ออกจากฉางขุนารายัน เราย้อนกลับไปที่เมืองบักตะปูร์ (Bhaktapur) เมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งศรัทธา (City of Devotees)
ที่นี่ประทับใจมาก TKT ทำให้เราได้พักที่โรงแรม Budgua Guest house&Hotel ชื่อว่าเกสต์เฮ้าท์ไปยังงั้น แต่ห้องพักและบริการดีมากๆ ที่ดีมากๆ คือแค่โผล่หน้าออกมาจากประตูโรงแรมก็สัมผัสกับมณฑปเนียตะโปลา (Nyatapola) ซึ่งเป็นวัดที่สูงที่สุดในบักตะปูร์ สร้างโดยกษัตริย์มัลละ ในบริเวณนั้นมีวัดไพราพนาถ (Bhairavnath Temple) ที่ทุกเช้าจะมีชาวฮินดีมาสัการะเทพตั้งแต่รุ่งเช้า สืบเนื่องไปจนถึงค่ำ
หลังจากที่จัดการห้องพักเสร็จ เราได้ไกด์ท้องถิ่นนำเราไป City Tour รอเวลาอาหาร
เริ่มจากเดินไปในชุมชน ผ่านร้านราวง ร้านขายของที่ระลึก ของขึ้นชื่อคือ เครื่องทองเหลือง เครื่องปั้นดินเผา ไม้แกะสลัก และภาทคาวันโตปี หรือหมวกแก๊ป (Bhadgaonle Topi Cap) สำหรับคนชอบผ้า...ที่นี่ค่อนข้างแพง แต่เสื้อยืดลายเก๋กว่าทาเมลนะ ราคาอาจจะแพงกว่าเล็กน้อย
เมืองนี้กว้างมาก มีหลายจตุรัส จากเว็บว่ากว้างประมาณ 4 ตารางไมล์เลยทีเดียว
ผ่านไป Dattatraya Square เป็นที่ตั้งวัดทัตตะไตรยะ และพิพิธภัณฑ์งานไม้แห่งชาติ เนื่องจากเวลาค่อนข้างน้อย คณะของเราจึงได้ชมแต่บริเวณรอบๆ จตุรัสเท่านั้นเองจตุรัสนี้ตกแต่งอารามและวัดเป็นรูปนกยูง สวยงามมาก ที่ศาลากลางบ้าน...มีป้ายเล็กๆ ติดไว้ว่า Paecock Window เพื่อไปชมหน้างต่างไม้แกะเป็นรูปนกยูง เป็นงานชิ้นเอกที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง และเป็นของจำลองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวด้วย (แปลกใจจังที่สัตว์ประจำชาติของเนปาล คือ ไก่ฟ้า...น่าจะเป็นนกยูงซะเลย...จะได้ไม่สับสน...อิอิ)
ถนนที่ไป Peacock window มีของน่าดูน่าชมมาก แต่ร้านปิดประมาณ 18.30 น. เช่นเดียวกับร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับมณฑปเนียตะโปลา ที่ชื่อ Naytapola Coffee Shop ปิดเร็วซะจริง
กินข้าวเที่ยงก่อนนะ เอ๋นี่เวลาเท่าไหร่ บ่ายสองกว่าค่ะ คงเพลิดเพลินเกินไป ข้าวผัดและหมี่ผัดที่ร้าน Palace Resturant จึงอร่อยเป็นพิเศษ จากร้านอาหารสามารถชมจตุรัส Bhaktapur ที่ประกอบด้วยหมู่พระราชวัง วิหาร ประตูทองคำ และหอศิลป์แห่งชาติ ได้เต็มตาตลอดมื้ออาหารก่อนจะลงไปสัมผัสของจริงกัน
รูปสลักแถวนี้นอกจากเทพแล้ว ก็มีไม้แกะเป็นตำนานกามสูตรหรือ กามาสุตรา...เช่นตาม คันทวย เป็นค้น อิอิ เราก็ซื้อฉบับภาพวาดมา ได้ราคา 300 รูปี เพราะมาซื้อที่พิพิธภัณฑ์ รู้สึกว่าตามร้านหนังสือจะถูกกว่า
เราผ่านประตูทองเข้าไปในพระราชวัง ส่วนนี้ห้ามถ่ายรูป ประตูทองนี้ได้ชื่อว่าเป็นงานสลักที่งดงามชิ้นหนึ่งของโลก ที่แกะรูปเทพและอสูรได้อย่างงดงามลงตัว และยังมีความสมบูรณ์
บริเวณนั้นยังมีลาน 55 พระแกล (Palace of 55 windows)เป็นงานไม้แกะสลักที่สวยงามมาก ว่ากันว่าเดิมกษัตริย์รานจิต มัลละ มีสนมมากถึง 55 คน หน้าต่างนี้เป็นี่ปรากฏโฉมของสนมทั้งหมด...เรื่องจริงอิงนิยายหรือป่าวไม่รู้...ขอบอกก่อนว่จำที่มาไม่ได้
บริเวณนี้ยังมีวัดหินชื่อ พัตสะละเทวี (Batsala Devi) เป็นศิลปะแบบศิขะระ รายละเอียดเป็นแบบไหนไม่ทราบ แต่บรรดาสถาปัตยกรรมทั้งหมด วัดนี้แปลกกว่าใครเพื่อน
และเป็นที่น่าเสียดายอีกที่เรา รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลา เพราะไม่ได้เหยียบย่างเข้าไปในตัววัดเลย เห็นใน Guide book แนะนำว่าที่นี่มีศิลปะการแกะสลักต่างๆ ให้ชมมากมาย
คือว่าเราต้องไปหมู่บ้านปั้นหม้อและตามหาดอกมัสตาร์ดหน่ะนะ...ไปต่อเลยดีกว่า
อยากไปถ่ายรูปที่เมืองนี้จัง..ภาพสวยทุกรูปเลยจ้า..
ว่าถ้าพวกแอ๊ว กุ๋มกิ๋มเปี่ยมและน้องขวัญจะให้พี่ตุ่น พี่แอ้เป้นไกด์นำเที่ยวอีกซักรอบจะขัดข้องปะจ๊ะ..
แต่ชวงนี้..ขอเก็บตัวและเก็บตังค์ก่อนนะจ๊ะ..อิอิ..
^^
สวัสดีค่ะ
ขอเกาะไปเที่ยวด้วย
สวยจริงๆค่ะ
ขอบคุณ
คุณณัฐรดา คะ
ถ้าไม่เบื่อแวะมาเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ นะคะ เพระตอนนี้สิริพรกำลังสรุปความ
เผื่อจะได้ไปเยือนอีกครั้งนี้...แถมไม่เจียมตน...อิอิ กะว่าจะไปแบบแบกเป้หน่ะค่ะ
เที่ยวสนุกจัง..สวยด้วย..ขอบคุณข้อมูลนะคะ..จะตามไปเที่ยวด้วยคนขอเกาะเป้ไปด้วยฮิฮิ
งามจังเลย ไปเที่ยวกับเทรกกิ้งไทยรึคะ
เห็นภาพสวยๆ แล้วอยากไป ๆ ขอบคุณค่ะ