คือการดำเนินการใดๆควบคู่ไปกับการใส่ใจดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนและสังคมโดยรวม
ภายใต้หลักจริยธรรม การกำกับดูแลที่ดี เพื่อนำไปสู่การดำเนินการที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ในการดำเนินการใดๆอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมนั้น
องค์กรจะต้องตอบสนองต่อประเด็นด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งที่การให้ประโยชน์กับคน ชุมชน และสังคม
นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงบทบาทขององค์กรที่ต้องปฏิบัติอย่างสอดคล้องกับความคาดหวังของสังคมโดยจะต้องทำด้วยความสมัครใจ
และผู้บริหารรวมถึงบุคลากรทุกคนในองค์กรจะต้องมีบทบาทเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ ที่ตอบแทนในสิ่งที่ดีงามสู่สังคมอย่างจริงจัง
ในการดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้น
องค์กรจะต้องมีการวางแผนที่ดี มีการปฏิบัติอย่างเต็มที่ และสม่ำเสมอ ปรับความไม่รู้ให้เป็นความรู้
จากความรู้ให้เป็นความเข้าใจ จากความเข้าใจให้เป็นการตระหนัก จากการตระหนักให้เป็นสำนึกรับผิดชอบ
จากสำนึกรับผิดชอบให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
จากธรรมเนียมปฏิบัติให้เป็นระเบียบ จากระเบียบให้เป็นวัฒนธรรมอันดีงามขององค์กรในที่สุด
ในการสร้างและปลูกฝังพฤติกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมให้กับบุคลากรในองค์กร
เช่น ปลูกฝังคุณลักษณะกัลยาณมิตรให้แก่บุคากร ซึ่งจะช่วยในการสร้างความสามัคคีของคนในองค์กร และสร้างมิตรที่ดีกับคนภายนอก
ชอบมุมคิดนี้ค่ะ
การวางแผนที่ดี มีการปฏิบัติอย่างเต็มที่ และสม่ำเสมอ ปรับความไม่รู้ให้เป็นความรู้
จากความรู้ให้เป็นความเข้าใจ จากความเข้าใจให้เป็นการตระหนัก จากการตระหนักให้เป็นสำนึกรับผิดชอบ
จากสำนึกรับผิดชอบให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
จากธรรมเนียมปฏิบัติให้เป็นระเบียบ จากระเบียบให้เป็นวัฒนธรรมอันดีงามขององค์กรในที่สุด
หลังจากนี้ได้เพียงหวังว่า บ้านเมืองคงมีเป้าหมาย วัฒนธรรมที่ดีๆ สอดคล้องในแนวทางเดียวกัน เพื่อสันติสุขได้ในที่สุดค่ะ ;)
การแสดงออกทางการเมืองก็นับได้ว่าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมประการหนึ่งครับ
เท่าที่ติดตามดู คุณ poo ได้แสดงออกทางการเมืองกล้าหาญชัดเจน
นับได้ว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่น่ายกย่องครับ
คุณคิดถูกต้องแล้วครับ ชัยพจน์
แม้เพียงการกล้าแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง ถือว่าได้ทำหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมระดับหนึ่งแล้วครับ
จุดเริ่มต้นของการรับผิดชอบต่อสังคม จากจุดเล็กๆในชมชน การคัดแยกขยะก็ถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม
แต่ถ้าจะให้ดีในระดับที่เหนือขึ้นคือการไม่ทิ้งขยะก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมที่ยกระดับขึ้น
ทุกๆคนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบร่วมกันครับ
ทุกคนในสังคมต้องตระหนักร่วมกัน
การอยู่รวมกันเป็นสังคมต้องมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม นั่นคือความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันนะคะ
ชอบย่อหน้าสุดท้ายของคุณคะ
การรับผิดชอบต่อสังคมไม่ว่างานในระดับใดๆถือเป็นจิตสำนึกร่วมกันครับ
คนเราทุกคนคนสามารถช่วยสังคมให้ดีขึ้นได้ ขอบคุณคุณพรเทพมากครับที่ยกตัวอย่างได้ชัดเจน
คำพูดที่กล่าวมาผมชอบฟังคำพูดนี้ของคุณวราภรณ์คำนี้ครับ
"การอยู่รวมกันเป็นสังคมต้องมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม"
ถูกใจผมมากครับ
ขอบคุณมากครับ
ถ้าคนในสังคมไทยของเรา มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
สังคมคงจะน่าอยู่มากกว่านี้นะครับ
ขอบคุณครับ
๑.ความรับผิดชอบ ต้องมาพร้อมกับ ความละเอียดรอบคอบ..
๒.มนุษย์ รับผิดชอบตนเอง ครอบครัว เพื่อให้อยู่รอด จึงต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย..
๓.ข้าราชการ ได้รับการดูแลและพัฒนาจากเงินของประชาชน เกษียณแล้วเขาก็ยังให้เงินบำณาญกินไปจนตาย..จึงจำต้องรับผิดชอบต่อการตอบแทนคุณแก่ประชาชน ให้ประชาชนและลูกหลาน มีความสุข ปลอดภัย มั่นคง นอนตาหลับ.. ..ขอบคุณที่ไปทักทายครับ..
ขอขอบคุณท่าน อาจารย์ อ.นุ มากครับที่มากล่าวสนับสนุนให้คนไทยเรามีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมกัน
การที่จะสร้างและปลูกฝังจิตสำนึกนี้ได้อยู่ที่การวางแผนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนเริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน
ในส่วนของสังคมที่เป็นอยู่ก็รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ความรู้กับชุมชน องค์กร และข้าราชการครับ
ความเห็นของลุงวี 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ผมเห็นด้วยครับ
ต้องเป็นจิตสำนึกโดยอัตโนมัติว่าต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคมในแต่ละบทบาทที่ควรกระทำ
ปัจจุบันสังคมการเมืองเป็นสังคมที่มีบทบาทที่สุดในการนำสังคมไปในทางที่สงบสุขและสันติ
ความรับผิดชอบทางการเมืองจึงสำคัญที่สุดที่ทำให้บ้านเมืองนี้เป็นปกติสุขด้วยธรรมาถิบาล