แนวทางการขออัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมนอกเหนือจากกรอบอัตรากำลังปกติ


แนวทางการขออัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมนอกเหนือจากกรอบอัตรากำลังปกติ

บันทึกนี้ ผู้เขียนขอนำเรื่อง "แนวทางการขออัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมนอกเหนือจากกรอบอัตรากำลังปกติ" ตามหนังสือคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ที่ นร 1008.5/25 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2553 มาเขียน ซึ่งมีมาถึงหน่วยงานของผู้เขียนเอง พอสรุปได้ดังนี้ค่ะ...

ตามหนังสือคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ที่ นร 1008.5/คพร.18 ลงวันที่ 31 มกราคม 2551 คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) ได้แจ้งแนวทางการจัดทำกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 - 2555 และให้ส่ง คพร. ทราบ หาก คพร. มิได้ทักท้วงให้ถือว่า คพร. มีมติอนุมัติกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการดังกล่าว เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ นั้น

เนื่องจากมีส่วนราชการหลายแห่ง มีคำขออัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมนอกเหนือจากกรอบอัตรากำลังที่ คพร.อนุมัติ ประกอบกับ คพร. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการพัฒนาระบบพนักงานราชการในภาพรวม ซึ่งกำหนดระยะเวลาการดำเนินการในระยะสั้นให้แล้วเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 และในช่วงระยะเวลาดำเนินการดังกล่าว ให้ส่วนราชการชะลอคำขออัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมนอกเหนือจากกรอบอัตรากำลังปกติ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.2552 - 2555 ยกเว้นกรณีตามที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 ได้แก่

กรณีที่ 1 เป็นงานที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ถ้าไม่ดำเนินการจะทำให้เกิดผลเสียหาย ซึ่งเป็นกรณีตามข้อ 19 ของประกาศ คพร. เรื่อง การกำหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทำกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ

กรณีที่ 2 กรณีมีการจัดตั้งหน่วยงานหรือส่วนราชการระดับกระทรวงหรือกรมขึ้นใหม่ และมีความจำเป็นต้องจ้างพนักงานราชการ ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติอัตรากำลังพนักงานราชการ จาก คพร.แล้ว จะต้องนำเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณางบประมาณตามความเหมาะสมต่อไป

สำหรับการขอขยายกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการในครั้งนี้จะต้องไม่เกินปีงบประมาณ พ.ศ. 2555

กรณีที่ส่วนราชการมีความจำเป็นต้องขออัตรากำลังเพิ่มเติมตามกรณีดังกล่าว ให้ส่วนราชการเสนอ อ.ก.พ. กระทรวงเพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอ คพร. เพื่อพิจารณาโดยส่วนราชการต้องจัดทำข้อมูลเพื่อประกอบคำขออนุมัติกรอบอัตรากำลัง โดยมีรายละเอียดประกอบคำขอ ดังนี้ค่ะ...

(1) โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ บทบาท ภารกิจและรายละเอียดอัตรากำลังคนทุกประเภทในภาพรวมทั้งหมด

(2) แผนงาน/โครงการของส่วนราชการ

(3) รายงานการวิเคราะห์แผนงาน/โครงการที่จะจ้างพนักงานราชการดำเนินการ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการวิเคราะห์งาน ประมาณการชั่วโมงการทำงานและกำลังคนที่ใช้ในการทำงาน แผนการทำงานที่ระบุระยะเวลาชัดเจน ผลงาน/ผลผลิตรวมทั้งตัวชี้วัดผลผลิต นอกจากนี้ ควรมีการจัดทำแผนการบริหารกำลังคนภายหลังปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 กรณีที่ส่วนราชการจำเป็นต้องดำเนินการภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

(4) รายละเอียดของสัญญาจ้างที่จะใช้สำหรับพนักงานราชการในโครงการ/งานแยกตามตำแหน่ง/ประเภทของพนักงานราชการและให้มีระบบการติดตามตัวชี้วัดตามที่กำหนดในสัญญาจ้างทุก 6 เดือน

หมายเลขบันทึก: 343552เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2010 16:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2016 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)
พนักงานราชการแก่ๆ

แล้วในอนาคตหลังปี 2555 แล้วแนวโน้มยังจะมีระบบพนักงานราชการอยู่ไหมครับหรือจะยกเลิกไปเลย

ตอบ...หมายเลข 1...

ถ้า ณ ปัจจุบันมีการบริหารภาครัฐแนวใหม่อยู่ และรัฐต้องการที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายในการรับข้าราชการเพิ่มขึ้น (ซึ่งเกี่ยวกับสิทธิ สวัสดิการต่าง ๆ บำเหน็จ-บำนาญ) แล้วละก็ คิดว่าระบบพนักงานราชการคงมีต่อไปนะค่ะ...จริง ๆ แล้ว ขึ้นอยู่กับส่วนราชการว่ามีภาระกิจที่จำเป็นในการจ้างมาก น้อยแค่ไหน (ถ้าจำเป็นส่วนราชการก็ต้องจัดทำภาระกิจและกรอบอัตรากำลังของพนักงานราชการเสนอไปยัง คพร.เพื่อพิจารณาอนุมัติอัตราพนักงานราชการ) อีกอย่างการบริหารงานแบบพนักงานราชการ ก็หวังผลของการทำงานที่ดีกว่าระบบราชการ เพราะการรับราชการนั้น เมื่อผู้สอบได้เขาจะบรรจุตั้งแต่แรกไปจนกว่าเขาจะอายุครบ 60 ปี (ถ้าในช่วงเวลาที่เขาทำงานอยู่ เขานำความรู้ ความสามารถของเขา + การพัฒนาตนเอง ทุ่มเทให้กับรัฐก็ O.K. แต่ในทางกลับกันถ้าคน ๆ นั้น สอบบรรจุได้แล้ว แต่ไม่มีการนำความรู้ ความสามารถ + การพัฒนาตนเองมาใช้ในการทำงาน ก็เสมือนรัฐให้การอุ้มบุคคล คนนั้นไว้ ซึ่งไร้ประโยชน์ รัฐจึงเห็นการทำงานของบริษัทที่เป็นประโยชน์ คือ การทำสัญญาจ้างมาใช้ในระบบราชการไทย และรัฐก็หวังจะเห็นพนักงานราชการทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ได้ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไงค่ะ...สำหรับอัตรากำลังของพนักงานราชการ ก็ขึ้นอยู่กับส่วนราชการของแต่ละส่วนแล้วละค่ะ ว่ามีความจำเป็นมาก น้อยแค่ไหน อย่างที่บอกข้างต้นค่ะ...

ตอบ...หมายเลข 1...

สำหรับการจัดทำกรอบอัตรากำลังของพนักงานราชการ ขอให้เข้าใจว่า รัฐจะดำเนินการจัดทำกรอบอัตรากำลัง ทุก ๆ 4 ปี ค่ะ เช่น ปีงบประมาณ 2548 -2551 หรือ ปีงบประมาณ 2552 - 2555 ค่ะ (ซึ่งเรียกว่าแผนอัตรากำลัง 4 ปี ไงค่ะ)...โดยในช่วงนี้ ก็เป็นของปีงบประมาณ 2552 - 2555 ค่ะ...

 

พนักงานราชการแก่ๆ

ขอบคุณครับอาจารย์ที่ให้คำตอบที่ค่อนข้างจะสบายใจนิดหนึ่งเพราะหน่วยงานที่ทำงานอยู่นี่คิดว่าน่าจะอีกสัก100-200 ปีโน้นแหล่ะภารกิจจึงจะลุล่วง(หรือเปล่า)คิดว่าน่าจะมีการบรรจุพนักงานราชการต่อไปอีกครับ และขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับว่าการปรับโครงสร้างราชการที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐลงนี่ผมว่าประเทศเราต้องเข้าถึงกับคำว่ารัฐสวัสดิการมากกว่าที่เป็นอยู่นี่นะลำพังอย่างประกันสังคมนี่สำหรับพนักงานราชการอย่างผมนี่คิดว่าหลัง 60 ไปแล้วก็ยังดำรงชีพอยู่ข่อนข้างลำบากนะครับ ขอฝากอาจารย์ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมคพร.นี่ช่วยดูแลและผลักดันให้ชีวิตหลังเลิกจ้างแล้วให้พออยุ่ได้หน่อยนะครับไม่ต้องขนาดเลี้ยงดูเหมือนข้าราชการหรอกเป็นภาระรัฐเปล่าๆเอาแค่เงินประกันสังคมที่เจียดจ่ายให้แต่ละเดือนในช่วงที่ทำงานนี่ส่งผลให้เรามีชีวิตหลังไม่ต้องทำงานไม่ขัดสนไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานก็พอครับ ขอบคุณครับอาจารย์

ตอบ...หมายเลข 4...

ผู้เขียนคิดและก็คาดหวังไว้เหมือนกันว่าในอนาคตรัฐคงดูแลเรื่องสวัสดิการหลังเกษียณให้กับพนักงานราชการเหมือนกัน...คงต้องรอเวลาสักระยะมังค่ะ...ถ้ามีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับทาง คพร. เกี่ยวกับพนักงานราชการ...ก็จะนำข้อมูลเรียนถามให้ค่ะ...ขอบคุณค่ะ...

ฟังๆดูเเล้วมันก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น..ยังสร้างความไม่มั่นใจให้พวกเราอยู่ดี..ตามความรู้สึกของหนู..มันไม่ชัดเจนนะอาจารย์..คือมันไม่มีคำตอบที่เเน่นอนเลยจะจ้างต่อหรือจะอยู่ต่อ.เเล้วเเต่หน่วยงานนั้นๆว่ามีความจำเป็นเเค่ไหนที่จะจ้างพนักงานารชการต่อ..ฟังดูเเล้วมันพลอยทำให้หมดกำลังใจนะคะอาจารย์...ไม่เหมือนข้าราชการครูบรรจุเป็นข้าราชการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ..ทำไมไม่ทำให้เหมือนกันหมด.หมายถึงทำให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน..ไหนๆจะลดค่าใช้จ่ายของรัฐลง...ข้าราชการเบิกจ่ายได้ทั้งตระกูลเลย..ลูกเรียนฟรีภรรยาหรือสามี.พ่อแม่ฟรีหมด...อย่งนี้มันไม่ยุติธรรม..ขอโทษนะอาจารย์..อาจารย์ก็เป็นข้าราชการคนหนึ่ง..รุ่นก่อนๆก็ไม่ว่ากันเเต่พวกที่บรรจุใหม่ไม่น่าจะมี..น่าจะเป็นระบบเดียวกันหมดคือพนักงานราชการ....

ตอบ...หมายเลข 6...

เรื่องทั้งหมดเป็นนโยบายของรัฐ ผู้เขียนเป็นข้าราชการคนหนึ่ง มีหน้าที่ให้ข่าวราชการเพื่อเผยแพร่ โดยต้องไม่วิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการกระทำของรัฐบาล ซึ่งเป็นหน้าที่หนึ่งของการเป็นข้าราชการ...บางทีความคิดของเรา เราคิดได้ แต่ต้องมองถึงภาพรวมของประเทศด้วย...ผู้เขียนจึงไม่ขอออกความเห็นในครั้งนี้...ขอบคุณค่ะ...

เรียนอาจารย์ครับกระผมอ่านหนังสือพิมส์เดลินิวส์ฉบับวันที่25 เมษายน 2553 เกี่ยวกับการลดกำลังคนบุคลากรภาครัฐ ในข่าวบอกว่าเตียมตัวตกงานบุคคลากรภาครัฐประมาณหกแสนคน เนื่องจากประเทศจะไม่มีเงินในการสร้างระบบสาธารณูโภค ดังนั้นให้ส่วนราชการไปคิดที่จะตัดอัตรากำลังคนกระทรวงละ30เปอร์เชนต์ เรื่องนี้จะกระทบกับพนักงานราชการหรือเปล่าครับขอให้อาจารย์ช่วยวิจารณ์เรื่องนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ

ได้อ่านข้อความของคุณสนแล้วร้อนๆหนาวๆ อาจารย์ช่วยด้วยครับ

ตอบ...คุณสน...

ผู้เขียนไม่ขอวิจารณ์ภาครัฐนะค่ะ...เพราะหน้าที่ของข้าราชการต้องไม่วิจารณ์การทำงานของภาครัฐค่ะ...แต่ผู้เขียนเชื่อว่าถ้ารัฐทำรัฐคงทำให้ดีขึ้น รัฐคงมีเหตุผลในการทำงาน การวางนโยบาย และคงทราบสาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุใด รัฐมองภาพใหญ่ระดับประเทศนะค่ะ...สำหรับเราคงต้องเป็นผู้คอยดู ติดตาม ว่าจะมีสิ่งที่กระทบกับตัวเราหรือไม่ เท่านั้นเองค่ะ...ถ้ามีสิ่งที่กระทบกับเรา แล้วเราจะเตรียมตัวรับมืออย่างไร...ปรับตัวเราเองอย่างไร ให้เราอยู่รอดได้...อยากจะบอกว่า สำหรับผู้เขียนเองเคยได้รับผลกระทบกับการยุบตำแหน่งในขณะที่ตนเองดำรงตำแหน่งผู้บริหารในระดับอำเภอ...ซึ่งผู้เขียนได้สะสมผลงานจากการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นบรรจุเข้ารับราชการ จนวันหนึ่งผลงานสามารถเป็นผู้บริหารในระดับอำเภอ...แต่อนิจจา รัฐปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานใหม่...ทำให้ผู้เขียนเองก็ต้องดิ้นรน...มีจังหวะสอบเปลี่ยนตำแหน่ง ก็ไปสอบ...เมื่อสอบได้ หน่วยงานต้นสังกัดเดิม ไม่ยอมให้ไป ทนทรมานเป็นเวลา 2 ปี ...ในที่สุดก็ได้เปลี่ยนที่ทำงานใหม่...ถามว่าอยากมาอยู่ที่ทำงานใหม่ ในความรู้สึกไม่เคยคิดอยากมา... เพราะการเปลี่ยนที่ทำงาน ทุกคนทราบดีว่าย่อมมีการเปลี่ยนแปลง มีทางเป็นไปได้ว่า...อาจดีกว่าเดิม  หรือ  แย่ไปกว่าเดิม เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองสารพัดที่เราต้องพบเจอ...แต่ในชีวิตที่เป็นอยู่  เราก็ต้องอดทน...สู้ชีวิต...เพราะเราจะให้มันสมบูรณ์แบบเหมือนที่เราคิดไม่ได้หรอก...จึงขอบอกว่า สิ่งใดที่ยังไม่เกิด ก็อย่าไปคิดหรือวิเคราะห์ไปก่อนล่วงหน้า บางเรื่องอาจเป็นสิ่งดี แต่บางเรื่องอาจเป็นสิ่งที่เรายังไม่ควรจะไปคิด...ให้มันเกิดปัญหาขึ้นมาก่อน แล้วค่อย ๆ แก้ไขค่ะ...ทุก ๆ ปัญหามีทางแก้ไขค่ะ...อยู่ที่ตัวเราต้องเตรียมความพร้อมไว้เสมอค่ะ...

ตอบ...คุณแชมป์...

ให้อ่านตามที่ตอบไว้ในกระทู้...หมายเลข 10 นะค่ะ...

..รัฐบาลเอาเงินไปประชานิยมจนหมดหรือเปล่า...

ตอบ...คุณสน...

ไม่ขอแสดงความคิดเห็นนะค่ะ...

อาจาร์ย คะหนูเป็นอีกคนหนึ่งที่เพิ่งสอบติดพนักงานราชการของกรมสรรพากร แต่ติดสำรองนะคะอยากทราบว่าพอจะมีหวังจะได้ทำงานไหมค่ะ ขึ้นบัญชีแค่ 1 ปี เอง และติดสำรองของส่วนสำนักงานต่างจังหวัดด้วย ...............รบกวนอาจาร์ยช่วยชี้ทางหน่อยนะคะ รอความหวังคะ

ตอบ...คุณนก...

ในกรณีไม่สามารถตอบให้ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานค่ะ...ในช่วงที่ยังไม่มีงานหาสอบในหน่วยงานต่าง ๆ ไว้นะค่ะ อย่าปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์  หรือไม่ก็ในตอนนี้ สำนักงาน ก.พ. กำลังเปิดสอบภาค ก. อยู่นะค่ะ สามารถศึกษาข้อมูลได้ตามเว็บไซต์ด้านล่างนี้ค่ะ...ขอให้โชคดีนะค่ะ...

http://gotoknow.org/blog/bussaya13/355399

 

เรียนอาจารย์มีคำสั่งไปอบรมต่างจังหวัด(พนักงานราชการ)กรณีรายงานตัวพรุ่งนี้เดินทางไปถึงก่อนเบิกค่าที่พักได้มั้ยครับแล้ววันกลับต้องค้างคืนเพราะรถหมด ช่วยตอบด้วยครับ อยู่นราธิวาส ไปอบรมที่เชียงใหม่

ตอบ...หมายเลข 16...

มีคำสั่งไปอบรมที่จังหวัดเชียงใหม่  แต่อยู่ที่นราธิวาส  กรณีที่เดินทางโดยรถประจำทาง  ต้องไปล่วงหน้าอยู่แล้ว ไปถึงก่อน ก็มีสิทธิเบิกค่าที่พักได้ค่ะ... สำหรับกลับแต่ไม่สามารถกลับได้เนื่องจากไม่มีรถ ก็ต้องค้างคืน  คุณก็สามารถเบิกค่าที่พักได้ค่ะ...แต่คุณต้องขออนุญาตไปราชการกับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อวันเดินทางไป - กลับด้วยนะค่ะ...ถ้าส่วนราชการอนุญาตแล้วก็สามารถเดินทางได้และเบิกค่าที่พัก เบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ  ได้เหมือนกับข้าราชการค่ะ...เนื่องจากพนักงานราชการมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ตามประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2552 ดูตามไฟล์ด้านล่างค่ะ...และการเบิกค่าที่พัก ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ต้องดูตามสภาพความเป็นจริงที่เป็นไปได้ด้วยนะค่ะ...

http://gotoknow.org/blog/bussayamas/308316

ขอเรียนถามอ.นะคะ บังเอิญหนูได้ยินมาว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณจ้างพนักงานราชการ ถึงแค่ปี 2555 ค่ะ หนูอยากทราบว่าแล้วหลังจากปีงบประมาณ 55 จะจ้างพนักงานราชการต่อไหมคะ ตอนนี้หนูก็พยายามสอบราชการให้ได้อยู่ค่ะ สอบติดเหมือนกันค่ะตำแหน่งนักวิชาการพัสดุ แต่ลำดับที่ 200 ต้น ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเรียกถึงไหม แต่ก็กังวลน่ะค่ะว่าหลังจากปี 55 แล้วจะเป็นอย่างไรค่ะ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยตอบคำถามให้หนูด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ตอบ...คุณพัชชา...

  • การของบประมาณในการจ้างพนักงานราชการนั้น อันดับแรก คือ
  • ส่วนราชการที่คุณสังกัดต้องขออัตรากำลังไปยัง คพร. ก่อน เมื่อ ครม.มีมติอนุมัติกรอบอัตรากำลังแล้ว ส่วนราชการจึงทำเรื่องไปของบประมาณจากสำนักงบประมาณ เพื่อจ้างเป็นพนักงานราชการค่ะ
  • การที่จะได้จ้างคุณต่อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับส่วนราชการที่คุณสังกัดเป็นผู้ดำเนินการค่ะ เพราะของที่ ม. ก็ดำเนินการตามขั้นต้นค่ะ
  • การที่งบประมาณหมด 2555 นั่นคือ ส่วนราชการจัดทำกรอบอัตราไว้เมื่อปี 2552 - 2555 ค่ะ เพราะการขออัตรากำลังจะทำไว้ 4 ปี ต่อ 1 ครั้ง ไงค่ะ...ต่อไปปลายปี 2555 ส่วนราชการก็ต้องขออัตราของปี 2556 - 2559 ค่ะ ถ้าไม่ขออัตรากำลังส่วนราชการก็จะไม่มีมติ ครม.เกี่ยวกับอัตรากำลังไปขอเงินกับสำนักงบประมาณไงค่ะ...ขึ้นอยู่กับส่วนราชการที่คุณสังกัดค่ะ...

สวัสดีค่ะอาจารย์ หนูมีข้อสงสัยอยากจะถามหน่อยค่ะ ตอนนี้กรมสรรพากรเขาเปิดรับพนักงานราชการ แต่หนูเห็นปีงบประมาณ สิ้นสุดแค่ 2555 เองนะค่ะ อาจารย์ หนูไม่ทราบว่าทางกรมสรรพากรได้ขออัตราของปี 2556-2556 ไหมค่ะอาจารย์ ช่วยตอบข็อข้องใจให้หน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

ตอบ...คุณอ้อ...

  • ให้สอบถามที่กรมสรรพากร ที่งานการเจ้าหน้าที่นะคะ เขาจะเป็นคนดูแลในเรื่องกรอบอัตรากำลัง ค่ะ...ผู้เขียนไม่สามารถบอกได้ค่ะ เพราะตอนนี้รัฐให้แต่ละส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการเองค่ะ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท