรียวและอ่อนไปตามการดึงของปลา
ไม่หักและไม่หลุดโดยง่าย เบ็ดแบบนี้จะทำเหยื่อด้วยเขียด
(๓)
เบ็ดสำหรับปักปลาขนาดใหญ่ ปลาชะโด ปลาค้าว
คันเบ็ดจะทำให้ยาวและมีความอ่อนตัวสูง
ตัวเบ็ดขนาดใหญ่มากกว่าเบ็ดแบบอื่น
ใช้เขียดตัวโตหรือปลาตัวเล็กๆจำพวกลูกปลาหมอ ปลากระดี่ และลูกปลาดุก
ปลาที่จะกินเบ็ดแบบนี้จะเป็นปลาขนาดใหญ่
เหมาะสำหรับปักตามไดและในแหล่งน้ำลึกปลายฤดูน้ำหลาก ซึ่งปลาจะตัวโต
หากปักด้วยเบ็ดแบบอื่นปลาจะดังเบ็ดขาดหรือหลุดหมด
ดูจากคันเบ็ดและลักษณะการลงเบ็ด หากเห็นคันเบ็ดแข็งแรงและสายตัวเบ็ดยาวนั้น หากไม่เคยได้ดำเนินชีวิตตามท้องนาเราก็คงเข้าใจว่าเป็นเบ็ดสำหรับหาปลาตัวใหญ่ และเบ็ดไม้ไผ่ปลายเรียวเล็ก อ่อน เป็นเบ็ดสำหรับลงเบ็ดปลาตัวเล็กๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจะเป็นตรงข้าม คันเบ็ดแข็งๆทื่อๆและสายยาวนั้นเป็นเบ็ดที่เหมาะกับปลาตัวเล็กและปลาว่ายหากินหน้าดินในน้ำลึกๆ ซึ่งจะต้องปักดินให้แน่น ส่วนเบ็ดที่สายสั้นกว่าและปลายเรียวอ่อนนั้นเป็นเบ็ดสำหรับเลือกแต่ปลาตัวใหญ่ เพราะจะลู่ไปตามแรงดึงอันแข็งแรงมากของปลาตัวใหญ่กระทั่งหมดแรง ทำให้เบ็ดไม่หัก ปากปลาไม่ฉีกและหลุด
เบ็ดคันยาว
สำหรับหยกปลาในนาข้าวของชาวหนองบัว
เป็นเบ็ดอีกแบบหนึ่งที่ทำด้วยลำไม้รวก ยาว อ่อนพลิ้ว
และจะติดแต่ปลาตัวใหญ่
โดยเฉพาะปลาช่อนและปลาชะโด
ภาพโดย : วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ใน http://gotoknow.org/file/wiratkmsr/view/378168
การจับเขียด
โดยปรกติแล้ว ชาวบ้านในท้องถิ่นหนองบัวก็จะหาเขียดเพื่อลงเบ็ดตามหมู่บ้าน แต่ถ้าหากต้องการหาให้เพียงพอสำหรับไปลงเบ็ดและหาปลาได้มากๆแล้วก็จะต้องมุ่งไปที่บ้านหนองบัวและชายป่าโดยรอบหนองบัว พื้นดินแถวบ้านหนองบัวและตามชายป่าหนองบัวเป็นดินทรายรวมทั้งมีพื้นโล่งเป็นหย่อมๆมากมาย พื้นที่โล่งในราวป่าเหล่านี้จะเป็นแหล่งที่แมลงกลางคืนซึ่งเป็นเหยื่อของเขียดดึงดูดให้เขียดมาอยู่รวมกันเต็มไปหมด ชาวบ้านจะสามารถเลือกสรรตามขนาดที่ต้องการได้มากกว่าเดินหาเอาตามหมู่บ้าน
เมื่อพลบค่ำชาวบ้านรอบนอกก็จะเดินทางไปยังบ้านหนองบัวและชายป่า หากต้องการเขียดมากก็จะรอจับเขียดให้ได้จำนวนมากตามที่ต้องการแล้วจึงจะกลับบ้าน หากต้องการไม่มากนักก็ไปให้ถึงบ้านหนองบัวแต่พอพลบค่ำแล้วก็เดินจับเขียดพลางก็เดินกลับบ้าน ภาชนะที่ใส่เขียดเรียกว่าอีแอ็บ สานด้วยไม้ไผ่และจักสานอย่างละเอียด พื้นมีช่องระบายอากาศและปากอีแอ็บทำด้วยเศษผ้า ดัดแปลงจากขากางเกงหรือเศษผ้าถุงที่นำมาเย็บเป็นท่อ เขียดสำหรับลงเบ็ดจะเลือกเขียดขนาดประมาณเท่าปลายนิ้วเท่านั้น
การหาลูกปลา
ตอนปลายหน้าน้ำและฤดูเกี่ยวข้าว ปลาตัวใหญ่จะอยู่ในนาน้ำลึก ได หนองน้ำ และลำคลอง และออกหากินปลาตัวเล็กในตอนกลางคืน ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ไขน้ำออกจากนาและทำทางน้ำให้ปลาว่ายอกจากแหล่งที่น้ำเริ่มงวดไปอาศัยอยู่ตามได หนองน้ำ และที่ลุ่มกว่าทั่วไป ชาวบ้านก็จะลงไซด้วยซึ่งก็จะทำให้ได้ ปู กุ้ง หอย และปลาตัวเล็กๆ
ปลาตัวเล็กๆนี้ ชาวบ้านก็จะนำมาทำเป็นเหยื่อลงเบ็ดสำหรับจับปลาตัวใหญ่ตอนกลางคืนตามแหล่งน้ำลึก การลงเบ็ดด้วยลูกปลาเพื่อจับปลาตัวใหญ่แบบนี้ต้องใช้ทักษะมากกว่าทั่วไป ทั้งการเลือกทำเลซึ่งต้องเรียนรู้และรู้จักนิสัยปลา ลักษณะการปักเบ็ด การเกี่ยวเบ็ด ดังนั้น ชาวบ้านบางคนที่มีทักษะดีเท่านั้นที่จะสามารถลงเบ็ดในลักษณะนี้ให้ได้ผลดี
ชาวบ้านมีคำเรียกผู้หาปลาได้เก่งว่า 'มือหมาน' และคน 'หากินหมาน' ซึ่งสะท้อนผลรวมของหลายองค์ประกอบ ทั้งการเป็นผู้มีความเป็นนักสังเกตวิเคราะห์วิจัย รู้จักทำเลและธรรมชาติของปลา รู้จักน้ำและถิ่นที่อยู่อาศัยของปลา รู้จักศิลปะของการทำเครื่องมือหาปลา รวมทั้งมีทักษะฝีมือและรายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างซึ่งเป็นความจำเพาะตนที่เรียนรู้จากการใช้ชีวิตทำกิน
การลงเบ็ดหาปลา
เบ็ดทั้งสามแบบจะเหมาะสำหรับการหาปลาหน้าน้ำหลากในช่วงที่แตกต่างกัน เมื่อน้ำเพิ่งหลากและไหลแรงปลาส่วนใหญ่จะเป็นปลาดุก ปลาหมอ และปลาหากินหน้าดิน ชาวบ้านก็จะใช้เบ็ดแบบแรกและปักเบ็ดด้วยเหยื่อไส้เดือน ผ่านไปสักระยะหนึ่งน้ำนิ่งขึ้นและก็ได้ระยะเวลาที่ปลาเริ่มเจริญเติบโตมากแล้วด้วยเช่นกัน ก็จะเริ่มลงเบ็ดแบบที่สอง
เมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวและน้ำทรง ปลาตัวเล็กตัวน้อยเริ่มเข้าไปอยู่ตามหนอง ได บึงบรเพ็ด รวมทั้งเข้าสระและหนองตามนา เป็นช่วงที่ปลาตัวโตมีจำนวนมากขึ้น ปลาตัวโตนี้ต้องปักเบ็ดในแบบที่สามโดยใช้ลูกปลาและเขียดขนาดใหญ่ ปักให้ลอยน้ำมากกว่าแบบอื่น ลักษณะเหยื่อและการปักแบบนี้ก็จะมีปลาที่ใหญ่กว่าปรกติมากิน ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นปลานักล่าซึ่งจะตัวใหญ่และแรงมาก ทั้งปลาช่อนและปลาชะโดขนาดใหญ่ ปลาค้าว และปลากดขนาดใหญ่โตกว่าทั่วไป
นอกเหนือจากนี้ก็จะใช้วิธีล่อเบ็ดสำหรับหาปลาเนื้ออ่อนในตอนกลางคืน ตกเบ็ดสำหรับหาปลาตัวเล็กๆโดยผู้หญิงและเด็กๆ และหยกเบ็ดสำหรับหาปลาช่อนซึ่งเป็นวิธีถนัดของชาวบ้านหนองบัว
การพิจารณาการเรียนรู้ วิธีคิด และภูมิปัญญาชาวบ้าน
การหาปลาในลักษณะดังกล่าว จึงเป็นการเลือกกินที่พอเพียงและเหมาะสมกับการดูแลรักษาความสมดุลของธรรมชาติด้วย ลักษณะของเบ็ดและวิธีปักเบ็ดจะทำให้ได้แต่ปลาขนาดใหญ่เพียงจำนวนที่พอกินในระยะเวลาที่ต้องการ ไม่มีการหาสะสมเกินพอ และไม่ติดปลาขนาดเล็กกับปลาที่วางไข่ ปลาที่หาได้เมื่อนำมาทำเป็นสูตรอาหารกับหน่อไม้ดองแบบต่างๆทั้งแกงป่า แกงกะทิ ก็จะเป็นอาหารเมนูพิเศษ สำหรับทำบุญใส่บาตรและกินกันในครอบครัวตลอดฤดูน้ำหลาก.
สวัสดีครับอาจารย์
อาจจะเป็นความโชคดีของผมก็ได้ ที่ได้วิธีการทำมาหากินใน ๒ แบบ คือ แบบคนภูเขา และ แบบคนทำนา
แม่ผมเป็นลีซอ ชีวิตวัยเด็กส่วนหนึ่งอยู่บนภูเขา
ส่วนปู่ผมเป็นชาวนา ชีวิตวัยเด็กส่วนหนึ่งติดตามปู่ออกทุ่งออกนา
เรื่องการจับปูปลาเป็นช่วงชีวิตที่ผมได้สัมผัสเมื่อคราวมาอยู่กับปู่
ในหน้าน้ำหลาก ปู่จะพาผมออกจากบ้านแต่เช้ามือเพื่อไปกู้ลอบไซและรี่ แบกปลากกลับมาบ้านแทบไม่ไหว
ปลาเยอะมาก ๆ ปลาตัวใหญ่ย่าจะย่างและตากแห้งไว้ ส่วนตัวเล็กตัวน้อยก็จะสับทำปลาเห็ดและทำปลาร้า
หน้าน้ำกับข้าวทุกมื้อจะเป็นปลาซะเป็นส่วนใหญ่
ในหน้าแล้วก็ไม่ใช่จะไม่มีปลา
วันเสาร์อาทิตย์หรือช่วงปิดเทอม
ผมและน้อง ๆ จะเดินออกทุ่งหาแอ่งน้ำแล้วก็วิดน้ำออกจากแอ่ง บรรดาปลาที่ค้างอยู่ในแอ่งจะถูกจับใส่ข้องเอามาให้ย่า
ทั้งปลาดุก ปลาช่อน ปลาไหล ปลาหมอ ฯลฯ เป็นกับข้าวกินไปได้เกือบอาทิตย์
ช่วงหนึ่งที่ผมไปเรียนพิษณุโลก มีโอกาสไปอยู่ชุมชนชาวนาที่บ้านกร่าง
ก็เคยมีประสบการณ์ไปแทงปลาตอนกลางคืนด้วย
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์, หนานเกียรติ และคุณครูคิม
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
แวะเข้ามายามดึกนี่ รูปและ dialogue ชุดนี้ของอาจารย์เล่นเอาน้ำลายไหลเอื๊อกเลยทีเดียวเชียว
ดูเหมือนว่าจะมีผักอีซึกครับ แต่จากรูปนี้ไม่มีเสียแล้วครับ รูปด้านล่างนั้นคล้ายๆจะมีโผล่ๆออกมาครับ
แต่รูปด้านบนนั้นเป็นใบแคครับ ผักอีซึกนี่คล้ายยอดดอกแคเหมือนกันครับ
แต่สีของใบอีซึกเขาจะอ่อนกว่าสียอดแคมาก ยอดแคจะสีเขียวเข้มอย่างที่เห็นแหละครับ ต้นอีซึกเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่
ชาวบ้านเรียกกันว่าผักอีซึกนี่ คนอาจจะคิดว่าเป็นเถาหรือต้นผักเล็กๆ
ชาวบ้านมักมีต้นไม้สำหรับกินยอดและใบเยอะครับ เช่น มะกอก มะม่วง สะเดา และอีซึก
สวัสดีครับอาจารย์ธนิตย์ครับ
ผมนี่ตอนอยู่บ้านนอกนั้นก็พอจะคุยได้ว่า 'หากินหมาน' ใช้ได้เหมือนกันครับ เรื่องเบ็ด หว่านแห และเป่าลูกดอกแบบในเรื่องเงาะป่านั้น พอคุยโม้กับเขาได้ครับ แต่ตอนนี้ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวครับ หากออกไปอยู่บ้านกับญาติพี่น้องและหากินเอง ก็สงสัยจะอดตายก่อนเพื่อน ตอนนี้คงจะเหลือทักษะดำรงชีวิตอยู่บ้านนอกเพียงเก็บผักบุ้งกินเป็นอย่างเดียวกระมังครับ
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แม่ผมส่งน้ำพริกเผาไปให้ วันหนึ่งก็เลยหุงข้าวและแต่งตัวออกไปวิ่งออกกำลังกายเพื่อตอนเลิกก็จะได้เดินเก็บยอดกระถินข้างทางติดมือมากินกับน้ำพริกด้วย ปรากฏว่าขากลับผมก็เก็บยอดกระถินได้เยอะแยะจริงๆครับ สังเกตดูว่ามันเยอะจริงๆเพราะในหมู่บ้านผมเขาเพิ่งตัดต้นไม้และทำให้มันเพิ่งผลิยอดออกมาเต็มไปหมด
กระทั่งเกือบถึงที่พักแล้วถึงได้เจอต้นไม้ที่ปนกันทั้งต้นกระถินและลักษณะคล้ายกระถิน เลยแบมือแผ่ยอดผักในมืออกมาดู ปรากฏว่า เฉพาะหน้า ณ เวลานั้น ผมก็ไม่สามารถแยกออกว่าอันไหนยอดกระถินและอันไหนไม่ใช่ เลยก็ต้องทำใจทิ้งไปทั้งหมด อดเลยครับ
สวัสดีรับอาจารย์ ตอนกวินไปบวช มา 15 วันมีเรื่องประทับใจนำมาเล่าให้อ่านแล้วชื่นใจ ครับ อิๆ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tao&month=04-04-2010&group=6&gblog=279
สวัสดีครับคุณกวิน
สวัสดี ครับ อาจารย์
ยกอาหารสำหรับที่น่าทานของคุณณัฐพัชร์ มาเสริฟมื้อเที่ยงให้อาจารย์ นะครับ
ปักษ์ใต้ ณ เวลานี้ ฝนเริ่มตกมากขึ้น ชาวสวนผลไม้ และชาวสวนยาง ต่างยิ้มแย้มกันถ้วนหน้า เห็นพ่อยิ้มฟันหลอ...แล้วรู้ครับว่าพ่อมีความสุข
การได้อ่านบันทึก ที่ทำให้เราสัมผัสถึงความพอดี พอกิน พออยู่
และทำให้คิดถึงยายสมัยที่มีชีวิตอยู่...ยายเป็นเซียนตกเบ็ดตัวยง ปลาที่ยายตกได้ ไม่มากมาย เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในคลองท้ายสวน ยายเอามาทำแกงบ้าง ทอดบ้าง ให้ตากินและเผื่อแผ่ไปยังบ้านของแม่ด้วย สมัยที่พวกเรายังเล็กอยู่
...
อ่านบันทึกนี้ แล้วคงต้องเข้าไปในสวนดูปลาที่เลี้ยงไว้ ...ปลาเมื่อฝนตกน้ำมาก็ดีใจกันยกใหญ่..พวกมันคงคิดว่า...หน้าแล้งนี้ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่
ด้วยความเคารพและระลึกถึงอาจารย์ ครับ
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
การหาปลานี้ครูอ้อยเล็กไม่ได้ทำแบบนี้..ส่วนใหญ่ใช้ใส้เดือนค่ะ..และไม่ได้ไปตกเบ็ดใหญ่ๆหรอกค่ะ..ถ้าจะไปก็ไปดูพ่อกับน้องชายทำค่ะ..คล้ายๆเป็นเรื่องของเด็กผู้ชาย..แต่วีรกรรมด้วยต้องหากินนั้นก็มีค่ะ..
เรื่องที่1 ล้วงปลาช่อนในร่องหิน ด้วยชอบโดดน้ำเล่นที่ประตูน้ำ ประตูน้ำนี้ก็จะก่อด้วยหินก้อนใหญ่ๆผสมกับปูนกันตะลิ่งพัง จะเปิดประตูน้ำก็ต่อเมื่อน้ำมาจากท่าผา(เขื่อนวชิราลงกรณ์)ในปริมาณมาก..ไม้ที่ใช้กั้นน้ำพวกเราเรียกว่าไม้เหลี่ยม ซ้อนกันขึ้นมาเป็นชั้นๆเมื่อนานเข้าหินกับปูนที่โบกไว้จะถูกน้ำกัดเซาะจนมีช่อง ปลาชอบใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวการเล่นน้ำก็ต้องทำมาหากินไปด้วย ก็เล่นเอาเถิดกับปลาช่อนตัวเท่าแขนอยู่ครึ่งวัน หลังลอกเลยค่ะ..เออเน๊าะจะเอาชีวิตเขานี่ต้องแลกด้วยหลังลอกเลย...แต่ก็เป็นอาหารของบ้าน แม่ต้มยำปลาช่อนไปตามระเบียบ...
เรื่องที่ 2 สุ่มปลา สุ่มปลานี่สุ่มเป็นประจำ..หน้าฝนก็สุ่ม แต่ต้องระวังงู..หน้าแล้งน้ำแห้งก็สุ่ม เรียกว่าครูอ้อยเล็กกะสุ่มและตะข้องใส่ปลาเป็นเครื่องมือประจำกายที่ไปกับเด็กผู้หญิงในหมู่บ้าน..บางทีพวกเราก็คุยกันเองว่า..เฮ้ยๆที่คนโตๆเขาว่ากันว่า..ลูกผู้ชายมันก็ไปยิงนก ตกปลา ของมันไปตามเรื่องนี่คงจะจริงเน๊าะ..เพราะเท่าที่เราทำเด็กผู้ชายไม่ชอบมาสุ่มปลากับเด็กผู้หญิงเท่าไหร่เลย..ก็คุยกันไปสุ่มกันไป...ทุกครั้งที่เราเกิดเรื่องก็คือเจองูกินปลา หรืองูลายสาบ ที่พวกเราแม้เป็นเด็กท้องนาไม่ว่าจะเป็นงูอะไรเราก็ไม่ชอบ...พอมันอยู่ในสุ่มพวกเรางมมันดิ้น ด้วยตกใจก็จะคว้ามันแน่น พอได้สติจะเหวี่ยงงูไปไกลๆตัว ไม่ดูอะไรทั้งนั้นว่างูจะไปทางไหน..พวกที่อยู่ข้างๆก็จะโวยวาย..ว่า..อย่าเหวี่ยงมาทางนี้นะโว้ย..แต่ก็ไม่ทันหรอก..วงก็จะแตก..เรียกว่าเจองูเมื่อไหร่กลับบ้านกันเหอะ...
เรื่องที่ 3 เบ็ดเข็ม คนต้นคิดชื่อย่าจีน..เป็นน้องย่าอีกทีท่านเสียชีวิตไปก่อนหน้าย่าครูอ้อยเล็กนานพอควร ย่าจีนสอนครูอ้อยเล็กทำเบ็ดเข็มด้วยการนำเข็มเย็บผ้ามาลนกับไฟตะเกียง แล้วงอเป็นรูปเบ็ด..เบ็ดนี่จะไม่มีเงี่ยง ขมวดหัวให้เป็นห่วงสำหรับผูกเชือก ไม่ใช้เชือกเอ็นใช้เชือกว่าวค่ะ..เบ็ดเข็มใช้ตกปลาเล็กๆเช่นปลากระดี่ ปลาซิว ปลาแกล้มช้ำแหล่งที่ตกจะเป็นท่าน้ำ ปลาเล็กเหล่านี้ชอบมาลอยหัวที่ท่าน้ำ..เราเอากะละมังวางไว้บนท่าน้ำ โรยเรียกปลาด้วยรำข้าว เกี่ยวข้าวสุกกับเบ็ด พอปลาตอดก็เหวี่ยงปลาลงในกะละมัง ต้องอาศัยจังหวะในการเหวี่ยงและกะระยะให้ปลาลงกะละมังด้วย ปลาจะหลุดลงกะละมังได้โดยง่ายเพราะเบ็ดไม่มีเงี่ยง..เราจะทำแบบนี้จนได้ปลาพอกับคนในครอบครัว ครูอ้อยเล็กก็จะไปทำปลาแล้วทอดกรอบๆใส่กระเทียมลงเจียวและราดน้ำปลาคลุกเคล้าเอาขึ้น..รอพร้อมหน้าค่อยลงมือกินข้าวกันค่ะพี่อาจารย์...
ชีวิตช่วงหาปลาก็มีเท่านี้..ส่วนใหญ่ทำบาปไม่ค่อยขึ้น..แฮ่ๆแต่คนในหมู่บ้านว่าอ้อยเล้กหากินไม่เป็นค่ะฮาๆๆๆ เพราะหามาแต่พอกินไม่เคยเอาไปขายได้เลย...ผิดกับบ้านอื่นๆที่เขาเหลือมากพอที่จะเอาไปขายในตลาดได้ด้วยค่ะ...
สวัสดีครับน้องคุณครูอ้อยเล็ก
หาภาพวาดในเน็ตมาฝากค่ะพี่อาจารย์..เป็นการนำเสนอให้เห็นภาพ..แบบว่า..ชัดเจนน้องนาง...กันเลยค่ะ..เขาวาดสวยดี เสียดายไม่ปรากฎชื่อคนวาด...
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะคุณณัฐพัชร์
คลองธรรมชาติ
ปลาที่หาได้
อาวุธหาปลา ที่บ้านเรียกว่าตาข่ายครับ
สวัสดีครับคุณครูคิมครับ
สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
เรียกแม่มาดูปลาของน้องดร.ขจิต..เพื่อฟื้นฟูความหลังคริๆ...แม่บอกว่าปลาของน้องดร.มีปลาฉลาดที่เรารู้จักกันดี..แต่คนมักจำผิดคิดว่าเป็นปลากรายอยู่เรื่อย ก็ยังมีปลายสร้อยลูกนุ่น ปลาสร้อยนกเขา ปลากระดี่ และปลาตะเพียนทองจ้า...
หมู่บ้านพี่อ้อยเรียกตาคัด...เหตุที่เรียตาคัด ก็คือตาข่ายนี้มีหลายตา คือตามีหลายขนาด สำหรับดักปลาใหญ่ หรือปลาขนาดเล็ก ก้แล้วแต่ความต้องการของประมงน้ำจืดสมัครเล่น หรือเป็นอาชีพ...เหตุนี้กระมังจึงเรียกว่า ตาคัด คือสามารถใช้อุปกรณ์นี้คัดเลือกปลาจับปลาตามต้องการด้วยขนาดของตาข่ายก็เป็นได้เน๊าะ..อาจจะเป็นศัพท์เฉพาะก็ได้นะที่พอพูดว่าซื้อตาคัดหน่อย คนข่ายจะรู้ทันทีว่าเอาไปดักปลา..ถ้าเป็นว่าซื้อตาข่ายก็ไม่รู้ว่าตาข่ายอะไร ดักปลา ดักยุง ดักหนู ดักนก ฯลฯ อะไรไปโน่นก็เป็นได้อีกแหล่ะเน๊าะน้องดร.เน๊าะ..เพราะฉะนั้น นิยามศัพท์เฉพาะก็มีมานานแล้วนิ...คริๆๆๆว่าไปนั่น...
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ วิรัตน์ กาลงเบ็ด หาปลา วิธีการคล้ายๆกับปักษ์ใต้
การลง (ทง)เบ็ดปลาช่อน บ้านผมใช้ปูเป็นๆเกี่ยวเบ็ด นิ้วของปู จะกระเพื่อมน้ำให้ปลาช่อนสนใจ
มีหนุ่มเขยต่างถิ่นมาไปหาปลาด้วยกัน
แด่มักไม่ได้ปลา เพราะขาดทักษะ และความชำนาญ จึงมาขอคำแนะนำ จากเจ้าถิ่น
เพื่อนผมเขา อำ แนะนำไปว่า ให้หักนิ้วปูให้หมด เพราะปลาช่อนไม่กล้าเข้ามากินเหยื่อ กลัวปูข่วนตา
ผมมารู้ภายหลังตอนที่หนุ่มต่างถิ่นเลิกหาปลา..
ขอบคุณอาจารย์ที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในอดีตครับ
สวัสดีครับคุณครูคิมครับ
สวัสดีครับลุงวอญ่าผู้เฒ่า นี่ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาอีก เพิ่งเคยทราบนี่แหละครับว่ามีวิธีใช้ปูเป็นๆทำเหยื่อลงเบ็ดได้ด้วย สะท้อนการพัฒนาเทคนิคไปวิธีตามลักษณะทรัพยากรในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีมากอย่างยิ่งเลยนะครับ แถวทางใต้คงหาปูได้ง่าย ลักษณะนิสัยและความชอบของปลาก็ราวกับแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นด้วย แปลกดีเหมือนกันนะครับ
ให้พี่รัตน์เขียนวิธีจับปลาด้วย "หลุมโจน"ด้วยสิ (ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่า "โจน" หรือ "โจร")
ตอนเป็นเด็กน้องก็เป็นคนหาปลาเพื่อเป็นอาหารด้วยนะ ด้วยการใช้เบ็ดตก (เบ็ดปักใช้ไม่เป็นเพราะตอนนั้นเข้าใจว่าเบ็ดปักเป็นหน้าที่ของผู้ชาย สำหรับผู้หญิงต้องเป็นเบ็ดตกที่เป็นลักษณะคันยาว ๆ ถ้าตกในบ่อลึกจะใช้ใบข้าวผูกกับเชือกทำเป็นทุ่นเพื่อสังเกตเวลาปลากินเหยื่อแล้ว ถ้าผูกสั้นจะได้ปลาตัวใหญ่ที่ลอยตัวอยู่ระดับกลาง-ผิวน้ำ แต่ถ้าผูกยาวสายเบ็ดจะถึงพื้นดินปลาที่ได้จะเป็นปลากดหรือปลาแขยง สนุกดี นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ตกปลาทั้งวัน ได้ปลาเป็นกระแป๋งเก็บไว้เป็นอาหาร ไม่ต้องซื้อเลยแหละ ผักก็เก็บผักพื้นบ้านที่มีอยู่หรือไม่แม่ก็ปลูกกินเอง ทุกวันนี้แม่ก็ปลูกผักกินเองไม่ต้องซื้อ ปลอดสารพิษด้วยแต่ปลาเด๊ยวนี้ไม่กล้าทำเองแล้ว(ซื้อปลาตายกินทีละตัว)
สวัสดีคุณครูน้อง
รูปผักปลอดสารพิษของแม่แน่ะ ดอกแคนากับผักอีซึก
ทิ้งไปนาน เกือบ 20 ปี ไปอยู่กรุงเทพ กลับมาใช้ชีวิตชาวนา ทำเกษตร ใส่เบ็ดจับปลาครับ