การเข้าร่วมสัมนา ICT Trend For 2010
วัน อังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553
เวลา 9.00 น – 12.00 น
สถานที่ สถานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก
วิทยากร ยืน ภู่วรวรรณ รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การใช้พลังงานทางด้าน ICT เพิ่มสูงมากขึ้น จนกระทั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของการใช้พลังงานรถยนตร์แล้ว แสดงให้เห็นว่า การสร้างปัญญามีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น มากกว่าการใช้กำลัง ในปัจจุบันจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจำนวนกว่า 500 ล้านเครื่องทั่วโลก
จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายนี้เป็นไปตามกฏของกฏของมัวร์ (Moore ‘s Law) ได้กล่าวเอาไว้เมื่อประมาณปี 1990 ว่า จำนวนทรานซิสเตอร์จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 24 เดือน ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคที่ CPU ตระกูล 486 ได้วางจำหน่าย และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นทุกๆ 18 เดือน
นอกจากนี้ขนาดความจุของฮาร์ดไดรฟ มีขนาดเพิ่มมากขึ้นและมีราคาถูกลงเรื่อยๆ
เทคโนโลยีการสร้าง CPU แบบ Multi Core ในปัจจุบันจะไม่เกินที่ 3 GHz เนื่องจาก CPU ที่มีความเร็วสูง ย่อมต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูงตามไปด้วย ทำให้เกิดอุณหภูมิสูงตามไปด้วย แนวโน้มของเทคโนโลยีการผลิต CPU ได้เปลี่ยนไปจากเดิมจากเดิมนั้นเน้นที่การให้ความเร็วสูง ขนาดพัดลมระบายความร้อนของ CPU จึงมีขนาดใหญ่และมักจะเกิดเสียงดัง ประกอบกับเทคโนโลยีทาง ICT นั้นตกรุ่นได้ง่าย จึงได้มีแนวคิดใหม่ว่าควรจะผลิต CPU ที่มีขนาดเล็กใช้พลังงานน้อย แต่ปรับปรุงกระบวนการทำงานข้างในให้แบ่งกันทำงาน
เมื่ออุปกรณ์ ICT เปลี่ยนเป็นลักษณะเป็น Mobility นั้นทำให้การใช้งานเปลี่ยนไป โดยการประมวลผลที่ดีจะต้องมีการเคลื่อนย้ายข้อมูลให้น้อยที่สุด และสั้นที่สุด พร้อมกันนี้ท่านวิทยากรได้แนะนำให้ปรับแนวคิดการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในสถาบันการศึกษาว่าไม่จำเป็นต้องจัดเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เท่ากับจำนวนนิสิตทั้งหมด แต่ทางสถาบันควรจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเข้าถึง Information Technology แทน เช่นการจัดเตรียมเครือข่ายอินเทอเน็ตไร้สายให้ครอบคลุมพื้นที่ของสถาบัน
1980 เกิดเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม ใช้งานยาวนานประมาณ 30 ปี
1990 เกิดเครื่องคอมพิวเตอร์ Client Server เกิด Personal Computer ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 ปี
2000 เกิด E-Commerce , E-Business ใช้เวลาประมาณ 7 ปี
ปัจจุบันและอนาคต เกิดการสื่อสารแบบไร้สาย โมบาย เว็บเซอวิส และกริดคอมพิวติ้ง
คือ คนในแต่ละยุค ตามสากลนั้นได้แบ่งคนออกเป็น Generation ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 รุ่นคือ
Generation X เกิดก่อน 1981
Generation Y เกิดระหว่าง 1981 – 1994
iGeneration เกิดหลังปี 1994 กลุ่มนี้เกิดในยุคที่สามารถเข้าถึง Information ได้เป็นอย่างดี
หมายถึงลักษณะการทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกัน ทำให้ได้งานมากกว่าในเวลาที่เท่าเดิม เช่นการแยกเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายแบ่งกันทำงานเดียวกัน อย่างโปรแกรม Windows Live Messenger จะแบ่งการ Authenticate ออกเป็นส่วนๆแล้วส่งให้เครื่องแม่ข่ายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ใกล้ที่สุด ในที่นี้อาจอยู่ภายในหรือต่างประเทศก็ได้ เมื่อทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะแจ้งผลการดำเนินการมายังปลายทางที่เรียกใช้อีกครั้ง
รวมถึงการผลิต CPU ในยุคปัจจุบันที่มีหลายคอร์เพื่อช่วยประมวลผลการทำงานควบคู่กันไป เทียบกับอดีตนั้นเราต้องจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมขนาดใหญ่ ราคาแพง ซึ่งอาจซื้อได้เพียงเครื่องเดียว ในปัจจุบันเราสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคลเชื่อมต่อเป็นกริดคอมพิวติ้งเพื่อแบ่งภาระงานกันประมวลผล จนกระทั่งมีการขนานนามว่า ปรากฏการณ์ปลาเล็ก(เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล)รุมกินปลาใหญ่(เครื่องเมนเฟรม)
หมายถึงรูปแบบการติดต่อระหว่างกันจากเดิมนั้นติดต่อแบบ Centralize คือการติดต่อแบบผ่านศูนย์กลางกระจายข่าวสารที่เดียว ได้เปลี่ยนเป็น Decentralize คือเริ่มไม่เป็นแบบรวมศูนย์อย่างที่เคยเป็น แต่ทุกๆที่ก็สามารถเป็นแหล่งศูนย์กลางกระจายข่าวสารเองได้ ตัวอย่างเช่นเดิมนั้นเราต้องอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือติดตามข่าวจากโทรทัศน์ แต่ในปัจจุบันเราที่เป็นผู้ชมก็สามารถรายงานข่าวสารเองได้ แม้ว่าจะเป็นการสื่อสารผ่านเพื่อนฝูงทางออนไลน์ แต่การแพร่กระจายข่าวสารก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นผ่าน Blog , Social Network ,Twitter,Wiki เป็นต้น
หมายถึงการแสดงภาพเสมือนจริง ซึ่งท่านวิทยากรได้แนะนำให้ชมภาพยนตร์เรื่อง Avatar เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ชีวิตคนรุ่นใหม่นอกจากจะมีชีวิตจริงในโลกปัจจุบันแล้ว ยังมีชีวิตอีกโลกหนึ่งคือโลกออนไลน์เช่นเกมส์ออนไลน์เป็นต้น ความแตกต่างระหว่าง Visualization และ Virtualization คือจินตนาการและสิ่งเสมือน
หมายถึงเครือข่ายฝูงชนที่มีการทำงาน การติดต่อสื่อสาร ร่วมกันระหว่างบุคคล โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สำหรับ Could Computing จะมีลักษณะคล้ายๆกันแต่เป็นการประมวลผลโดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ส่งรับข้อมูลระหว่างกันโดยที่เราอาจไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าข้อมูลของเราผ่านการประมวลจากที่ไหนบ้าง เรารู้เพียงว่ามีการประมวลผลเท่านั้น การดำเนินการเช่นนี้จะมีเทคโนโลยีพื้นฐานคือ Semantic Web, Web Services, Grid Computing
จากตัวแปรนี้เองทำให้ปัจจุบันได้เกิดโปรแกรมประยุกตร์ที่เดิมนั้นเราจะต้องติดตั้งลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งานได้ แต่ด้วยเทคโนโลยี Cloud นี้เองจึงได้เกิดเว็บแอพพลิเคชั่นขึ้นมานั่นหมายถึงเราสามารถใช้งานโปรแกรมผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเช่น Google Doc,Goole App ต่างๆที่มีมากมาย
สำหรับนักเรียนนักศึกษาในปัจจุบันจะรู้จักครูสามคนเป็นอย่างดีนั่นคือ
Google , Wikipedia.org, และ Youtube.com
Wikipedia เป็น Crowd Source บนพื้นฐาน By People ,For People มีการสร้างสังคมออนไลน์ สามารถพัฒนาเนื้อหาจากผู้เข้าชมได้เป็นต้น
จากเดิมประชาชนจะต้องรับทราบข่าวสารผ่านผู้ให้บริการที่เป็นสถาบันเช่น โทรทัศน์ ภาพยนตร์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เหล่านี้ เปลี่ยนไปแล้วในยุคปัจจุบันประชาชนทั่วไปที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลก็สามารถเป็นผู้สร้างสรรค์สื่อ เนื้อหาได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายสังคมที่ติดต่อกันได้โดยไม่จำเป็นต้องพบหน้ากัน ก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการแทรกแซงสื่อแบบเดิมโดยสิ้นเชิง
เป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงการเกิดตัวตนใหม่ ที่เราจะเห็นได้ง่ายที่สุดคือตัวแทนตนเองในโลกออนไลน์เช่นตัวตนในเกม
การทำงานควบคู่กันไปของโปรแกรมที่ทำงานในเครื่องคอมพิวเตอร์ เราอาจมีได้หลายโปรแกรมที่ทำงานควบคู่กันไป เช่นใช้ MS Word พิมพ์เอกสาร ขณะที่ฟังเพลงด้วยโปรแกรม Winamp เป็นต้น
การทำงานที่เกิดจากการประมวลผลไปพร้อมๆกันเสมือนว่ามี CPU มากกว่าหนึ่งตัวในการทำงาน
ท่านวิทยากรได้ยกตัวอย่างถึงค่ายอบรมคอมพิวเตอร์เยาวชน ท่านได้ให้เด็กนักเรียนเขียนโปรแกรมควบคุมรถถังในการเคลื่อนที่และโจมตีรถถังคันอื่น การทำงานแบบ Threading จะสามารถสั่งให้รถถังเคลื่อนที่ไปพร้อมกับโจมตีได้ เป็นต้น
ก็เป็นแนวคิดการจำลอง หรือแบ่งภาค แยกร่างให้เครื่องแม่ข่ายสามารถทำงานได้เสมือนว่ามีเครื่องแม่ข่ายหลายๆตัว ทั้งๆที่เราอาจมีเพียงเครื่องจริงเพียงเครื่องเดียว เช่นเราสามารถจำลองให้เครื่องแม่ข่ายเครื่องเดียวทำงานเป็นเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2003 และ IIS พร้อมกันนั้นก็จำลองให้เครื่องแม่ข่ายเป็นไพล์เซิฟเวอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux และโปรแกรมอื่นๆ
เป็นกรอบแนวคิด หรือวิธีการแบ่งปันทรัพยากรคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดการทำงานหลายๆอย่างพร้อมกัน ในสิ่งแวดล้อมหลายรูปแบบ หลายเทคโนโลยี
ทำให้ใช้เครื่องแม่ข่ายอย่างคุ้มค่า, ประหยัดต้นทุนกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องแม่ข่ายเพิ่มเติม , ระบบเดิมยังสามารถใช้งานได้
อยากไปฟังบ้างจังคะ
วันนี้เจอคลิปนี้น่าจะช่วยเสริมความรู้กันได้บ้าง
จากรายการชีพจรโลกค่ะ เรื่อง Web 2.0