เขียนถึง..บ้านเรียนรู้


กว่า 4 ปี ที่บ้านเรียนรู้ (Learning Home) ถือกำเนิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ค่อย ๆ เติบโตช้า ๆ อย่างมั่นคง การตัดสินใจปิดร้านไอศกรีม เพราะความไม่ชอบในวันนั้น คือจุดกำเนิด ให้เกตและพี่ตุ้มเลือกที่จะกลับมาอยู่ที่บ้านต้นส้าน คลองหลา บ้านเกิดของพี่ตุ้ม ด้วยอีกเหตุผลคือ แม่ของพี่ตุ้มเริ่มมีอายุมาก และอยู่บ้านคนเดียว ธรรมชาติเตือนให้เรารู้ได้เองว่า ถึงเวลาต้องมาอยู่ใกล้ และเริ่มดูแลท่านได้แล้ว หลังจากที่ต่างไปท่องโลกกว้างกันมานาน

เราเลือกที่จะอยู่บ้าน และหางานทำที่หาดใหญ่ ใช้เวลาเดินทางวันละอย่างน้อย 30 นาที และเริ่มที่จะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในแบบชนบท ซึ่งสังคมส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพารา ชาวบ้านไม่ได้เรียนหนังสือ แต่โชคดีที่เพื่อนบ้านของเราค่อนข้างที่จะเป็นคนที่รักความก้าวหน้า ขยันตั้งใจทำมาหากิน ทุกแทบทุกบ้านรายล้อมบ้านเราจึงค่อนข้างมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี มีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ดี แบบที่บางครั้งในสังคมเมืองก็หาไม่ได้

สำหรับฉันนั้น แทบทั้งชีวิตเติบโตมาในสังคมเมือง แต่ประสบการณ์การใช้ชีวิตในรั้วม.อ.ปัตตานีสามปีครึ่ง ทำให้ฉันได้ออกจากกะลาอำเภอหาดใหญ่ เดินทางออกสู่โลกกว้างพอสมควร การปรับตัวในการใช้ชีวิตในคลองหอยโข่ง จึงไม่ยากนัก ประกอบกับเราต่างเคยทำงานอยู่ที่ Greenway กันทั้งคู่ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงคิดว่าฉันเป็นชาวต่างชาติมาแต่งงานกับพี่ตุ้ม

ความที่เราต่างก็พูดภาษาอังกฤษได้พอสมควร จึงมีเสียงเรียกร้องมากมายให้เราเปิดสอนภาษาอังกฤษเสริม เราต่างก็ยังไม่มั่นใจในความสามารถของเรานัก เพราะไม่เคยที่จะสอนเป็นจริงเป็นจัง มีแต่สอนกันในค่ายอาสาสมัคร ซึ่งประสบการณ์ในค่ายอาสาสมัครนี่เองที่เป็นตัวแปรสำคัญในทัศคติการสอน การใช้ชีวิตให้เรา

เราตัดสินใจเปิดสอนภาษาอังกฤษที่บ้าน ให้ชื่อว่า “บ้านเรียนรู้” หรือ “Learning Home” ตั้งใจให้บ้านหลังเล็ก ๆ หลังนี้เป็นสถานที่เรียนรู้ทุกประเภท เป็นศูนย์รวมที่เด็ก หรือผู้คนทุกวัยที่อยากเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ มาเรียนรู้ได้ทุกเวลา โชคดีที่แม่ก็เห็นดีด้วยกับเรา ซื้อตู้หนังสือให้ใบหนึ่ง สำหรับใส่หนังสือที่มีอยู่มากมาย ซึ่งตรงกับความคิดของเราที่เด็กจะสามารถมาอ่าน มาเล่น มาคุยกับครูได้เมื่อ 

สังคมชนบทนั้นเมื่อเทียบกับสังคมเมืองแล้ว อาจมีโอกาสด้อยกว่าในการเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ เพราะสถานที่เพื่อการเรียนรู้ส่วนใหญ่ จะกระจุกตัวอยู่ในเมือง นี่เป็นอีกหนึ่งความคิดของเราที่ตั้งใจเพิ่มโอกาสเหล่านี้ให้กับเด็ก ๆ จากการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของเรามากมายทั้งในและต่างประเทศ จากการนำอาสาสมัครนานาชาติเข้ามา เพื่อให้โอกาสในการเรียนรู้ความแตกต่างของทั้งหน้าตา ภาษา วัฒนธรรม เราตั้งใจให้เด็ก ๆ คลองหอยโข่ง พูดภาษาอังกฤษ และเรียนรู้วัฒนธรรมนานาชาติจนกระทั่งคุ้นเคย ไม่แพ้สังคมเมือง

เราเริ่มต้นสอนภาษาอังกฤษ ทุกระดับชั้น โดยเน้นที่การสนทนา นักเรียนของเราจึงมีตั้งแต่วัย 4 ขวบ จนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่ต้องการจะไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งงานแปลเอกสารต่าง ๆที่พอจะทำได้ ที่สำคัญ เรามีสอนดนตรีไทย

ดนตรีไทยคือสิ่งที่ฉันรัก นับจากวันที่แม่บังคับให้ไปเรียนดนตรีไทยภาคฤดูร้อนเมื่อฉันอายุ 9 ขวบ ถึงตอนนี้ฉันยังไม่เคยทิ้งดนตรีไทยให้หายไปจากชีวิต และจริง ๆ แล้วฉันก็ไม่เคยคิดที่จะหารายได้จากดนตรีที่ฉันก็เรียนรู้มาได้แบบฟรี ๆ แต่ดนตรีก็สร้างรายได้ให้ฉันตั้งแต่ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย จนกระทั่งฉันอยู่ในวัยทำงาน

คำพูดของอาจารย์ผุดขึ้นมาทุกครั้งในยามที่เราเล่นดนตรี “เด็กเล่นดนตรีไทยทุกคนไม่มีใครโง่” คำพูดแค่นี้ ตอนนั้นฉันคิดว่าครูเพียงจะบอกว่าเราจะได้สมาธิจากการเล่นดนตรี ทำให้การเรียนเราดีขึ้น  ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่มากไปกว่าสิ่งที่ฉันคิดในสมัยที่ฉันยังเด็กคือ ดนตรีไทยไม่ทำให้โง่ เมื่อเราไม่โง่ เราก็ไม่มีวันอดตาย เราเล่นดนตรี ดนตรีเป็นหนึ่งในหนทางสร้างรายได้ได้เสมอ แม้ในกระทั่งที่บ้านเรียนรู้

ฉันไม่ตั้งใจที่จะหารายได้จากการสอนขิมและขลุ่ยที่ฉันรัก แต่ด้วยเสียงเรียกร้องจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ต้องการให้ลูกหลานได้เรียน ได้มีความสามารถพิเศษเสริม หรือเพื่อขัดเกลาจิตใจอย่างใดก็แล้วแต่ ทุกคนจริงต่างพากันซื้อขิมมาคนละตัว และมาเรียนกันที่บ้านเรียนรู้

เรามีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากบ้านเรียนรู้ แม้จะไม่ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่สิ่งที่ได้คือ เราได้ให้ การได้สอนเด็กที่มาจากหลากหลายครอบครัว ทำให้เรารู้ว่าการให้โอกาสนั้นสำคัญมากกว่าการให้เงินมากมาย มีเงินไม่สามารถซื้อได้ทุกสิ่งเลย

เด็กหลายคนตั้งใจเรียน สนุกที่จะเรียน แต่พ่อแม่ไม่พร้อมทางด้านฐานะทางการเงิน เราตัดสินว่าเราให้เขาเรียนฟรี แม้เขาจะไม่มีเงิน แต่เขาจะไม่ด้อยโอกาส ครูตุ้มตัดสนใจให้เด็กบางคนที่เรียนกับเรามาหลายเทอม และตั้งใจเรียนได้เรียนฟรีกันหลายคน เพื่อแสดงให้พวกเขารู้ว่า เมื่อทำดี ขัยและตั้งใจ พวกเขาและครอบครัวจะได้สิ่ง ๆ ดีตอบแทน

ที่บ้านเรียนรู้ นอกจากจะสอนภาษาอังกฤษแล้ว ยังสอนภาษาชีวิตให้เด็กอีกด้วย เด็กส่วนใหญ่ที่นี่จะขี้อาย และเชื่อผู้ใหญ่ตามวัฒนธรรมชนบทอย่างมาก สิ่งที่ฉันอยากให้เด็กได้เรียนรู้ คือวิธีการอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก การกล้าแสดงออก การกล้าคิด เราจึงมีกิจกรรมมากมายตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีไทยร่วมกับวงดนตรีสากลพร้อมการขับร้องเพลงคู่ ฉันนำลูกศิษย์ของฉันที่เพิ่งเรียนมาได้เพียงสามเดือน ออกแสดงในงานวันสงกรานต์ของตำบล โดยไม่กลัวว่าใคร ๆ จะว่า ๆ ลูกศิษย์ของฉันยังเล่นไม่เก่ง แต่ฉันอยากให้พวกเขามีเวทีในแสดงออก มีกำลังใจในการเรียนรู้ และกล้าที่จะแสดงออก แม้ว่าเรายังไม่เก่ง แต่พวกเขามีโอกาส สงกรานต์ปี 2550 จึงเป็นการจัดเวทีการแสดงของชาวต.คลองหลาที่ไม่เพียงสนองความต้องการของผู้ใหญ่ชอบเมา แต่เป็นการให้พื้นที่เด็กในการแสดงออกด้วย

เมื่อเด็กดนตรีไทยได้แสดง เด็กเรียนภาษาอังกฤษก็ได้แสดงเช่นกัน ฉันใช้เส้นสายที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย ขอให้เด็กได้ไปแสดงในเวทีนี้ โดยเด็กเล็กก็จะเต้นประกอบเพลงอีกชุด แม้ผู้ชมส่วนใหญ่ จะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก ๆ ของฉันที่ไปแสดง แต่อย่างน้อย การจัดให้มีกิจกรรมแบบนี้ขึ้นบ้าง ก็สร้างความภาคภูมิใจในลูกหลานของตนเอง และกิจกรรมก็ทำให้เสริมความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครองมากขึ้น

นอกจากจะทำบ้านเรียนรู้ เรายังทำกิจกรรมจัดค่ายอาสาสมัครระหว่างประเทศ รับอาสาสมัครเข้ามาทำประโยชน์ต่าง ๆ ในเทศไทย ซึ่งก็เอื้อกับเด็ก ๆ บ้านเรียนรู้อย่างมากที่จะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับชาวต่างชาติ และได้ใช้ภาษาที่เรียนไปจริงกันเสียที (หลังจากที่เรียนกันมานาน) แม้เด็กจะขี้อาย แต่ฉันก็พยายามหากิจกรรมที่พวกเขาจะได้ใกล้ชิดกัน เช่น ลอยกระทงกับบ้านเรียนรู้ เด็ก ๆ ได้สอนให้ชาวดัตช์ทำกระทง และใส่ชุดไทยไปลอยกระทงร่วมกัน (นึกย้อนกลับไป เราน่าจะเป็นที่เดียวที่กล้า บ้าบิ่น ขนขบวนเด็กใส่ชุดไทยไปลอยกระทง จนชาวบ้านในงานคิดว่าคณะของเราต้องมีการแสดงอะไรสักอย่างบนเวที)

ด้วยความที่ฉันตั้งใจจะให้เด็กของฉันทุกคนมีโอกาสเท่าคนอื่น ๆ ทุกเทศกาล เราจึงพยายามที่จะให้เด็กได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน วันเด็กที่สนามบิน เรียนภาษาอังกฤษที่สนามบาสเก็ตบอล บทบาทสมมติร้านขายเสื้อผ้า ช่วยอาสาสมัครนานาชาติที่ตลาดน้ำ งานเลี้ยงปิดท้ายการเรียน และซัมเมอร์ที่รัก ฯลฯ

จนถึงวันนี้ เด็ก ๆ ในตำบลคลองหลา และรวมไปถึงตำบลอื่น ๆ คลองหอยโข่ง ครึ่งหนึ่งคงเคยมานั่งเรียนกันที่นี่ ที่บ้านเรียนรู้ ลูกศิษย์ของฉันกว่าครึ่งในอำเภอนี้คงจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ และไปสร้างโอกาสให้กับผู้อื่นได้อีกมากมายในอนาคต

ครูยังสอนอยู่ที่เดิม และพร้อมจะต้อนรับการกลับมาของพวกเขา ลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของเรา เคยกลับมาสอนน้อง ๆ ของเขาอีกครั้ง และอีกหลายคนที่กำลังเจริญรอยตามรุ่นพี่ ของเล่นหลายชิ้นอาจจะหายไปบ้าง เพราะพวกเราเล่นกับเก็บครบบ้างไปครบบ้าง ครูเกตชอบดุเสียงดังบ้าง เพราะพวกเราคุยกันและไม่ตั้งใจ แต่ทำไมครูตุ้มใจดีเสมอ

สุดท้ายไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ที่ใดในโลกใบนี้ ครูหวังว่า เราจะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสังคม และเป็นคนดีที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นอีกต่อไป

 

ชมภาพน่ารักของเด็ก ๆ บ้านเรียนรู้ได้ที่ http://cid-27e90f874c7a73c0.skydrive.live.com/play.aspx/.res/27e90f874c7a73c0!659/27E90F874C7A73C0!660?ct=photos

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 335812เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2010 11:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 10:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • สวัสดีค่ะ
  • สุขสันต์วันวาเลนไทน์ และมีความสุขกับทุก ๆ วันนะค่ะ

  • พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท