"ไม่เคยที่จะร้องไห้เลย...แต่วันนี้ทำไมถึงได้ร้อง"...
คำบอกกล่าวถึงความในใจของพี่สาวคนหนึ่งของข้าพเจ้า ที่เราได้มานั่งล้อมวงเรียนรู้ "ใจ" ร่วมกัน มันคือความสั่นสะเทือน...ของจิตวิญญาณ ที่เราอัดและกดแน่นไว้ตามระยะทางของเวลา คือ คำบอกกล่าวที่ข้าพเจ้าได้บอกพี่สาวไป ...
เธอปรารถนาที่อยากให้ห้วงเวลานั้นผ่านไปก่อน...
แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถปล่อยมือวางไปจากเธอได้ กระบวนการเรายังต้องก้าวเดินต่อไป ... หากปล่อยมือ สภาวะนี้จะถูกอัดแน่นลงไปตามธรรมชาติที่ "ดวงจิต" ดวงนี้ได้คุ้นชิ้นต่อการทำเช่นนี้มานานแสนนาน...
การปลดปล่อย...และเฝ้ามองดู "ใจ" นี้ด้วยความเข้าใจ
แล้วที่สุดเราจะพบว่า ความสั่นสะเทือนดังกล่าว นั่นน่ะไม่ใช้ความสั่นสะเทือนเลย ที่เรารู้สึกเพราะว่าเรานั้นไปให้ค่าต่อสภาวะที่มันเกิด หากเราเข้าใจเราจะโน้มตัวเองลงเป็นเพียงผู้ดู ไม่ใช่ผู้เป็นอยู่...
ข้าพเจ้าปล่อยให้พี่สาว...ได้พร่ำพูดสิ่งที่ปะทุขึ้นมา แล้วละลายไปตามการมองเห็นของปัญญาของเธอเอง ที่ดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ อันเป็นการไหลลื่นไปตามความเป็น "ธรรมชาติ" ของจิตมนุษย์ ที่ไหลวนขึ้นและลงและจางคลายไป
แล้วเมื่อเธอได้พูด...ทุกคนที่รายล้อม นิ่งเงียบพร้อมหายใจร่วมกัน
น้องชายผู้เป็นแพทย์...นั่งอยู่ข้างจับมือเธอไว้ น้องสาวผู้เป็นพยาบาลและเภสัชต่างโอบกอด แล้วเมื่อสิ้นถ้อยความ "รอยยิ้ม" ก็เจืออยู่บนใบหน้าของเธอ และเธอก็บอกต่อข้าพเจ้าว่า "มีเท่านี้..." เท่านี้ ที่ทำให้เกิดรอยสงสัย ทำไมเธอต้องร้องไห้ ทั้งที่เรื่องราวอาจดูเหมือนธรรมดา...
แต่ในความไม่ธรรมดา คือ ความสั่นสะเทือนแห่งอนุภาคดวงจิตที่ฝังนิ่งเป็นตะกอนนอนเนื่องอยู่ในดวงจิต เหตุการณ์และเรื่องราว เป็นเพียงทำให้ตะกอนนั้นฟุ้งขึ้นมา เพื่อให้เราได้ดูและรู้ว่า "ตะกอนใจ" เรานั้นยังมีอยู่นะ...
อะไรล่ะ...ที่ทำให้เธอร้องไห้ออกมา?
"ความไว้วางใจ ความอบอุ่นใจ"... และพื้นที่ว่างของคนคนหนึ่งที่พร้อมรับฟังและทำความเข้าใจในปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือนนั้น บรรยากาศที่เต็มไปด้วยนักเรียนรู้แห่งจิตใจกว่าสามสิบคน อาจดูมาก แต่ก็ทำให้ดวงจิตดวงหนึ่ง แหวกดงแห่งตะกอนออกมาเพื่อคลายให้ละลายหายไป...ได้
บรรยากาศ...เป็นสิ่งสำคัญที่คอยโอบอุ้มผู้คนให้ มีสภาวะแห่งดวงจิตที่แตกต่างกันไป
หากผู้นำกระบวนการไม่สามารถเปิดพื้นที่ว่างให้ปรากฏ เพื่อให้ผู้คนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกได้ถึงความปลอดภัย กระบวนการนั้นก็ยากที่จะเข้าถึงกระแสแห่งจิตวิญญาณที่รอคอยวันและโอกาสที่จะปะทุขึ้นมา
ความเข้าใจ คือ การโอบกอดจากดวงจิตหนึ่งสู่ดวงจิตอีกดวงหนึ่ง
พื้นที่แห่งความปลอดภัย... ทำเราสามารถกล้าที่จะเปิดประตูใจออกมาให้เกิดการสัมผัสกันและกันได้
เมื่อสิ้นเสียงของพี่สาวท่านนั้น ข้าพเจ้าขอโอกาส "โอบกอด" เธอเพื่อแลกเปลี่ยนพลังแห่งชีวิต ความสะท้านและสั่นไหวของอารมณ์ และไหล่ที่สั่นพร้อมเสียงสะอื้น สำหรับข้าพเจ้าแล้วคือ ... ไม่ใช่ความเศร้า หากแต่คือ ความไว้วางใจที่พี่สาวท่านนั้นมอบให้กับข้าพเจ้า
๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓
เป็นข้อคิดที่ดีมากครับ
ดีใจค่ะที่คุณ chaychaodin ได้ข้อคิดที่ดีและกะปุ๋มก็ได้รับโอกาสของการแบ่งปันให้ค่ะ
เป็นเรื่องราวที่นำมาถอดบทเรียนและเขียนบันทึกเก็บไว้ค่ะ
และรู้สึกดีใจเสมอเมื่อมีใครสักคน...มาร่วมรับรู้เรื่องราวดีดีเหล่านี้ด้วยค่ะ
ขอบคุณ tamtam1 ค่ะ...ที่แวะมาทักทาย
แวะมาศึกษาบทเรียนค่ะ
ขอบคุณค่ะ...คุณ ปริมปราง
ที่แวะมาทักทาย...
รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอย่างซาบซึ้งใจ บรรยากาศการเรียนรู้แบบนี้รู้สึกได้ถึงการเติมกำลังใจให้กันและกัน ให้มีพลังสู้ต่อและพร้อมเผชิญความจริงได้ด้วยจิตใจที่ผ่องใสมากขึ้น ขอบพระคุณนะคะที่มีที่ว่างไม่มีประมาณ (^_^)