ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดไม่รู้ สู่การฟังอย่างตั้งใจ


การฟังอย่างต้งใจโดยไม่คิด

     บันทึกนี้เกี่ยวกับการฟังให้รู้ครับ ได้ไอเดียมาจากนักคิด 2 ท่าน

 

      ท่านแรก จิตแพทย์ชาวญี่ปุ่นเขียนเอาไว้ว่า 

 

      "ลองนึกถึงวันที่เราแต่งตัวเต็มยศ  แม้ภายนอกจะดูดี แต่ตัวเรากลับไม่สบายตัว จะขยับตรงใหนก็ดูติดขัดไปหมด  แต่ทำไมวันที่เราแต่งตัวตามสบาย กลับไม่รู้สึกแบบนั้น"

 

        ท่านสรุปว่า การมุ่งหวังสิ่งที่สมบูรณ์ 100 % เป็นความคิดที่ไม่ยืดหยุ่น  คนฉลาดจะรู้จักออมกำลัง 20% ไว้ เพราะจะได้มีเวลาพิจารณวิเคราะห์ความเป็นไปของสถานการณ์รอบข้าง

 

      ท่านที่สอง นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์  เขียนไว้ว่า "การแตะเบรกความคิด"  จะทำให้เซลล์สมองมีโอกาสสร้างการเชื่อมโยงชุดใหม่ ที่จะก่อให้เกิด "ชุดข้อมูลใหม่" ที่สร้างสรรค์หรือเป็นการเรียนรู้ใหม่

 

      นพ.วิธานยังกล่าวอีกว่า  เรื่องนี้ ในแง่วิทยาศาสตร์การแพทย์ งานวิจัยเกี่วกับสมอง พบว่า คลื่นสมองที่วิ่งรวดเร็วเกินไปนั้น ทำให้สมองไม่สามารถ "สร้างสรรค์" ชุดเชื่อมต่อของเซลล์สมองชุดใหม่ขึ้นมาได้  พูดง่ายๆคือ "ใช้แต่ข้อมูลเก่าๆซ้ำๆซากๆ"

 

      ครับ ข้อคิดของนักคิดทั้งสองท่านมาเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลเสริมซึ่งกันและกันในเรื่องของ "การฟังอย่างไม่คิด" ครับ

 

      ฟัง แล้ว  แตะเบรกความคิดเอาไว้ก่อน  หรืออย่างน้อย   ทำความคิดให้ว่างสัก 20 % ให้ยืดหยุ่นคล่องตัวไว้ฟังสิ่งใหม่ๆบ้าง  เพื่อให้ข้อมูลชุดใหม่มาเชื่อมโยงกับข้อมูลชุดเก่าในสมอง

 

      การฟังแบบคิดสวนไปด้วย  หรือ การฟังแบบเตรียมความคิดของตัวเองไว้ 100 %  ไม่เผื่อความคิดไว้ฟังบ้างจึงเป็นการฟังแบบไม่ได้ยินครับ   เป็นการฟังแบบ I in me   ฟังแล้วไม่ทำให้เกิดข้อมูลชุดใหม่ในสมองที่มาเชื่อมโยงกัยข้อมูลชุดเดิม    กี่ครั้งๆ ก็ใช้ข้อมูลเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลง   ประมาณว่าข้อมูลของฉันถูกต้องสมบูรณ์ 100  % 

 

        คนประเภทนี้ จะอึดอัดคับแคบครับ  เป็นประเภทผูกขาดความคิด  เพราะไม่ฟังใคร ในสมองจึงมีอยู่แค่นั้น  เขาจึงไม่รู้อะไรนอกตัวเขา  เพราะเขามัวแต่คิด

 

      ผู้คิดจึงไม่รู้   ถ้าอยากรู้ต้องไม่คิดครับ

 

      แต่ต้องอาศัยความคิด  จึงจะรู้(คิดแบบไม่คิด)

 

       (คำข้างบน  ผมเลียนมาจากธรรมะของพระครับ)

 

     ลองมาฟังกันแบบแตะเบรกความคิดกันดูนะครับ

               

หมายเลขบันทึก: 334052เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2010 13:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 00:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (48)

สุขสันต์วันศุกร์ค่ะท่านรองหนุ่มเล็ก

ขอบคุณข้อคิดดีๆ เดินทางเข้าป่าคอนกรีตโดยสวัสดิภาพ

อย่าลืมเก็บภาพมาฝากนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ

มีคนพูดการว่าในทำกิจการต่าง ๆ ไม่ควรหวังผลเลิศ 100% ต้องเผื่อความล้มเหลว ดินฟ้าอากาศ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ฯลฯ ไว้บ้าง จะได้สบายใจครับ

PคุณPooครับ

   *  ขอบคุณมากครับที่ตามมาส่งเข้าป่าคอนกรีต  

    *  คงมีภาพมาฝากครับ

                 ขอบคุณครับ

  • ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ
  • แวะมาเยี่ยมครับ

Pคุณวัชราครับ

  *  เมื่อก่อน ผมทำงานมักจะหวังผล 100 % ตามที่ตั้งไว้ครับ ผลปรากฏว่าเครียดไปกันหมดครับ   ทั้งผมและคนทำงาน

   *  ตอนหลังก็ผ่อนๆลงมาหน่อย ค่อยคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง

                  ขอบคุณครับ

Pขอบคุณคุณศรีกมลมากครับที่เข้ามาเยี่ยม

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้ทักทายหลายวันแล้วค่ะ

สบายดีไหมค่ะ

เรื่องการฟัง ส่วนใหญ่เรามักจะฟังแบบแย้งๆกับอีกค่ะ

เพราะเราไม่ได้ยอมเปิดโอกาส หรือยอมลดช่องว่างให้อีกฝ่ายได้พูดอยางเต็มที่

มันก็เลยต่าง ต่างไม่ค่อยยอมตั้งใจฟังค่ะ ทำให้ขัดแย้ง

ฟังแบบเงียบเนี่ย ต้องฝึกให้ตัวเราสงบใจให้ได้ก่อนค่ะ ตัวหนูยอมรับว่ายังทำไม่ค่อยได้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

เป็นข้อคิดที่ดีค่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะพบเจอแต่คนที่ไม่รู้จักฟัง

ชอบคิดเอาแต่ฝ่ายเดียว และไม่พอใจที่คนอื่นไม่ทำ(คิด)ตาม

ก็เป็นเหตุแห่งความขัดแย้งอยู่เนืองๆ

เป็นแนวทางที่ดีครับอาจารย์ ผมมักจะบอกกับตัวเอง และน้องๆที่ทำงานด้วยกันเสมอว่า

แผนที่เราวาดฝันเอาไว้ซะเพอร์เฟ็ค มันไม่มีอะไรออกมา 100% อย่างที่เราคิดหรอก

ผมเลยบอกว่าแผนที่วางไว้หนะ คิดซะว่ามันใช้ได้จริงสัก 70% อีก 30% เอาไว้ปรับเอาตามสถานการณ์

แบบนี้เราถึงต้องมีแผนสำรองไว้ในหลายๆงานยังไงละครับ แถมการทำงานก็จะได้มีความยืดหยุ่มตามสถารการณ์ด้วย

ขอบคุณความคิดดีๆครับ ^^

สวัสดีค่ะท่านรองฯ

"ฟัง แล้ว  แตะเบรกความคิดเอาไว้ก่อน  หรืออย่างน้อย   ทำความคิดให้ว่างสัก 20 % ให้ยืดหยุ่นคล่องตัวไว้ฟังสิ่งใหม่ๆบ้าง  เพื่อให้ข้อมูลชุดใหม่มาเชื่อมโยงกับข้อมูลชุดเก่าในสมอง"...เหมือนที่เราบอกลูกๆ นักเรียนให้เค้ารู้จัก...เชื่อมความรู้เก่าโยงไปสู่ความรู้ใหม่ใช่มั๊ยคะ

ส่วน"การฟังแบบเตรียมความคิดของตัวเองไว้ 100 %  ไม่เผื่อความคิดไว้ฟังบ้างจึงเป็นการฟังแบบไม่ได้ยิน  ประมาณว่าข้อมูลของฉันถูกต้องสมบูรณ์ 100  % "  ก็เจอกันบ่อยในแวดวงเราๆ ก็แยะค่ะ  แต่นั่นแหละค่ะ  คือเขาไม่เปิดตนเอง  และไม่พร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆ ไงคะท่านรอง  เรียกว่าเป็น "อัตตาทางความคิดไป"  คนประเภทนี้ก็เล่นเอาคนรอบข้างมึนๆ ไปเหมือนกัน

ขอบคุณมุมมองของความคิดดีๆ ค่ะท่านรองฯ

เป็น ข้อเขียนที่ดีมากครับ

ผมขอสรุปแบบเอาเองว่า

ฟังอย่าง ตั้งใจ ไม่ด่วยสรุป ไม่ฟันธง

ไม่มี mind set ไว้ล่วงหน้า

หลังจากนั้น ค่อยๆ คิดประมวนผล ต่อยอดไป ทีหลังครับ

สวัสดีครับ

"ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดไม่รู้ แต่ถ้าไม่คิดก็ไม่รู้" ผมขออนุญาตขยายความดังนี้ครับ คือ การคิด  ให้คิดตอนจิตว่าง ไม่มีอคติ ไม่บวก ไม่ลบ พินิจ พิเคราะห์ พิจารณา พิสูจน์ ก่อนพิพากษา ผมเชื่อว่าน่าจะทำให้การคิดเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ไปสู่เป้าหมายได้ตาม Output และ Outcome ครับ

เรียนท่านรองฯ น้องsmallman

เป็นมุมที่เตือนสติได้ดีคะ

การฟังแล้วคิด แตะเบรคนี่วิเศษทีเดียวค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ว่าแต่จะใช้เบรคยี่ห้ออะไรดีคะ

(ล้อเล่น อิอิ)

 

....สวัสดีค่ะ...อาจารย์....

บางครั้งคนเราถ้าไม่รู้จักที่จะดับอารมณ์ของตนเองได้ ก็เป็นธรรมดาค่ะที่เขาจะสติแตกได้ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในขณะที่มันเต็มที่จนระเบิดออกมาได้ เพราะเพื่อนของดิฉันคนหนึ่ง เวลาโมโหทีพูดแบบใส่เต็มที่ แต่พอสักพักนึกได้ โทรมาขอโทษทันทีค่ะ ( ยั้งสติไม่ได้ เบรคแตกประจำ )

สวัสดีค่ะท่านรอง ฯ <เรียกตามสมาชิก>

ขอบคุณมากค่ะที่นำข้อคิดดี ๆ มา share ให้ได้ทราบกัน กระตุกปัญญาได้ดีจริงค่ะ

จิติภัสร์ได้ใช้ข้อคิดนี้อยู่บ้าง ได้ผลค่ะ เด็ก ๆ บอกว่ามีอะไรก็อยากเล่าให้ฟัง เพราะเราฟังเขาก่อน

แล้วประมวลความคิดของเรา ถึงได้แสดงความคิดเห็นของเราออกมา สมาชิก g 2 โน ลองทำตามท่านรองดูนะคะ

มาฟังอย่างตั้งใจ 100 เปอร์เซ็น

ขอบคุณค่ะ

มาแล้ว  มาแล้ว ค่ะ ท่านรอง 
สวัสดียามค่ำค่ะ P
 มาค่ำหน่อย มัวนั่งตรวจงานลูกศิษย์อยู่ค่ะ...
 ท่านรองเขียนเกี่ยวกับเรื่อง แตะเบรกความคิด  งั้นหนูก็ต้องเบรกความคิด นะซิ...
 ว๊า!...  ทำไงละทีนี้... ความคิดหนูเลยต้องเบรก ไว้ก่อน  ฮา...
 
 ไหนๆ ก็ เข้ามาแล้วนี่ เอาหน่อยละกัน
 
 ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดไม่รู้ สู่การฟังอย่างตั้งใจ อันนี้เป็นปัญหาเรื่องการสื่อสารมากๆ เลย
 
 คนส่วนใหญ่มักจะแสดงตัวเป็นนักขายความคิดของตนเอง มากกว่าแสดงตัวเป็นผู้ซื้อความคิดที่ดีๆ ของคนอื่น  เหมือนกับที่ท่านรองเปรียบไว้ ว่าเตรียมความคิดของตัวเองไว้เต็ม 100 %
 คนพวกนี้จะพยายามที่จะให้คนอื่นรับฟังตัวเอง  เชื่อตามความคิดของตัวเองมากกว่าที่จะเปิดใจรับฟังความคิดของผู้อื่นเสมอ  พฤติกรรมของคนประเภทนี้ก็คือ ยืนยันความคิด ความเชื่อของตัวเองอยู่อย่างนั้น ไม่ฟังคนอื่น ไม่เผื่อใจ เรียกว่า "พวกชาล้นถ้วย"  ใครพูด ข้าขอขัด  สวนไว้ก่อน...  ฮ่า ฮ่า
 พวกนี้เป็นพวกอัตตาสูงนะท่านรอง... น่าเบื่อ น่าจับไปทำปุ๋ยเสียให้หมด... เอ.... ไม่ดี ๆ ทำปุ๋ยก็ไม่มีคุณภาพ ต้นไม่ไม่มีวันเจริญงอกงาม   ฮา (นอกเรื่องจนได้  ฮิ ฮิ)
 คนที่ยืดมั่นในความเชื่อของตัวเองเนี่ยนะ หนูว่า เขาไม่ฉลาดเลยนะ... เพราะการเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ทำให้เขาลืมใช้สติปัญญา (รอยหยักในสมอง) พิจารณาถึงความคิดที่ดีๆ ของคนอื่น นะซิ... เขาก็จะมีความรู้เรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก สมองไม่พัฒนา (เต่า..คลานต้วมเตี้ยม...ล้าหลัง ไม่ทันการณ์....)  ไม่เกิดความรู้ ความคิดใหม่ๆ  การผสานความคิดที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนางาน หรือพัฒนาองค์กร เลยไม่เกิด...ว่าเข้าไปโน่น.... (เพ้อเจ้อ อีกละ..)  ดีไม่ดีกลายเป็นความขัดแย้งไปเสียนิ.. ความคิดเห็นที่ขัดแย้งเลยกลายเป็นตัวบ่อนทำลายความเป็นหนึ่งเดียวของหมู่คณะไปเลย.... น่าสงสารองค์ที่มีคนแบบนี้จริงๆ  เฮ่อ...
 หนูคิดว่า ทุกๆ คน มีความคิดที่ดีๆ และมีคุณค่าทั้งนั้นแหละ อย่าไปปิดกั้นความคิดของเขา โดยเฉพาะ ถ้าเป็นความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยแล้ว  เจ้านาย ไม่ค่อยจะฟังหรอก (ไม่ได้หมายถึงท่านรองนะ  อย่าพึงทำหน้างอ... หนูเห็น นะ  ยิ้มหน่อย ๆ อะแนะ.. ยิ้มแล้ว  น่ารักขึ้นเป็นกอง...ฮิ ฮิ )
 คนเรา ต้องรู้จักเอาความคิดของคนอื่นมาผสมผสานกับความคิดของตัวเอง เพื่อให้ได้องค์ความใหม่ จะได้ความรู้ความคิดที่แยบยลและยอดเยี่ยมมากขึ้น ( 2 หัว ดีกว่า หัวเดียว..ใช่ป่ะ..)
 พระท่านสอนว่า...โอ๊ย...คิดไม่ออก....งงกับคำพูดตัวเองแล้วเนี่ย... เขียนไปเขียนมาก็ งง  มึน ซะเอง  ฮา... เอาเป็นว่า เก็บความคิดของตัวเองใส่กระเป๋าไว้เสียบ้าง... ซัก 20 % อย่างที่ท่านรองบอกนั้นดีที่ซู๊ด!..
 
 พอละ... คุยกับท่านรองแล้วปวดหัว ทำให้เสียพลังงานมากทุกที...
 หิวข้าวแล้ว  ลูกสาวโทร. ชวนไปกินหมูกะทะ...เดี๋ยวไปกินหมูกะทะดีกว่า
 ท่านรองไปกินด้วยกันมั้ยคะ....ฉลองวันหยุด  ฮา... เดี๋ยวพรุ่งนี้มา ถก และก่อกวนท่านรองใหม่  ฮ่า ฮ่า..
 หนูมาก่อกวนให้ท่านรองประสาทเสีย หรือเปล่าเนี่ย...ถ้ารำคาญ ก็ลบเม้นท์ บ้า ๆ บ๊องๆ ของหนูเสียนะคะ.... ไม่ว่าหรอกค่ะ...  นี่หนูแตะเบรกแล้วนะเนี่ย.. ไม่งั้นยาว...
 ท่านรองอย่าเก็บคำพูดบ้าของหนูไปคิด คนนอนไม่หลับล่ะ..ฮา 
 คืนนี้สวดมนต์ก่อนนอนนะคะ จะได้ฝันดี  ฮิ ฮิ  ไม่งั้นคำพูดของหนูจะตามไปกวนใจ....
  ด้วยความเคารพและระลึกถึงค่ะ
 

                        

                                หาที่วางให้ด้วยนะคะ  จะได้ฟังอย่างตั้งใจ

                           จะให้แตะเบรคความคิด  หรือให้เหยียบเบรคความคิดคะ

                           ผู้ใหญ่นี่  มองไกลเสมอนะคะ  สุขสันต์วันหยุด

                           ขอให้มีความสุขกับครอบครัวนะคะ

สวัสดีค่ะ ท่านรองฯsmall man
      

  บรรยากาศในวันนี้เงียบหมดทั้งบ้าน 

  • ทุกคนพร้อมจะเป็นผู้ฟังที่ดีค่ะ แต่ไม่มีผู้พูด
  • บรรยากาศแบบนี้เหมือนจะดี แต่ไม่ดีเลยค่ะ..ไม่เหมือนเดิม..

http://gotoknow.org/blog/nitaya-r2/334178

สวัสดีค่ะ อ. small man

ผู้รู้ไม่ต้องคิด คนคิดมากไม่บังเกิดความรู้ใหม่ๆ คมจริงๆค่ะ

การรับฟังข่าวสารต้องค่อยๆพิจารณาไปนะคะ ฟังแล้วค่อยๆคิดไปด้วย บางคนฟังไปงั้นๆเข้าหูซ้ายออกหูขวา เพราะว่าในสมองเค้ามีความคิดของเขาเองไว้อยู่แล้วจริงไม่ยอมรับฟังความคิดใหม่ๆเข้าไปบ้างเลย ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเลยค่ะ

แบบนี้เรียกว่า

การฟังให้ได้ยินถึงเสียงภายในของผู้พูด

ฟังโดยไม่มีข้อขัดแย้ง

ฟังแล้วค่อยๆพิจารณาทบทวนตามผู้พูด

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับท่านรองฯ

ไปลำปางกับคณะหรือเปล่าครับนี่

ตั้งใจมาเยี่ยมครับ

Pคุณbeger0123ครับ

  *   เรื่องการฟัง ส่วนใหญ่เรามักจะฟังแบบแย้งๆกันอีกค่ะ

   (ครับ ที่ผมผ่านมา มักจะฟังแบบแย้งๆ รวมทั้งตัวผมด้วย 555...)

*  พราะเราไม่ได้ยอมเปิดโอกาส หรือยอมลดช่องว่างให้อีกฝ่ายได้พูดอยางเต็มที่

     (เราเตรียมจะสวนกลับครับ เลยไม่ค่อยมีช่องว่างในการฟัง)

*  มันก็เลยต่าง ต่างไม่ค่อยยอมตั้งใจฟังค่ะ ทำให้ขัดแย้ง

    (ไม่ฟังกัน  ความขัดแย้งก็เกิดง่ายครับ)

*   ฟังแบบเงียบเนี่ย ต้องฝึกให้ตัวเราสงบใจให้ได้ก่อนค่ะ ตัวหนูยอมรับว่ายังทำไม่ค่อยได้ค่ะ

   (ผมกำลังพยายาม "ฟังแบบเงียบ"  อยู่ครับ)

 

                    ขอบคุณครับ

Pคุณแจ่มใสครับ

ส่วนใหญ่แล้วจะพบเจอแต่คนที่ไม่รู้จักฟัง ชอบคิดเอาแต่ฝ่ายเดียว และไม่พอใจที่คนอื่นไม่ทำ(คิด)ตาม

    (ครับ ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นครับ)

*  ก็เป็นเหตุแห่งความขัดแย้งอยู่เนืองๆ

   (ขัดแย้งในวง  แล้วก็ค่อยๆขยายซึมลึกไป)

 

      ขอบคุณครับ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย

 

Pคุณเอิร์ทครับ

  *  ผมเองเมื่อก่อนทำงานก็จะตั้งเป้าไว้ เต็มร้อย ครับ   พอไม่เป็นไปตามที่คาด ก็หงุดหงิดงุ่นง่าน

   *  ตอนหลัง ผ่อนๆลงมสบ้างครับ  ก็ค่อยคล่องตัวมาหน่อย

                 ขอบคุณมากครับ

PคุณLioness ann ครับ

"อัตตาทางความคิดไป"  (คำนี้ดีจังเลยครับ)

 

* ประเภทนี้ก็เล่นเอาคนรอบข้างมึนๆ ไปเหมือนกัน

   (ผมเจอบ่อยครับ คุยด้วย ประชุมด้วยแทบไม่มีประโยชน์ )

            ขอบคุณครับ  

Pคุณศุภรักษ์ครับ

*  ฟังอย่าง ตั้งใจ ไม่ด่วนสรุป ไม่ฟันธง

ไม่มี mind set ไว้ล่วงหน้า   หลังจากนั้น ค่อยๆ คิดประมวนผล ต่อยอดไป ทีหลังครับ

    (สรุปได้ดีมากเลยครับ ถูกใจผมครับ  เพราะตรงประเด็นมาก)

         ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเสริมเติมเต็ม

Pคุณไทเลย-บ้านแฮครับ

"ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดไม่รู้ แต่ถ้าไม่คิดก็ไม่รู้"

*  การคิด  ให้คิดตอนจิตว่าง ไม่มีอคติ ไม่บวก ไม่ลบ พินิจ พิเคราะห์ พิจารณา พิสูจน์ ก่อนพิพากษา 

*  จะทำให้การคิดเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ไปสู่เป้าหมายได้ตาม Output และ Outcome ครับ

      ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเสริมเติมเต็ม

 

Pพี่Krutoitingครับ

* การฟังแล้วคิด แตะเบรคนี่วิเศษทีเดียวค่ะ

   (ผมลองทำได้ในบางครั้ง ผมว่าดีนะครับ)

*  ว่าแต่จะใช้เบรคยี่ห้ออะไรดีคะ

    (ผมบอกไม่ได้ครับ เขาห้ามโฆษนา)

                  ขอบคุณครับ

 

Pคุณสายลมที่หวังดีครับ

*   เพื่อนของดิฉันคนหนึ่ง เวลาโมโหทีพูดแบบใส่เต็มที่ แต่พอสักพักนึกได้ โทรมาขอโทษทันทีค่ะ ( ยั้งสติไม่ได้ เบรคแตกประจำ )

     ขอบคุณมากครับสำหรับกรณีตัวอย่างที่เป็นประโยชน์

 

คุณจิติภัสร์ครับ

 

*  จิติภัสร์ได้ใช้ข้อคิดนี้อยู่บ้าง ได้ผลค่ะ เด็ก ๆ บอกว่ามีอะไรก็อยากเล่าให้ฟัง เพราะเราฟังเขาก่อน

 (ตรงนี้ดีมากเลยครับ  คุณครูมักจะบ่นเด็กว่าเด็กไม่ฟังครู   แต่เพราะครูไม่ฟังเด็กก่อนครับ เด็กเลยไม่ฟังครู)

 *  ฟังแล้วประมวลความคิดของเรา ถึงได้แสดงความคิดเห็นของเราออกมา

    (ครับ ฟังแล้วประมวลความคิดครับ)

*  สมาชิก g 2 โน ลองทำตามท่านรองดูนะคะ

      (ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยเชิญชวน)

      ขอบคุณอีกครั้งครับ ที่เข้ามาเสริมเติมเต็ม

Pครูจิ๋วครับ

   ขอบคุณมากครับที่เข้ามาฟัง

Pครูใจดีครับ

 
 
 คนส่วนใหญ่มักจะแสดงตัวเป็นนักขายความคิดของตนเอง มากกว่าแสดงตัวเป็นผู้ซื้อความคิดที่ดีๆ ของคนอื่น 
   (ตรงนี้ เปรียบได้ดีจังเลยครับ ถูกใจ คงจะต้องขอหยิบยืมไปใช้บ้างนะครับ)
 คนพวกนี้จะพยายามที่จะให้คนอื่นรับฟังตัวเอง  เชื่อตามความคิดของตัวเองมากกว่าที่จะเปิดใจรับฟังความคิดของผู้อื่นเสมอ  พฤติกรรมของคนประเภทนี้ก็คือ ยืนยันความคิด ความเชื่อของตัวเองอยู่อย่างนั้น ไม่ฟังคนอื่น ไม่เผื่อใจ เรียกว่า "พวกชาล้นถ้วย"  ใครพูด ข้าขอขัด  สวนไว้ก่อน...  ฮ่า ฮ่า
    (ครับ ชาล้นถ้วย  คำนี้ ผมว่าจะเขียนลงไปในบทความ แต่ลืมไปครับ ดีครับ เข้ามาเสริมเติมเต็ม)
 พวกนี้เป็นพวกอัตตาสูง น่าเบื่อ
   (ผมประชุมหรือคุยด้วย น่าเบื่อจริงๆแหละครับ)
 คนที่ยืดมั่นในความเชื่อของตัวเอง เขาไม่ฉลาดเลยนะ... เพราะการเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ทำให้เขาลืมใช้สติปัญญา (รอยหยักในสมอง) พิจารณาถึงความคิดที่ดีๆ ของคนอื่น นะซิ... เขาก็จะมีความรู้เรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก สมองไม่พัฒนา  ไม่เกิดความรู้ ความคิดใหม่ๆ 
  (ครับ ไม่ฟังคนอื่น  ก็ซ้ำซากอยู่ที่เดิมครับ ทั้งสมองและความคิด)
 *   การผสานความคิดที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนางาน หรือพัฒนาองค์กร เลยไม่เกิด
   
        (เป็นอย่างนั้นจริงๆนะครับ)
 *   ดีไม่ดีกลายเป็นความขัดแย้งไป
     (ส่วนใหญ่ก็จะขัดแย้งครับ ส่งผลขยายในวงกว้าง  ไม่ดีเลยครับ)
  ทุกๆ คน มีความคิดที่ดีๆ และมีคุณค่าทั้งนั้นแหละ อย่าไปปิดกั้นความคิดของเขา โดยเฉพาะ ถ้าเป็นความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยแล้ว  เจ้านาย ไม่ค่อยจะฟังหรอก
    (ความคิดที่ดีๆถูกทำลายลงไปอย่างน่าเสียดายครับ)
 คนเรา ต้องรู้จักเอาความคิดของคนอื่นมาผสมผสานกับความคิดของตัวเอง เพื่อให้ได้องค์ความใหม่ จะได้ความรู้ความคิดที่แยบยลและยอดเยี่ยมมากขึ้น
    (ครับ   นำหลายๆความคิดมาผสมผสานกันเพื่อสร้างสรรค์ครับ)
  เอาเป็นว่า เก็บความคิดของตัวเองใส่กระเป๋าไว้เสียบ้าง... ซัก 20 %
         (ครับ ฟังคนอื่นบ้าง อย่างน้อยซัก 20% ก็ดีครับ)
 
    ขอบคุณครูใจดีมากครับ ได้มุมมองที่เปิดกว้างและความคิดที่เป็นประโยขน์กับการฟังมากๆๆ  เลยครับ

 

Pคุณวิไลครับ

   

*  ใหญ่ขนาดนี้  หาที่วางลำบากเหมือนกันนะครับ 555...

 *  เหยียบเบรกความคิดได้ก็ดีครับ

                 ขอบคุณครับ

Pอาจารย์นิตยาครับ

*  เงียบกันหมด แสดงว่าสื่อสารกันด้วยความรู้สึกครับ

                 ขอบคุณครับ

PคุณOrnครับ

* คนฟังไปงั้นๆเข้าหูซ้ายออกหูขวา เพราะว่าในสมองเค้ามีความคิดของเขาเองไว้อยู่แล้วจริงไม่ยอมรับฟังความคิดใหม่ๆเข้าไปบ้างเลย ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเลยค่ะ

   (ครับ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเสริมเติมเต็ม)

 

Pคุณมนัญญาครับ

การฟังให้ได้ยินถึงเสียงภายในของผู้พูด

   ( I   in   you ครับ)

*  ฟังโดยไม่มีข้อขัดแย้ง

   (ห้อยแขวนคำตัดสินไว้ก่อน)

*  ฟังแล้วค่อยๆพิจารณาทบทวนตามผู้พูด

    (I   in   you)

                  ขอบคุณครับ

 

Pอาจารย์คมสันครับ

 * ท่าน ผอ.วีรศักดิ์ ส่งข่าวมาชวนไปลำปางครับ พอดีผมติดส่งลูกไปสอบที่กรุงเทพณ เลยไม่ได้ไป   เสียดายเหมือนกันครับ โอกาสดีๆ

              ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยม

Pคุณนิดหน่อยครับ

    ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชม

อรุณสวัสดิ์วันอาทิตย์สดใสค่ะ

ท่านรองหนุ่มเล็กกลับมาจากบางกอกแล้วรึคะ เป็นไงบ้างเอ่ยคะ

มาทายทักด้วยระลึกถึง พร้อมรอขอฝาก สุขสันต์วันพักผ่อนค่ะ

"การฟังอย่างไม่คิด" และ"การฟังแบบคิดสวนไปด้วย "

อันตรายทั้ง 2 แบบ เคยตกเป็นจำเลยในกรณีทั้งสองมาแล้ว

เรียกว่า สติ แทบแตกเลย เสียความรู้สึกมากๆ

เราเหยียบเบรคทั้งตัว แต่เขาไม่แตะเบรคเลยสักนิด มึนค่ะ

 

PคุณPooครับ

*  กลับมาแล้วครับ พร้อมกับนำภาพมาฝากตามที่รับปากเอาไว้  ไม่มีสาระอะไรมากครับ  อ่านเพลินๆ

*  ขอบคุณมากครับที่นึกถึง

      

Pครู ป 1 ครับ

"การฟังอย่างไม่คิด" และ"การฟังแบบคิดสวนไปด้วย "

อันตรายทั้ง 2 แบบ เคยตกเป็นจำเลยในกรณีทั้งสองมาแล้ว

   (เจอประเภทนี้ คุยด้วยลำบากครับ)

                       ขอบคุณครับ

 

สวัสดีค่ะ

  • เมื่อว่างก็ต้องแวะมาตรงนี้เป็นประจำ
  • ได้อ่านแล้วกลับมาย้อนดูพฤติกรรมตัวเอง
  • มันเป็นอย่างนั้นจริงๆในบางครั้งเรามีความหวังดี
  • พูดออกไปเพื่อให้เขายอมรับฟังการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆบ้าง
  • แต่เขาเหมือนน้ำเต็มแก้ว  พูดไปมันก็ล้นกระฉอกมาโดนเราเปียกทุกที
  • เพราะบางคนเขาเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีวาทะในการพูด
  • ถ้าใครไม่คิดตามเขา เขาก็จะเหน็บแนม  จนใครๆก็ไม่อยากโต้แย้ง
  • แล้วมาวิจารณ์ ลับหลัง  ผลก็คือ เขาก็ไม่เคยลบความคิดของตัวเอง
  • ยิ่งใหญ่ขึ้น อัตตาในตนเองก็สูงขึ้น  แล้วทุกคนก็พูดว่า ..ปล่อยเขาไป
  • สังคมไทยมักยกย่องคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ว่าคิดถูกทำถูก
  • คนทั่วไปจึงทำตาม  โดยไม่อยากคิด ผิดหรือถูกอยู่ที่เบื้องบน
  • มันจึงเป็นสังคมของการลองผิดลองถูก  ไปเรื่อยๆเป็นวัฎจักร...
  • สงสัยต้องยอมรับข้อคิดที่ว่า  "ผู้คิดจึงไม่รู้   ถ้าอยากรู้ต้องไม่คิด"
  • คงต้องแตะเบรคความคิดไว้บ้าง 
  • แต่เวลาใส่เกียร์เราจะถอยหลังหรือไปหน้าดีค่ะ  ท่านรอง

Pคุณดาวเรืองครับ

*  ยิ่งใหญ่ขึ้น อัตตาในตนเองก็สูงขึ้น  แล้วทุกคนก็พูดว่า ..ปล่อยเขาไป

   (หลายๆที่ก็เป็นแบบนี้ครับ)

*  สังคมไทยมักยกย่องคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ว่าคิดถูกทำถูก

   (ก็ไม่เชิงยกย่องหรอกครับ  เอาเป็นว่าเป็นเพราะอำนาจมากกว่า  ก็เลยต้องเชื่อ)

*  คนทั่วไปจึงทำตาม  โดยไม่อยากคิด ผิดหรือถูกอยู่ที่เบื้องบน

    (ครับ  อุปสรรคของการ "คิดเป็น" ก็อยู่ที่ตรงนี้แหละครับ  บอกว่าให้เด็ก "คิดเป็น" แต่ระบบเป็นระบบไม่ต้องคิด)

  *  บางครั้งก็ต้องใส่เกียร์ถอยครับ ประมาณว่า  ถอยยยยย   ดีกว่า   ไม่อาวววว ดีกว่า

  * ประมาณนั้นครับ

      (ถอยเพื่อตั้งหลักครับ)

                 ขอบคุณครับ

  

แวะมาอ่านบันทึกและศึกษาความคิดเห็นของทุกคนเพื่อเพิ่มรอยหยักในสมอง...แล้วรีบแตะเบรค......เอี๊อด...ด...ด....ด

Pขอบคุณอาจารย์ปริมปรางครับ แตะเบรกสักนิดก็ดีเหมือนกันครับ ก่อนจะวิ่งไปต่อ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท